ท่ามกลางคลื่นและลมแรง ในที่สุดคืนเดือนหงายก็ต้อนรับแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่อง
อินชิงเสวียนอาศัยอยู่ในหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่อาจตื่นสายเกินไปได้
พอฟ้าสาง นางก็สวมเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นนั่ง
เมื่อเปิดประตู เห็นฮวาเชียนที่ถือชามยาอยู่ทันที
“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านอาฮวา”
อินชิงเสวียนยิ้มและกล่าวทักทาย
ฮวาเชียนชอบอินชิงเสวียนมาก ถามอย่างอ่อนโยน “ทำไมเจ้าตื่นเช้าขนาดนี้”
“นอนอิ่มพอแล้ว ท่านแม่ตื่นหรือยัง”
“ตื่นมาสักพักแล้ว นี่คือยาที่หมอเทวดาหนิงให้ไว้ก่อนหน้านี้ ข้าจึงต้มมาหน่อย”
“ข้ายังมีน้ำพุยาอยู่ ให้ท่านแม่ดื่มด้วยเถอะ”
ก่อนอินชิงเสวียนเดินทางจากมา นางได้ทิ้งน้ำพุวิญญาณให้กับตระกูลอินไว้มาก สำหรับแม่สามีของนาง นางย่อมไม่ตระหนี่ถี่เหนียวอยู่แล้ว
ฮวาเชียนพยักหน้าขอบคุณทันที ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมหลายวันก่อนอินชิงเสวียนถึงให้นางดื่มน้ำบ่อยๆ คิดว่าที่นางฟื้นตัวเร็วมากขนาดนี้ ต้องเพราะผลของน้ำพุยานี้
เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณ
“ต้องขอบคุณชิงเสวียนมาก”
“เราคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
อินชิงเสวียนแกล้งทำเป็นเดินกลับไปเอาน้ำในห้อง แล้วหยิบกาน้ำพุวิญญาณออกมามิติ
หวนไท่เฟยสีหน้าแช่มชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก หากไม่กลัวว่าจะถูกสงสัย อินชิงเสวียนก็อยากให้นางอาบน้ำพุวิญญาณจริงๆ จะดีขึ้นเร็วอย่างแน่นอน
แต่สถานที่แห่งนี้ก็ไม่เหมือนวังหลวง แค่พิณการเวกยังทำให้เกิดความวุ่นวายเช่นนี้ หากใครรู้ว่านางมีมิติส่วนตัว ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง
ขณะที่กำลังคิดอยู่ หวนไท่เฟยก็เดินออกจากห้อง
ถามอย่างมีอัธยาศัยดี “เสวียนเอ๋อร์ ทำไมเจ้าไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ”
“นอนไปแล้วเจ้าค่ะ วันนี้ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นมากแล้ว ถึงฝันแม่ก็ไม่เคยฝันว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณน้ำพุยาของเสวียนเอ๋อร์ หากเจ้าและอวี้เอ๋อร์ไม่มาที่นี่ แม่คงจะไปเล่นหมากรุกกับยมบาลแล้ว”
เซี่ยวอิ๋นหวนกล่าวอย่างขบขัน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ร่าเริงของไท่เฟย อินชิงเสวียนก็สบายใจ หลังจากเฝ้าเซี่ยวอิ๋นหวนกินยาเสร็จ นางก็ถามเรื่องคนตงหลิว
เซี่ยวอิ๋นหวนกล่าวว่า “เกรงว่าเรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ว่ากันว่ามีสำนักหนึ่งในจงหยวนที่รับผิดชอบในการลงโทษพวกขยะในยุทธจักร ทุกครั้งที่รวบรวมได้หนึ่งร้อยคน พวกเขาจะเนรเทศไปยังเกาะเล็กๆ ในทะเล และคนเลวทรามเหล่านี้คือบรรพบุรุษของชาวตงหลิว”
เซี่ยวอิ๋นหวนหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “คนเหล่านี้เชื่อมาโดยตลอดว่าตัวเองคนจงหยวนคั้งเคิม ดังนั้นตลอดหลายปีนี้จึงวางแผนต่อต้านจงหยวน”
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เป็นกลุ่มคนถ่อยที่น่ารังเกียจจริงๆ”
“อืม เดิมทีคนเหล่านี้ก็พอมีฝีมือ ต่อมาทีพวกเขาอาจมีโอกาสอื่น ทำให้แต่ละคนมีทักษะพิเศษ ยากที่จะรับมือได้”
เมื่อพูดถึงคนพวกนั้น เซี่ยวอิ๋นหวนก็มีสีหน้ากังวล
