สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 846

เสียงพิณหยุดลงกะทันหัน ร่างของหลายคนกระโจนเข้าไปหาอินชิงเสวียน

“สุนัขชั้นต่ำที่ไหนกัน!”

เย่จิ่งอวี้พูดตะโกนด้วยความโมโห เขาพุ่งขึ้นมากลางอากาศ ลมที่ฝ่ามือมืดฟ้ามัวดิน กวาดชาวตงหลิวหลายคน

ชาวตงหลิวรีบแยกจากกันทันที ลำเลียงพลังฝ่ามือส่วนใหญ่ จากนั้นก็รวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง และแตกออกเป็นชิ้นๆ

อาวุธลับที่มีรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย บินออกมาจากในมือของพวกเขา ปกคลุมทั้งสองไว้จนไม่เหลือช่องว่าง

เย่จิ่งอวี้สะบัดดาบออกมา เสียงกระทบกันกลางอากาศดังแกร๊ง

โมริตะคาวาสึบาเมะหลบอยู่ในที่มืดตลอดเวลา จ้องหาโอกาสจะเข้าไปชิงพิณ เดิมทียังเป็นห่วงว่าทุกคนจะได้รับผลกระทบจากเสียงพิณ โชคดีที่อินชิงเสวียนกอดพิณการเวกไว้แน่น และยังไม่บรรเลงออกมา

ในชั่วพริบตาก็เกิดการต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่า

แม้ว่าเย่จิ่งอวี้มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง แต่น่าเสียดายที่เสือไม่อาจต้านทานฝูงหมาป่าได้ หลังจากนั้นสิบห้านาทีก็เผยให้เห็นความพ่ายแพ้

“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าไปก่อน ปกป้องพิณการเวกให้ดี”

เย่จิ่งอวี้หันกลับมาตะโกนบอก แขนเสื้อกลับถูกกรีดด้วยมีดสั้น มีเลือดไหลออกมา แขนเสื้อและข้อมือก็กลายเป็นสีแดงทันที

“อาอวี้”

อินชิงเสวียนร้องตะโกนด้วยความตกใจ

“ไม่ต้องสนใจข้า รีบไป!”

“เอาพิณไว้!”

คนหนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยภาษาต้าโจวที่ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ อีกคนหนึ่งวิ่งอ้อมเย่จิ่งอวี้ และลงมือชิงพิณ

“กล้างั้นหรือ!”

เย่จิ่งอวี้ตะคอกด้วยความโกรธ แสงของดาบพุ่งออกมาจากข้อมือของเขา และดาบยาวก็มีเสียงมังกรคำรามออกมาทันที

คนเหล่านั้นเห็นเหตุการร์ก็เริ่มโยนอาวุธลับอีกครั้ง เย่จิ่งอวี้จึงต้องใช้ดาบไปสกัดอาวุธลับ เสียโอกาสที่ดีในการฝ่าวงล้อมอีกครั้ง

คนชิงพิณรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก นี่ถือเป็นโอกาสดีที่หาได้ยาก หากพวกเขาสามารถชิงพิณมาได้จริงๆ นั่นจะเป็นคุณงามความดีอันใหญ่หลวงต่อตงหลิว

อินชิงเสวียนถอยหลังหนึ่งก้าว สายตาเผยให้เห็นความตื่นตกใจเล็กน้อย

“ไอ้พวกคนสารเลว ไสหัวไป”

เมื่อเห็นความงามอันน่าทึ่งและเสียงอันไพเราะของหญิงสาว คนชิงพิณก็มั่นใจมากยิ่งขึ้น หลังจากต่อสู้กันไม่กี่กระบวนท่า คนหนึ่งก็คว้าพิณสายสามสายเอาไว้ได้

“เอามาให้ข้า!”

อีกคนหนึ่งฟาดฝ่ามือไปยังอินชิงเสวียน อินชิงเสวียนสะบัดมือออกในทันที

ขณะนั้น เงาร่างหนึ่งลอยลงมาที่พื้น และตะเบ็งเสียงแข็งว่า “สุนัขชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า กล้าคิดจะมาทำลายพิณการเวก นอนลงไปเดี๋ยวนี้”

เสียงนั้นราวกับระฆังกังวาน มีพลังมหาศาล สามารถระงับคลื่นที่ซัดสาดได้

ทุกคนต่างตกใจอย่างอดไม่ได้ แม้พวกเขาไม่เคยออกมาจากเกาะ แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเซี่ยวติ่งเทียน เสื้อที่ชายแก่ผู้นี้สวมใส่ปักตัวอักษรคำว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ ต้องเป็นเจ้าสำนักของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่

