เซี่ยวอิ๋นหวนตอบรับ สายตามองลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความพึงพอใจอย่างมาก
โดยเฉพาะอินชิงเสวียน นางเกิดมามีหน้าตางดงาม และรู้เหตุรู้ผลเป็นอย่างมาก อาอวี้สามารถพบผู้หญิงแบบนี้ นางก็รู้สึกสบายใจ
แต่เมื่อนึกได้ว่าเรื่องที่เป่ยไห่ยังไม่ได้แก้ไข เซี่ยวอิ๋นหวนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หากว่าตัวเองสามารถควบคุมพิณการเวกได้ อินชิงเสวียนและอาอวี้ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว
พวกเขาควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวัง ตอนนี้กลับต้องมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมสงคราม นับเป็นภัยพิบัติที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ
“พวกเจ้าออกมานานขนาดนี้ ทางด้านราชสำนักจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
เย่จิ่งอวี้พูดปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะเจ้าคะ เสด็จอาสิบสามรักษาการณ์อยู่ในราชสำนัก จะต้องเรียบร้อยดีทุกอย่างเจ้าค่ะ”
เซี่ยวอิ๋นหวนพยักหน้ารับ “ไม่ว่าเป็นด้านวรยุทธ์หรือการวางแผน ท่านอ๋องสิบสามสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน”
ในใจกลับเป็นห่วงว่า เมื่อคนได้รับอำนาจเป็นเวลานานเกินไป จะเกิดความคิดอื่นขึ้นมาหรือไม่
แต่ทว่า ทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น
ไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะชื่นชมอำนาจบารมี เย่จั้นในตอนนี้จิตใจพะว้าพะวังเป็นอย่างมาก
หลายปีมานี้ เขารักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนด้วยหัวใจที่มีความรับผิดชอบ เมืองซุ่ยหานเป็นอาณาเขตของแคว้นต้าโจว จึงไม่อาจตกอยู่ในมือของผู้อื่นได้เพียงคืบเดียว
แต่ในใจลึกๆ ของเย่จั้น กลับไม่ชอบการผูกมัดของราชวงศ์ เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่กลับราชสำนักเป็นเวลานานหลายปี
ไม่คิดว่าเมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงจะพบเจอเรื่องราวมากมายเช่นนี้ เขาตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของเย่จิ่งอวี้อยู่นานแล้ว ขณะเดียวกันก็รอรับข่าวคราวของอินหลีเช่นกัน
ผู้หญิงคนนั้นที่สร้างความประทับใจให้แก่เขา จนถึงตอนนี้ก็ยากที่จะลืมได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมครั้งแรกที่เขาเห็นอินชิงเสวียนจากรูปวาดของอินจ้ง เขาจึงยอมเสี่ยงละเมิดความผิดต่อสวรรค์ เพื่อนำอินชิงเสวียนไปยังเมืองซุ่ยหาน
ใครจะรู้ว่าจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในช่วงนี้
เย่จั้นสวมหน้ากากของเย่จิ่งอวี้ และมองท้องฟ้าอย่างเบื่อหน่าย
หลี่เต๋อฝูที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท ด้านนอกหิมะตกแล้ว เข้าไปด้านในเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จั้นพูดอย่างราบเรียบว่า “ข้าไม่หนาว ไปเตรียมของขวัญมูลค่าสูง พรุ่งนี้ข้าจะไปตระกูลอินด้วยตัวเอง เพื่ออวยพรให้แก่อินสิงอวิ๋น”
หลี่เต๋อฝูยิ้มแล้วพูดว่า “กระหม่อมจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะไม่ทำให้เชื้อพระวงศ์ต้องเสียเกียรติแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี”
ใบหน้าเล็กของอินจื่อลั่วแดงระเรื่อเล็กน้อย นางกอดแขนของซูหมิงหลานแล้วพูดว่า “ข้าไม่ออกเรือนหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่กับท่านแม่ไปตลอดชีวิต”
อินจ้งยิ้มอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “พูดอะไรของเจ้า ใครที่ไหนไม่แต่งงานบ้างเล่า?”
อินปู้อวี่พูดต่อว่า “จริงด้วย นั่นคงมีเพียงสาวแก่เท่านั้นแหละ”
คนทั้งครอบครัวแย่งกันพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข มีเพียงอินสิงอวิ๋นที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อีกด้าน
น้องใหญ่ไปนานเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่านางปลอดภัยดีหรือไม่
ตอนที่ท่านแม่จะจากไป นางเคยจับมือของเขาและให้เขาดูแลอินชิงเสวียนให้ดี ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม เมื่อคิดถึงน้องสาวที่ต้องเผชิญกับอันตราย โดยที่ตัวเองกลับนั่งรอวันแต่งงาน ในใจของอินสิงอวิ๋นก็เกิดความรู้สึกผิดอย่างอดไม่ได้
เป่าเล่อเอ่อร์สะกิดเขาเบาๆ
“ท่าน... คิดสิ่งใดอยู่?”
อินสิงอวิ๋นรู้ว่าเป่าเล่อเอ่อร์จิตใจอ่อนไหว จึงยิ้มออกมาในทันที
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดถึงเจ้าที่สวมชุดแต่งงาน ต้องสวยมากแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...