เป่าเล่อเอ่อร์รู้สึกเขินอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าแดงระเรื่อ นางก้มศีรษะลง และจ้องมองที่ด้านหลังเท้า
ซูหมิงหลานเหลือบมองเหล่าลูกชายและลูกสาวคนเล็ก มุมปากก็เผยรอยยิ้มแห่งความรักใคร่ออกมา
หลังงานแต่งของสิงอวิ๋น ปู้อวี่และจื่อลั่วก็คงอีกไม่นานนัก
ตอนนี้ถือว่าตระกูลอินได้ปัดเป่าความขมขื่นและต้อนรับความหอมหวานเข้ามา อีกไม่นานก็จะมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
ทุกสิ่งเป็นเพราะคุณงามความดีของเสวียนเอ๋อร์ หากนางไม่พยายามคิดหาทางตอนอยู่ในวัง ตระกูลอินก็คงไม่สามารถกลับจากเมืองซุ่ยหานได้รวดเร็วเช่นนี้ ความจริงควรได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในงานมงคล ฝ่าบาทกลับส่งนางไปจัดการปัญหาเรื่องน้ำที่ต่างเมือง ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อใด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูหมิงหลานก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้
อินจื่อลั่วจึงถามขึ้นว่า “ท่านแม่คิดถึงท่านพี่อีกแล้วใช่หรือไม่?”
ซูหมิงหลานพยักหน้า
“การเดินทางครั้งนี้ยาวไกลยิ่งนัก ไม่รู้ว่าท่านพี่ของเจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ ตอนนี้ก็ไปได้เดือนกว่าแล้ว แต่ยังไม่มีจดหมายส่งมา แม่เป็นกังวลมากจริงๆ”
อินจ้งพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “มีองครักษ์ของราชวงศ์ไปด้วย จะต้องคุ้มครองความปลอดภัยของเสวียนเอ๋อร์ได้เป็นอย่างดี อีกอย่างนางไม่ได้ไปออกรบเสียหน่อย อาจเป็นเพราะทางนั้นมีงานยุ่งวุ่นวาย จึงไม่มีเวลาว่างเขียนจดหมาย เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ”
อินปู้อวี่ก็พูดโน้มน้าวว่า “ท่านแม่รองไม่ต้องเป็นกังวล น้องใหญ่มีไหวพริบหลักแหลม ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแน่นอน”
ซูหมิงหลานยิ้มด้วยความรักและพูดว่า “น้องใหญ่ของเจ้าเป็นผู้ที่มีบุญวาสนา แม่เพียงแค่เสียดายที่น้องใหญ่ไม่สามารถมาร่วมงานแต่งของพี่ใหญ่เจ้าได้”
“ไม่มีสิ่งใดต้องเสียดาย รอให้น้องใหญ่กลับมาก่อน และให้นางชดเชยด้วยของขวัญมูลค่าสูงก็พอ”
อินปู้อวี่มีนิสัยไม่คิดมาก เขาไม่เคยคิดอะไรในใจ เรื่องซับซ้อนเหล่านั้นก็พูดออกมาตรงๆ ตามที่คิดเสมอ
อินจื่อลั่วหัวเราะโฮะๆ แล้วพูดว่า “พี่รองพูดถูกต้องที่สุด หากท่านพี่กลับมาจะต้องมีของดีมาฝากพวกเราแน่นอน”
ซูหมิงหลานทนไม่ได้ที่จะทำลายอารมณ์ของลูกๆ จึงพูดพร้อมกับยิ้มว่า “ถูกต้อง อีกเดือนกว่าๆ จะถึงวันสิ้นปีแล้ว พี่สาวของเจ้าจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่อย่างแน่นอน”
อินจื่อลั่วพูดด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสาว่า “พวกเราให้เสด็จพี่เขยและท่านพี่มากินอาหารรวมญาติกับพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”
อินจ้งพูดว่า “ได้อย่างไรกันเล่า เชื้อพระวงศ์จะต้องโต้รุ่งในคืนสิ้นปีให้แก่บรรพบุรุษ จะมาอยู่กับพวกเราได้อย่างไร”
อินจื่อลั่วขานรับและถามว่า “ท่านพี่อวี้เหยียนก็จะกลับมาใช่หรือไม่?”
เย่จั้นยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขุนนางอินไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ข้าควรต้องกลับก่อน”
อินจ้งรีบเรียกอินสิงอวิ๋นมาในทันที
“รีบไปส่งฝ่าบาทกับพ่อหน่อยสิ”
อินสิงอวิ๋นพยักหน้า และกวาดสายตามองรอบใบหน้าของเย่จั้น
จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านพ่ออยู่ดูแลท่านอัคราจารย์กวนเถอะ ลูกจะไปส่งฝ่าบาทเอง”
เย่จั้นพยักหน้าพูดว่า “จริงด้วย จอมพลเฒ่าอายุมากแล้ว จะต้องส่งเขากลับไปอย่างปลอดภัย”
อินจ้งก็เป็นห่วงจอมพลเฒ่ากวนเช่นกัน จึงโน้มตัวและพูดว่า “เช่นนั้นกระหม่อมขอทำตามพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จั้นขานรับ และพาหลี่เต๋อฝูเดินออกไปจากตระกูลอิน
อินสิงอวิ๋นเดินขนาบข้างตามเขา เมื่อมาถึงหน้าประตูจวน จู่ๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ฝ่าบาทคือจิ้งอ๋องใช่หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...