เสี่ยวหนานเฟิงลืมไปแล้วว่าเสด็จอาเป็นใคร ดวงตาโตราวกับองุ่นสีดำเบิกตากว้าง มองที่อินชิงเสวียนด้วยสีหน้างุนงง
“เสด็จอาคือใครน่ะ”
อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป็นน้องสาวของเสด็จพ่อเจ้าอย่างไรล่ะ”
เสี่ยวหนานเฟิงยังคงไม่เข้าใจ เขาก้มหน้าเล่นมือเล็กจ้อยของตัวเองเสียดื้อๆ
อินจื่อลั่วดึงชายเสื้อของอินชิงเสวียนอย่างไม่เต็มใจ
“พี่หญิงอยู่ต่ออีกสองวันไม่ได้หรือเจ้าคะ”
อินปู้อวี่ก็มองดูน้องสาวเช่นกัน เมื่อวานกลัวนางจะเหนื่อยเกิน จึงไม่ได้มารบกวน พวกเขาพี่น้องยังไม่ค่อยได้พูดคุยกันเลย อินชิงเสวียนกลับจะไปแล้ว
ครั้นได้เห็นลูกๆ สามัคคีปรองดองกันเช่นนี้ อินจ้งก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“พี่หญิงเจ้าออกจากวังมานานแล้ว จึงต้องมีเรื่องมากมายต้องจัดการ ห้ามก่อเรื่อง”
เมื่อผู้เป็นบิดาเอ่ยปาก สองพี่น้องก็หุบปากทันที
เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปรับลูกชาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “รบกวนท่านขุนนางให้ดูแลเสวียนเอ๋อร์แล้ว วันหน้าเมื่อมีเวลาว่าง ข้าจะพาเสวียนเอ๋อร์ออกจากวังมาร่วงสังสรรค์กับทุกคนอีก”
อินจ้งรีบโค้งคำนับและกล่าวว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้ได้จับมือน้อยของอินชิงเสวียนแล้ว
“เสวียนเอ๋อร์ ไปกันเถอะ”
พวกเขาทั้งครอบครัวขึ้นรถม้า และสามสิบนาทีต่อมา รถม้าก็หยุดอย่างมั่นคงที่ประตูพระราชวัง
เมื่อมองดูพระราชวังหลังจากห่างหายไปหลายวัน อินชิงเสวียนก็ทอดถอนใจอย่างลึกซึ้ง
วันนั้นนางคิดว่าตัวเองต้องตายอย่างแน่นอน ไม่เคยคิดว่าจะสามารถกลับมายังสถานที่แห่งนี้ได้
เย่จิ่งอวี้ที่อยู่ข้างๆ พูดสัพยอก “อะไร จำไม่ได้แล้วรึ”
อินชิงเสวียนถอนหายใจเบาๆ
“แค่รู้สึกแปลกนิดหน่อย”
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงแล้วถามว่า “หรือเสวียนเอ๋อร์ยังคิดถึงวันเวลาที่อยู่ในเป่ยไห่?”
อินชิงเสวียนพูดอย่างผวาทันที “ช่างมันเถอะ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าตัวเองชอบตำหนักจินหวูมากกว่า”
เสี่ยวอานจื่อกำลังเช็ดน้ำตาอยู่
“เพียงพริบตาก็ผ่านไปเกือบครึ่งปี ในที่สุดพระสนมก็กลับมา กระหม่อมสวดภาวนาต่อสวรรค์ทั้งวัน หวังว่าพระสนมและองค์ชายน้อยจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
อวิ๋นฉ่ายกลอกตามองเขาอย่างอดไม่ได้ กระซิบ “ดูท่าทางไม่เอาไหนของเจ้านี่สิ”
จังอวี้จิ่นเม้มริมฝีปากแอบหัวเราะ
อินชิงเสวียนก้าวไปช่วยพยุงเสี่ยวอานจื่อให้ลุกขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ ข้าดวงแข็งจะตาย แม้แต่ยมบาลยังไม่อยากพาตัวไป”
ส่วนยายหลี่ได้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงแล้ว รีบคุกเข่าคำนับทั้งสองคน แต่อินชิงเสวียนดึงนางไว้ และถามอย่างอ่อนโยน “ช่วงนี้ยายหลี่สบายดีไหม”
ยายหลี่พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “สบายดี สบายดีทุกอย่างเพคะ ฝ่าบาทกับพระสนมรีบเข้าไปคุยกันในห้องเถิด หม่อมฉันจะไปชงชาให้เดี๋ยวนี้”
จังอวี้จิ่นพูดด้วยสีหน้าสดใส “ให้หม่อมฉันไปดีกว่าเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ได้เดินนำอินชิงเสวียนเข้ามาในตำหนักแล้ว
เขากดอินชิงเสวียนให้นั่งบนเก้าอี้ แล้วถามอย่างมีความสุข “ไม่ทราบว่าเสวียนเอ๋อร์ชอบการแต่งตั้งตำแหน่งแบบใด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...