สีหน้าของโมริตะคาวาสึบาเมะก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นพวกเขาตามลำพัง นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต และไม่อยากออกมาเพื่อสร้างสถานการณ์ยุ่งเหยิงอีก

เวลาของพวกเขามีไม่มากแล้ว ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องเอาพิณมาให้ได้

ตอนนี้จะออกไปใช้วิชาเนตร เกรงว่าส่วนสูงจะเป็นอุปสรรค โมริตะคาวาสึบาเมะรีบอ้อมไปด้านหลังของเจ้าสำนักเซี่ยวทันที เมื่อเห็นว่ามีโอกาสจึงยกระดับกำลังภายในเต็มกำลัง และฟาดฝ่ามือออกไปที่ด้านหลังของเขาอย่างโหดเหี้ยม

เจ้าสำนักเซี่ยวถูกสองคนล้อมเอาไว้จึงหนีออกไปไม่ได้ ฝ่ามือฟาดเข้าจังๆ และมีรอยมือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนเสื้อคลุมที่ด้านหลัง เขารู้สึกถึงความหวานในลำคอและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

โมริตะคาวาสึบาเมะยกยิ้มที่มุมปาก ไอ้แก่หนังเหนียว หากไม่ใช่เพราะวันนี้ต้องการมาชิงพิณ เขาจะต้องตายใต้ฝ่ามืออย่างแน่นอน

ชาวตงหลิวจิตใจฮึกเหิม เซี่ยวติ่งเทียนก็ไม่ได้เก่งมากเท่าไร

“ท่านตา!”

อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน

ชาวตงหลิวคนหนึ่งฉวยโอกาสเตะเท้าออกไป และถีบพิณการเวกกระเด็น

อีกคนหนึ่งเผยสายตาแห่งความตื่นเต้น เขากระโดดขึ้นสูงและคว้าพิณไว้กลางอากาศ

อินชิงเสวียนหยิบผ้าก๊อซฆ่าเชื้อออกมาหนึ่งม้วน ใช้น้ำพุวิญญาณล้างบาดแผลให้เย่จิ่งอวี้และพันแผลให้เขา

“ทำไมถึงไม่ระวังแบบนี้?”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มและพูด “หากไม่แกล้งให้เหมือน พวกเขาจะเชื่อได้อย่างไร ตอนนี้พวกเขาต้องคิดว่าพิณการเวกถูกทำลายแล้วแน่นอน จากนี้เกรงว่าจะเกิดสงครามครั้งใหญ่”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“สงครามนี้ต้องเกิดขึ้นสักวัน สามารถสิ้นสุดสงครามโดยไว ประชาชนก็จะสามารถกลับมาจับปลาที่ริมทะเล และใช้ชีวิตอย่างสุขสงบต่อไป”

ตอนที่มาถึงชายฝั่งทะเล นางได้ปิดสวิสช์ไฟที่ริมทะเลหมดแล้ว เพื่อสะดวกต่อการให้คนเหล่านี้หนีไป

แต่โชคดีที่เจ้าสำนักเซี่ยวมาถึง หากคนเหล่านั้นชิงพิณปลอมไปได้จริงๆ ความลับถูกเปิดเผยแน่นอน แผนการที่พยายามทุ่มเทลงไปในครั้งนี้คงต้องสูญเสียไปเปล่าๆ

ในระหว่างที่ครุ่นคิด เจ้าสำนักเซี่ยวก็ลืมตาขึ้นมา แววตาที่ล้ำลึกคู่นั้นกลับมาเป็นปกติดังเดิม

“พวกเจ้าสองคนกลับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ไปก่อน ข้าจะไปที่สำนักกระบี่สังหาร”

เย่จิ่งอวี้พูดกำชับ “ท่านตาระวังตัวด้วยนะขอรับ”

เจ้าสำนักเซี่ยวตอบรับและใช้กำลังภายในมุ่งหน้าไปยังสำนักกระบี่สังหาร

ลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูต่างรู้จักเจ้าสำนักเซี่ยว จึงรีบโน้มตัวเชิญเขาเข้าด้านใน

เจ้าสำนักเซี่ยวเดินตรงเข้าไปในห้องโถงหลัก กลับได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านใน

“ขอเพียงเจ้าสำนักเฮ่อยินดีจะไปกับข้า ไม่ว่าเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ หรือว่าเงินทองหญิงสาว ข้าสามารถทำให้ท่านพอใจได้ทั้งนั้น”

เจ้าสำนักเซี่ยวชะงักฝีเท้า เสียงนี้...

คือฉุยอวี้งั้นหรือ?

เฮ่ออวิ๋นทงไปมาหาสู่กับฉุยอวี้ได้อย่างไร?

เจ้าสำนักเซี่ยวสีหน้าเคร่งขรึมและผลักประตูเข้าด้านใน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์