“ไป๋เสวี่ย!”
อินชิงเสวียนตกใจ
ช่วงนี้ปล่อยเจ้าสุนัขให้วิ่งอย่างอิสรเสรี แม้ว่ามันจะเตร็ดเตร่ไปทั่ว แต่ก็ไม่เคยกัดใครก่อนเลย และนอกจากพวกเขาสามคนในครอบครัวแล้ว ไป๋เสวี่ยก็ไม่เข้าใกล้คนอื่น เมื่อเห็นจู่ๆ มันกระโจนเข้าใส่ จึงต้องร้องดุ
แขนขาบางๆ ของเฮ่อฉางเฟิงไม่ใหญ่พอที่จะให้ไป๋เสวี่ยขย้ำได้สักคำ
ไป๋เสวี่ยมาถึงเบื้องหน้าของเฮ่อฉางเฟิงแล้ว แต่มันไม่ได้กัดคน หัวสุนัขอันใหญ่โตเอียงมอง ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตจ้องมองไปที่เฮ่อฉางเฟิง
เฮ่อฉางเฟิงก็ตกใจ รีบหลบไปข้างหลังทันที
“นี่...สุนัขตัวโตจัง!”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วตะโกนว่า “ไป๋เสวี่ย ไปเล่นที่อื่น อย่าทำให้แขกตกใจกลัว”
ไป๋เสวี่ยไม่ขยับ ยังคงมองไปที่เฮ่อฉางเฟิง ดวงตาของเจ้าสุนัขคล้ายพิศวงงุนงง สูดดมรอบๆ ตัวของเฮ่อฉางเฟิง
แผ่นหลังของเฮ่อฉางเฟิงตั้งตรงทันที ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าไป๋เสวี่ยไม่มีเจตนาที่จะกัดเขา อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ยังคงไม่วางใจ จ้องมองไป๋เสวี่ยอย่างใกล้ชิด
ไป๋เสวี่ยเดินไปรอบๆ และดมกลิ่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปเห่าบอกความกับอินชิงเสวียนหลายครั้ง
เสียงเห่าไม่เหมือนจะกัดคน แต่เหมือนกำลังถามว่าคนผู้นี้เป็นใคร
อินชิงเสวียนไม่เข้าใจภาษาสุนัข นางจึงตบหัวใหญ่ๆ ของไป๋เสวี่ยเบาๆ
พูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ไป๋เสวี่ยเด็กดี ไปเล่นเองก่อนนะ นี่คือแขกของข้า ห้ามเห่าโวยวาย แบบนั้นไร้มารยาท”
ไป๋เสวี่ยเห่าอีกครั้ง แล้วเหลือบมองเฮ่อฉางเฟิง จากนั้นก็เดินจากไป
เฮ่อฉางเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถามอย่างสงสัย “มันเข้าใจคำพูดของเจ้าด้วยหรือ”
อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องง่ายๆ ก็พอจะเข้าใจ สุนัขตัวนี้ถูกอาอวี้เก็บได้ที่เจียงวู มันฉลาดมาก”
เฮ่อฉางเฟิงกล่าวชม “ดูแววตาคู่นั้นฉลาดเฉลียวมาก หายากนักที่จะเห็นสุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้”
อินชิงเสวียนพยักหน้ายิ้มๆ
ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวว่า “ข้ารบกวนมานานแล้ว ควรกลับแล้ว”
แล้วจู่ๆ อินชิงเสวียนก็ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าก่อนที่ท่านจะมาที่เป่ยไห่ เคยทำงานที่ที่สำนักคุ้มภัยไหนหรือ”
ฮั่วเทียนเฉิงตกใจเล็กน้อย พูดว่า “ข้าเคยอยู่ที่สำนักคุ้มภัยเวยหยวนมาระยะหนึ่ง”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้นี่เอง ข้าก็บังเอิญมีสหายอยู่ในสำนักคุ้มภัยเวยหยวน คิดว่าเจ้าต้องรู้จักเขาแน่”
ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าชื่นชม “เจ้าสำนักเซี่ยวมีสหายมากมายจริงๆ ข้าน้อยเลื่อมใสยิ่งนัก วันนี้ปลื้มปีติมาที่ได้รับคำเชิญจากเจ้าสำนัก ไว้วันหน้าข้าต้องเลี้ยงสุราคืนแน่นอน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อน้ำใจในวันนี้”
อินชิงเสวียนหรี่ตาลง
เขาไม่ได้ถามเจ้าสำนักเซี่ยวว่าเพื่อนที่เขารู้จักคือใคร แสดงว่ากินปูนร้อนท้อง ดูเหมือนว่าฉุยอวี้ ไม่ได้หลอกตัวเองจริงๆ ฮัวเทียนเฉิงไม่ใช่ผู้คุ้มกันธรรมดาเสียแล้ว
บางทีเจ้าอาจกำลังจ้องบางอย่างจนตาเป็นมันจริงๆ ก็ได้?
ในเมื่อเขาไม่ใช่คนดีอะไร เช่นนั้นก็อย่ามาโทษที่นางไม่เกรงใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...