อินชิงเสวียนเอามือไพล่หลังพูดว่า “สัญลักษณ์นี้เรียกว่าตัวเอ็กซ์ ซึ่งหมายถึงตัวแปรที่ไม่ทราบค่า ซึ่งนี่ก็คือสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวในคณิตศาสตร์”
“ตัวเอ็กซ์? ทำไมชื่อถึงดูแปลกๆ”
บัณฑิตเฒ่าไม่เข้าใจ
ฉางเฮ่อไหลก็เดินมาหาด้วย
“ใช่ๆ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แล้วตัวแปรที่ไม่ทราบค่าคืออะไร”
แล้วอินชิงเสวียนก็อธิบายให้ทุกคนฟังทันที พร้อมกับหาโจทย์ง่ายๆ สองสามข้อ มาแสดงวิธีทำและหาคำตอบโดยใช้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่คนอายุน้อย แต่ในด้านวิชาการ พวกเขาเป็นผู้ที่เก่งที่สุดในแคว้น แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว
“ไม่นึกว่าโจทย์เลขจะแก้ด้วยวิธีนี้ได้ด้วย”
“ใช่ ง่ายกว่าวิธีการคำนวณแบบตั้งเดิมมาก”
“วิเศษจริงๆ คิดไม่ถึงว่าอาจารย์อินที่อายุยังน้อย จะมีความรู้มากมายเพียงนี้ ข้าเทียบไม่ได้เลย”
เหล่าบัณฑิตเฒ่าต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน แล้วอินชิงเสวียนก็สอนเรื่องการหาค่าพื้นที่ของรูปลักษณะต่าง รวมถึงจำนวนบวกและลบ คณิตศาสตร์เชิงตรรกะ และสมการกำลังสองเป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้พื้นฐานตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมต้น
แต่เสียดายที่บัณฑิตเฒ่าเหล่านี้ไม่สามารถรับความรู้มากมายได้ในคราวเดียว อินชิงเสวียนจึงมุ่งเน้นไปที่สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ส่วนเรื่องอื่นก็พูดถึงแค่เพียงคร่าวๆ โดยมีหัวใจหลักเพื่อกระตุ้นความสนใจของพวกเขา
แล้วจึงอธิบายฟิสิกส์ กลศาสตร์ ทัศนศาสตร์ ไฟฟ้า และธาตุเคมีต่างๆ จนนักเรียนชราทั้งหลายที่ได้ยินแล้วก็ต้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทั้งรู้สึกว่าลึกซึ้งเข้าใจยาก ทั้งยังรู้สึกไม่น่าเชื่อด้วย
อย่างเช่นฟ้าร้องฟ้าผ่า ในความเห็นของพวกเขา ฟ้าร้องฟ้าผ่าล้วนเป็นเรื่องของเทพเจ้าสายฟ้าและเทพธิดาฟ้าแลบ
ฝนตกเป็นพรจากสวรรค์ หรือไม่ก็พญามังกรพ่นน้ำ แต่อาจารย์อินผู้นี้กลับกล่าวว่าทุกสิ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งทำให้พวกเขาสับสนไม่เข้าใจ
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “เทพเจ้าสายฟ้าและเทพธิดาฟ้าแลบล้วนเป็นบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ สิ่งเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งสามารถอธิบายได้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ต่อไปพวกท่านก็จะค่อยๆ เข้าใจได้เอง”
พวกเขายังคงไม่เข้าใจ และเป็นการยากที่จะเข้าใจ ราวกับว่าสิ่งที่ศรัทธาทั้งชีวิตพังทลายลงในทันทีซึ่งทำให้พวกเขาเชื่อได้ยาก
อินชิงเสวียนก็จนปัญญาที่จะโต้เถียงกับพวกเขาได้ พอพวกเขาเรียนรู้มากขึ้น ย่อมเข้าใจได้เอง
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากบัณฑิตเฒ่าเหล่านี้ อินชิงเสวียนจึงเปลี่ยนหัวข้อนี้มาเป็นวิชาคณิตศาสตร์เล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับประโยชน์ของการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รวมถึงความตั้งใจของฝ่าบาทที่จะนำหัวข้อนี้เข้าสู่การสอบเคอจวี่
ทุกคนต่างพึมพำปรึกษาหารือกัน จ่างก็รู้สึกว่าการเรียนคณิตศาสตร์มีประโยชน์มากมายจริงๆ โดยเฉพาะในกรมโยธาที่มักจะสร้างสิ่งต่างๆ ต้องใช้การคำนวณมาก
สมัยก่อนจะคำนวณแบบท่องจำทั้งหมด หากนำเอ็กซ์และวายมาเป็นตัวแปรก็จะง่ายกว่ามาก
กลศาสตร์และทัศนศาสตร์ก็น่าสนใจมากเช่นกัน ส่วนวิชาเคมีนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ค่อยสนใจนัก
