เมื่อเห็นข้อความในพระราชโองการ หินก้อนใหญ่ที่ทับอกของอินจ้งก็ถูกวางลง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยินดีที่จะออกรบ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเสบียงและหญ้ามีไม่เพียงพอต่อการบริโภคเป็นเวลานาน อีกเรื่องสำคัญก็คืออาการป่วยของอินสิงอวิ๋น
นี่เป็นไข้ใจของอินจ้งมาโดยตลอด
คืนนั้น จวนแม่ทัพจัดการเลี้ยงสุรา เพื่อต้อนรับอูเอินและแม่ทัพเจียงวู
สำหรับการต้อนรับที่สมศักดิ์ศรีของอินจ้ง อูเอินและคนอื่นๆ ต่างซาบซึ้งใจมาก
ชูแก้วแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นคำสั่งของโอรสแห่งสวรรค์ ข้าและคนอื่นๆ ก็ยินดีที่จะยุติสงครามเช่นกัน ตอนนี้สามารถติดต่อค้าขายกันได้ ไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว ตราบใดที่สามารถแลกเปลี่ยนธัญพืชจากราชวงศ์โจวได้ พวกเราก็จะสามารถพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกได้เช่นกัน ซึ่งทำให้มีชีวิตที่มั่นคงได้”
อินจ้งหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “ฝ่าบาทมีปรีชาญาณโดดเด่น ฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกล คาดว่าพระองค์ทรงเห็นข้อเสียของเจียงวู จึงมีพระประสงค์ให้ทำการติดต่อค้าขายกันได้ ตราบใดที่เจียงวูไม่รุกรานอาณาเขตของพวกเรา ความสงบสุขนี้จะดำรงสืบไปเป็นนิตย์”
อูเอินพูดอย่างละอายใจว่า “แม่ทัพอินพูดถูกต้องทีเดียว ครั้งนี้เจียงวูจะทำให้เชื่อมั่น...”
รุ่งเช้าวันที่สอง อินจ้งส่งคนไปแจ้งผู้ควบคุมดูแลเจียงวู และพบกันที่นอกเมืองในระยะสิบลี้ เพื่อลงนามในข้อตกลงยุติสงครามอย่างเป็นทางการ
เมื่อได้รับจดหมายแล้ว อาซือหลานทำเสียงฮึดฮัดเหยียดหยาม เอามือไพล่หลังและพูดว่า “ฮ่องเต้ของต้าโจวทำได้เพียงนี้เองหรือ มานั่งตำแหน่งจักรพรรดิได้อย่างไรกัน”
วันนี้เขาสวมเสื้อคลุมผ้าดิ้นปักทองสีเขียวเข้ม แขนเสื้อกว้างห้อยลงมา ทำให้เขาดูสง่างามเล็กน้อยในคราบปัญญาชน
ประกอบกับใบหน้าหล่อที่ชั่วร้าย เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวผู้อ่อนต่อโลกลุ่มหลงได้
จูอวี้เหยียนยังคงสวมชุดคลุมสีแดงจัด ซึ่งสวยงามตระการตา
นางเอามือเท้าใบหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงพราวเสน่ห์ “ท่านอ๋องคิดจะทำอย่างไรเพคะ?”
อาซือหลานหยิบแก้วชาบนโต๊ะขึ้นมา และจิบด้วยท่าทางที่สง่างาม
จูอวี้เหยียนพูดจบ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาและถามว่า “ตำแหน่งราชาเผ่าเจียงวู ท่านอ๋องคิดจะยึดอำนาจเมื่อไร”
อาซือหลานหัวเราะหยามเหยียด “อูเอินก็แค่ไอ้สุนัขไร้ค่า หากข้าต้องการครอบครองเจียงวู ข้าทำได้ทุกเวลา เพียงแต่ตอนนี้ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ ให้เขามีความสุขเพียงชั่วคราวไปก่อน”
จูอวี้เหยียนขยับสายตาและถามว่า “ท่านอ๋องยังอยากกลับไปพบสาวงามของท่านที่เมืองหลวงอีกหรือเพคะ?”
“เจ้าถามมากเกินไปแล้วนะ”
อาซือหลานสีหน้าเปลี่ยนในทันที สะบัดแขนเสื้อเดินออกจากกระโจม
จูอวี้เหยียนยิ้มอย่างมีเสน่ห์
เล่าลือกันว่าอินชิงเสวียนเป็นหญิงงามไร้ที่เปรียบ ครั้งนี้นางอยากไปดูให้เห็นกับตาว่า ตัวจริงของนางจะงดงามแค่ไหนกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...