เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ชิงเสวียนสำคัญต่อข้าอย่างมากในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะยืมออกไปได้อย่างไร?”
อาซือหลานยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ข้าเพียงอยากพาแม่นางอินไปลาดตระเวนชายฝั่งชั่วครู่ เจ้าสำนักเซี่ยวไม่ต้องตื่นตกใจ ตอนนี้ลูกศิษย์ของสำนักต่างก็ส่งออกไปทำงานกันแล้ว มีพิณการเวกอยู่ก็สามารถประกันความปลอดภัยได้มากขึ้น”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดอย่างราบเรียบ “เจ้าสำนักฉุยต้องการลาดตระเวน ข้าไปกับเจ้าก็ย่อมได้ เหตุใดต้องรบกวนอินชิงเสวียนด้วยเล่า”
อาซือหลานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย และรีบพูดต่อว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวพูดถูกต้องเลยทีเดียว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ อีกสักครู่ข้าและเจ้าสำนักเซี่ยว รวมทั้งผู้อาวุโสซูจะไปลาดตระเวนชายฝั่งด้วยกัน”
เฮ่ออวิ๋นทงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าไปด้วยสิ”
ซูถูเข้าใจในทันทีและถอนหายใจพูดว่า “ตอนนี้เกิดคดีฆาตกรรมเช่นนี้แล้ว เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันหวาดกลัว เจ้าสำนักแต่ละท่านคอยอยู่ที่สำนักจะดีกว่า”
เมื่อพูดจบ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าเจ้าสำนักเฮ่อกลัวว่าพวกข้าจะทำร้ายเจ้าสำนักเซี่ยวงั้นหรือ?”
เจ้าสำนักเซี่ยวแทบไม่เห็นสองคนนี้อยู่ในสายตา จึงพูดฮึดฮัดออกมาว่า “ฝีมืออย่างพวกเจ้าคงต้องรออีกนาน เรื่องนี้ตกลงตามนี้”
เซี่ยวอิ๋นหวนขมวดคิ้ว และรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย แต่กลับไม่ต้องการทำให้พ่อบุญธรรมเสียหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ จึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมาและกลืนคำพูดลงท้องไป
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ทุกคนได้ตั้งลูกศิษย์ที่เป็นสายลับออกตรวจด้วยตัวเอง โดยมีเจ้าสำนักหานเตาเป็นผู้นำ และเริ่มต้นการสำรวจด้วยวิธีการที่ครอบคลุม
เจ้าสำนักเซี่ยวได้ตามฉุยอวี้และซูถูออกไปด้านนอก เซี่ยวอิ๋นหวนจึงรีบตะโกนขึ้นว่า
“ท่านพ่อ ลูกขอไปด้วยกับท่าน!”
เจ้าสำนักเซี่ยวโบกมือ
“ไม่ต้องหรอก ข้าไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะกลับไปแล้ว”
เซี่ยวอิ๋นหวนรู้ว่าเจ้าสำนักเฒ่าอารมณ์ดื้อรั้นมาก เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด จึงจำเป็นต้องกลับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก่อน
เดินมาได้เพียงครึ่งทาง ก็เห็นผู้หญิงใบหน้าซีดขาวคนหนึ่งล้มลงอยู่ตรงหน้า
หญิงสาวพยักหน้าด้วยความตื้นตันใจ หลังจากนั้นสิบห้านาที ทั้งสองก็มาถึงทางแยก จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ชี้มาทางด้านหลังของเซี่ยวอิ๋นหวน และพูดด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “เขาคือผู้ที่ลงมือทำร้ายข้า”
เซี่ยวอิ๋นหวนหันหน้ากลับมา ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ยืนตรง และฟาดฝ่ามือลงที่กลางอกของเซี่ยวอิ๋นหวน
ด้วยความที่ไม่ทันได้ระวังตัว เซี่ยวอิ๋นหวนกระอักเลือดสดออกมาจากปากในทันที หน้ามืดและล้มลงไปที่พื้น
หญิงสาวหัวเราะด้วยความชอบใจ และรีบเสื้อคลุมบนตัวออก พร้อมกับห่อตัวเซี่ยวอิ๋นหวนเอาไว้
หลังจากนั้นสิบห้านาที ทั้งสองก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องลับของสำนักเซียวเหยา
หญิงสาวโยนร่างของเซี่ยวอิ๋นหวนไว้บนเบาะนุ่ม พูดด้วยใบหน้าที่ชั่วร้ายว่า “เย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียน ครั้งนี้ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งสองคุกเข่ากราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้งต่อหน้าของข้าให้ได้ ฮ่าๆๆ”
นางส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง และพูดกับคนที่อยู่ด้านนอกประตูว่า “พวกเจ้า มัดตัวผู้หญิงคนนี้ให้ข้าหน่อยสิ”
ลูกศิษย์สองคนเดินเข้ามาจากด้านนอก ถามด้วยใบหน้าที่เคารพว่า “ผู้อาวุโสจูจะให้มัดนางผู้นี้ไว้ที่ใดขอรับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...