ถึงอย่างไรความสนุกของวิชาเคมีอยู่ที่การทดลอง หากไม่ได้ทำการทดลอง ก็จะจืดชืดน่าเบื่อไร้รสชาติ
อินชิงเสวียนสามารถแลกสิ่งของมาทำการทดลองได้ แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องค่อยๆ สั่งสมความสนใจทีละน้อย
หากต้องการรวมวิชาทั้งสามนี้เข้าสู่การสอบเคอจวี่จริงๆ ก็จะเป็นงานที่ยาวนานและยากลำบากมาก อินชิงเสวียนได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว
“วันนี้พอเท่านี้ก่อนเถอะ ใต้เท้าทุกท่านจำสิ่งเหล่านี้ก็พอ แล้วพรุ่งนี้ข้าน้อยจะกลับมาอีกครั้ง”
อินชิงเสวียนประกบมือคำนับด้วยรอยยิ้ม กล่าวคำอำลาและเดินทางจากไป
ใต้เท้าทั้งหลายส่งอินชิงเสวียนออกจากสำนักศึกษาหลวง แต่ความคิดกลับไม่สามารถสงบได้อยู่นาน
“โลกนี้ไม่มีเทพจริงๆ หรือ”
“เป็นไปได้อย่างไร ฟ้าผ่าเกิดจากเทพเจ้าสายฟ้าเทพธิดาฟ้าแลบชัดๆ”
“ถูกต้อง เรื่องอื่นข้าก็เชื่อนะ แต่เรื่องนี้ข้าไม่อยากเชื่อจริงๆ”
“เอาเถอะ อาจารย์อินผู้นี้เป็นเด็กไฟแรง อาจจะแค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น พวกเราเลือกเรียนรู้แค่ขุดดีก็พอ”
หลังจากที่ฉางเฮ่อไหลพูดจบ ทุกคนก็พยักหน้า จากนั้นจึงหารือเกี่ยวกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวต่อ
อินชิงเสวียนขึ้นขี่ม้าแล้ว เวลานี้เลยยามเที่ยงไปแล้ว หากกลับช้าเกินไป เย่จิ่งอวี้จะต้องเทศนาเป็นการใหญ่อีกแน่นอน
เดิมทีข้าอยากจะไปเยี่ยมหลิวเหล่าไท่ไท่ แต่เนื่องจากมีเวลาไม่เพียงพอ จึงปล่อยผ่าน ถึงอย่างไรการเดินทางไปกลับต้องใช้เวลานาน
“อย่าส่งเสียงดัง พาเราไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
แม่เล้าพยักหน้าซ้ำๆ โดยไม่รู้ว่าลูกค้าท่านนั้นไปล่วงเกินผู้ใดเข้า แล้วจึงรีบพาพวกเขาขึ้นไปชั้นบนและชี้ไปที่ห้องหนึ่งอย่างเงียบเชียบ
อินชิงเสวียนมาถึงหน้าประตู แล้วเตะประตูเปิดออก
ในนั้นมีชายหน้าตาดีกำลังเลื้อยฝ่ามือขึ้นลงตามเรือนร่างของสตรี เพียงแต่เขามีรูปร่างเตี้ย ซึ่งไม่เหมาะกับใบหน้าหล่อเหลานั้น
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน แววตาของคนผู้นั้นก็ไหวระริก แสร้งทำเป็นสงบและถามว่า “ทุกท่านเป็นใคร”
“หวังซุ่น เจ้ายังมีหน้ามาเสแสร้งอีก”
อินชิงเสวียนเดินปรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ดึงใบหน้าของคนผู้นั้นทันที
คนผู้นั้นตีลังกากลับหลังไปที่หน้าต่าง และกระโดดพุ่งลงไปข้างล่าง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเสียงลงพื้น แต่กลับมีเสียงร้องโอ้ยแทน
เมื่ออินชิงเสวียนมองลงไป ก็เห็นหวังซุ่นถูกจับโดยชายร่างสูงสองคน เขากำลังดิ้นรนเหมือนเต่า
“ถอดหน้ากากออกจากหน้าเขา”
คนหนึ่งดึงคางของเขา แล้วฉีกดึงหน้ากากออก
และใบหน้าที่อยู่ข้างในนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหวังซุ่นชายชั่วร้ายที่ใช้วิชาแปลงโฉมปกปิดใบหน้าที่อัปลักษณ์
แม้ว่าอินชิงเสวียนจะพบเขาเพียงครั้งเดียว แต่นางก็จดจำรูปร่างของเขาได้ดี
ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าเจ้ายังอยู่ในเมืองหลวง พาเขากลับวัง”
ทักษะวรยุทธ์ของหวังซุ่นไม่ได้สูงมาก ปกติจะอาศัยทักษะวิชาแปลงโฉมเดินทางท่องยุทธภพ ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะตกอยู่ในมือของอินชิงเสวียน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวขุ่นทันที
เขาดิ้นรนและตะโกน “หากเจ้ายอมปล่อยข้าไป ข้ามีความลับมาแลกเปลี่ยนได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...