สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 589

แม้ว่าจิตวิญญาณของเย่จิ่งหลานจะเข้ามาอยู่ในร่างของเด็ก แต่แก่นแท้คือชายหนุ่มในวัยยี่สิบกว่า มีหรือจะทนได้ที่เห็นอินชิงเสวียนมองข้ามตัวเองเช่นนี้

ได้แต่เสียดายที่ไม่มีปืนเลเซอร์ในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจัดการยัดคนหน้าด้านนี่เข้าใส่ตะแกรงแล้ว

“แม่เอ้ย ข้าไม่กลัวเขาหรอก เป็นลูกหมาอย่างเจ้ารึที่ฆ่าคนในจวนของข้าจนหมด”

อา‍ซือ‍หลานหัวเราะเบาๆ พูดว่า “ใช่แล้วอย่างไรล่ะ ต้องโทษเจ้าที่ช่วยคนที่ไม่ควรจะช่วย ส่งตัวหวังซุ่นมา แล้วข้าจะปล่อยให้เด็กเปรตอย่างเจ้ามีชีวิตรอด”

เย่จิ่งหลานถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจ้าฝันไปเถอะ”

อา‍ซือ‍หลานถอนหายใจ พูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ให้ความร่วมมือ เช่นนั้นก็อย่าตำหนิข้าที่ไร้ปรานี”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของเขาก็มาถึงเบื้องของหน้าเย่จิ่งหลานแล้ว

อินชิงเสวียนแลกเปลี่ยนพลังมิติทันที แล้วซัดฝ่ามือออกไป

อาซือหลานใช้พัดมาสกัด แล้วอินชิงเสวียนก็ถูกผลักออกด้วยพลังมหาศาล กระเด็นถอยกลับไปสี่ห้าก้าว

นางอดไม่ได้ที่จะตกใจ อา‍ซือ‍หลานที่อยู่ตรงหน้า ดูแข็งแกร่งกว่าตอนที่พบกันในอุโมงค์

อา‍ซือ‍หลานไม่รีบร้อนลงมือ เขามองอินชิงเสวียนประหนึ่งแมวที่กำลังเล่นกับหนูตัวจ้อย เอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม “สมแล้วที่เป็นสตรีที่สามารถจับจูอวี้เหยียนและฟางรั่วเข้าคุกหลวงได้ มีทักษะจริงๆ ข้าเริ่มสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”

อินชิงเสวียนหรี่ตาแคบลง

“เจ้าตรวจสอบได้ชัดเจนทีเดียว”

เมื่ออา‍ซือ‍หลานรู้เรื่องนี้แล้ว งั้นก็ต้องรู้ด้วยว่าตอนนี้จูอวี้เหยียนอยู่ในตระกูลอิน หากเขาต้องการช่วยจูอวี้เหยียน เขาจะบุกเข้าไปในตระกูลอินอย่างแน่นอน

เขามาต้าโจวครั้งนี้ เขาไม่ได้มาคนเดียวอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว

“อาซือหลาน ตอนนี้เจียงวูได้ลงนามในสนธิสัญญายุติสงครามกับต้าโจวแล้ว ในฐานะท่านอ๋องแห่งเจียงวู เจ้ามาก่อเรื่องที่เมืองหลวงโดยพลการ ไม่กลัวว่าฝ่าบาทจะพิโรธ ยกกองทัพไปบดขยี้ ทำให้ประชาชนสองแคว้นเดือดร้อนอย่างนั้นหรือ”

อา‍ซือ‍หลานก้าวไปข้างหน้าสองก้าวราวกับเดินเล่นอย่างสบายๆ อารมณ์ โบกพัดแล้วพูดว่า “ประชาชนทั้งสองแคว้นเกี่ยวอะไรกับข้า พวกเจ้าอยากต่อสู้ก็สู้กันไปสิ ข้าแค่นั่งเฉยๆ รอรับผลประโยชน์ก็พอ ตระกูลเย่เป็นฮ่องเต้มานานพอควรแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนนายใหม่แล้ว”

เดิมทีเขาคิดว่าจะมาหาหวังซุ่น สิ่งที่อินชิงเสวียนพูดเมื่อคืนนี้ เขาที่อยู่บนต้นไม้ได้ยินอย่างชัดเจน ด้วยความสามารถของหวังซุ่น อาซือหลานจึงตัดใจปล่อยเขาไปไม่ได้

หลังจากการค้นหาทั้งคืน เขาไม่เห็นหวังซุ่นและเย่จิ่งหลานออกไป ดังนั้นจึงสรุปว่าพวกเขายังคงซ่อนตัวอยู่ในจวน เขาจึงกลับไปผักผ่อนและกลับมาใหม่ แต่ไม่นึกว่าจะได้พบกับอินชิงเสวียนที่นี่ ช่างเหมือนกับคำพูดที่ว่า ย่ำจนรองเท้าสุกก็ไม่ได้พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย

วันนี้เขาต้องพาสตรีคนนี้ไปให้ได้

เมื่อมองดูใบหน้างดงามหยาดเยิ้มดวงนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากของอาซือหลานก็ลึกล้ำขึ้น

“ดูซิว่าท่านี้ เจ้าจะหลบได้อย่างไร”

อาซือหลานใช้นิ้วหัวแม่มือแตะปลายพัด แล้วพัดพับก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานอสุนีบาต พุ่งตรงไปยังอินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนรีบหลบเลี่ยง โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นการเคลื่อนไหวหลอกๆ อาซือหลานได้เหาะขึ้นไปบนอากาศ หมายจะคว้าร่างของอินชิงเสวียนไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้น อินชิงเสวียนก็จะเข้าไปในมิติทันที แต่เห็นเงาสีน้ำเงินกะพริบ และมีร่างผึ่งผายกำยำมาขวางหน้านาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์