ฮวาเชียนที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ตอนนี้แม่นางชิงเสวียนไม่ถูกพิณการเวกแว้งกัด ถ้ามีเวลาพอ ต้องสามารถใช้พลังอานุภาพของพิณนี้ได้แน่ เรื่องนี้ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวลอีก รักษาสุขภาพให้ดี ไม่อย่างนั้นอวี้เอ๋อร์จะเป็นห่วงท่าน”
เซี่ยวอิ๋นหวนยิ้มอย่างมีความสุข
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ต่อไปนี้ใต้หล้าก็จะเป็นของคนหนุ่มสาว”
ทันทีที่พูดจบ เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“ลูกน้อมทักทายท่านแม่ขอรับ”
เขายกเสื้อคลุมขึ้น กำลังจะคุกเข่าลง แต่เซี่ยวอิ๋นหวนหยุดไว้
“เจ้าเด็กโง่ ที่นี่ไม่ใช่วังหลวง จะคุกเข่าอะไรมากมาย ทำให้เราสองคนแม่ลูกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าไปอีก”
เย่จิ่งอวี้ก้มศีรษะลงยิ้มๆ
“ลูกรู้แล้ว”
เซี่ยวอิ๋นหวนถามอีกครั้ง “จ้าวเอ๋อร์ล่ะ ตื่นแล้วหรือ”
อินชิงเสวียนตอบว่า “เจ้าเด็กดื้อนั่นซุกซนมีพลังมาก ตื่นนานแล้วเจ้าค่ะ”
เซี่ยวอิ๋นหวนลุกขึ้นยืนทันที
“เจ้าสำนักเซี่ยวหมายถึง...”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดอย่างเรียบง่ายและรัดกุม “อารมณ์และอุปนิสัยของเขา”
อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ
เย่จิ่งอวี้มีอารมณ์มั่นคง แม้ว่าจะเข้มงวดกวดขันกับขุนนาง แต่ก็เอาใจใส่นางและเสี่ยวหนานเฟิงอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก
เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้ว แล้วถามอีกครั้ง
“ไม่มีจริงๆ หรือ”
“ไม่มีจริงๆ เจ้าค่ะ อาอวี้ปกติทุกอย่าง หรือว่าเจ้าสำนักเซี่ยวเห็นอะไร”
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะถามกลับ
“ไม่มี ข้าแค่ถามเฉยๆ”
หลังจากที่เจ้าสำนักเซี่ยวพูดจบ เขาก็หันกลับมาหยิบม้วนเพลงพิณออกมา
“เพลงนี้ชื่อว่าเพลงหมื่นกระบี่เศษดารา เป็นเพลงโจมตีที่มีอานุภาพสูงสุดในหอ การบรรเลงท่วงทำนองนี้ก็เหมือนกับวรยุทธ์ ต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น แต่ชาวตงหลิวต่างจ้องจะเขมือบอยู่ ไม่มีเวลาแล้ว เจ้าลองเล่นดูก่อนได้ ถ้าไม่ได้ผลจริงๆ ค่อยเริ่มจากระดับพื้นฐานใหม่อีกครั้ง ข้าบอกฮวาเชียนไปแล้วตอนที่เจ้าบรรเลง นางจะคอยปกป้องเจ้าอยู่ข้างๆ”
จู่ๆ เจ้าสำนักเซี่ยวก็นึกถึงสิ่งที่เขาดื่มเมื่อวานนี้ได้ แล้วถามว่า “หรือว่าสิ่งที่ข้าดื่ม ก็เป็นน้ำพุยาของเจ้าด้วย”
“ใช่เจ้าค่ะ ชิงเสวียนเคยพบกับคนแปลกหน้าในเมืองหลวง เขามอบให้ข้ามาบางส่วน เมื่อรู้ว่ามีสงครามเกิดขึ้นที่เป่ยไห่ คิดว่าอาจมีคนต้องการ จึงนำมาด้วย”
“คิดไม่ถึงว่าของสิ่งนี้จะให้ผลเช่นนี้ เป็นน้ำพุวิเศษจริงๆ”
เจ้าสำนักเซี่ยวกล่าวด้วยความชื่นชม แล้วพูดว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนี้กับคนอื่น จะกลายเป็นว่าได้รับความลำบากเพราะครอบครองสมบัติ”
อินชิงเสวียนพูดด้วยความเคารพ “ขอบคุณเจ้าสำนักเซี่ยวที่สั่งสอน ชิงเสวียนจะจำไว้เจ้าค่ะ”
เจ้าสำนักเซี่ยวยืนขึ้น กล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ครอบครัวพวกเจ้าจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่นี่ ใช้โอกาสที่คนตงหลิวยังไม่บุกมา รีบใช้เวลาด้วยกันให้เต็มที่!”
หลังจากพูดจบเขาก็ออกไปเอง
ช่างเป็นชายชราที่หัวแข็งจริง เห็นได้ชัดว่าสามารถพูดคำเหล่านี้กับเย่จิ่งอวี้ได้ แต่กลับทำให้กลายเป็นความกระด้างเสียได้ ปรมาจารย์ล้วนมีแต่คนแปลกพิสดารกันจริงๆ
อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกลับไปยังที่พักของเสี่ยวหนานเฟิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...