สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 963

“ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป จนชั่วฟ้าดินสลาย!”

เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นข้างหู ลึกซึ้งและมั่นคงราวกับเข็มเทพใต้ทะเล ตกอยู่กลางใจของอินชิงเสวียนอย่างหนักแน่น

นางสูดจมูก และเผยรอยยิ้มที่สดใสเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

“ข้าจะเสียใจได้อย่างไรกัน นี่คือชีวิตที่ข้าต้องการมาตลอด อาอวี้พูดถูก ในวังยังมีนางสนมนางกำนัลอีกมาก เมื่อมีเวลาว่างข้าจะไปเรียนงานเย็บปักถักร้อยและพูดคุยกับพวกนาง ยังมีไห่ถังและเสี่ยวหนานเฟิง ข้าไม่มีทางเหงาแน่นอน”

เมื่อเห็นรอยยิ้มงดงามราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มที่มุมปากอย่างอดไม่ได้

เขาเหยียดนิ้วชี้อันเรียวยาวของเขาออก และเกาที่สันจมูกของอินชิงเสวียนด้วยความรักใคร่

“ถูกต้องแล้ว เสวียนเอ๋อร์ของข้าจะเหงาได้อย่างไรกัน เสวียนเอ๋อร์เป็นคนที่มีนิสัยอยู่นิ่งไม่ได้ วันนี้ออกจากวังไปไหนมางั้นหรือ?”

“ไปโรงเรียนสอนการต่อสู้เพคะ การเปลี่ยนแปลงของกวนเซี่ยวถือว่ามากเลยทีเดียว นิสัยสุขุมขึ้นมาก เพียงแต่ชีวิตของฟางรั่วเกรงว่าคงไม่ง่ายนัก”

อินชิงเสวียนกอดแขนของเขา ทั้งสองเผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน มุ่งหน้าเดินไปยังตำหนักจินหวู

“จอมพลเฒ่ากวนยังพุ่งเป้าไปหานางงั้นหรือ?”

เย่จิ่งอวี้ก้มหน้าถาม

ดวงตาสีเข้มส่องแสงเจิดจ้ายามพระอาทิตย์ตกดิน ช่างสวยงามยิ่งนัก

อินชิงเสวียนพยักหน้าพูดว่า “แน่นอนเพคะ แต่บางทีนี่อาจเป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง วันนี้ข้ายังไปที่จวนจอมพลเฒ่าด้วย ปมในใจของอัคราจารย์คงถูกคลายออกแล้วล่ะ เพียงแต่การซึมซับและการเปลี่ยนแปลงยังต้องใช้เวลาอยู่บ้าง”

“ไม่ได้กลับไปเยี่ยมตระกูลอินหรอกหรือ?”

เย่จิ่งอวี้ถามขึ้นอีกครั้ง

“ไม่เพคะ กลับตระกูลอินบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ในราชสำนักมีสายตาคอยจับจ้องมากมาย ข้าและตระกูลอินยิ่งติดต่อกันใกล้ชิดมาเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งหวาดกลัวต่อตระกูลอินมากขึ้นเท่านั้น”

“ไม่เป็นไรเลย ทุกอย่างแล้วแต่ความต้องการของเจ้า ความคิดของพวกเขา ข้าไม่สนใจ”

อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดว่า “ในยุคสมัยของข้ามีคำกล่าวว่า นักพรตเต๋าลงจากเขามากอบกู้โลกที่ไม่สงบสุข พระภิกษุเปิดประตูรับทรัพย์เมื่อรุ่งเรือง แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่อาจเหมารวมพระภิกษุทั้งหมดได้ แต่เมื่อมองจากภาพรวม ชีวิตความเป็นอยู่ของนักพรตเต๋ายากลำบากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าข้าไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อสำนักหรือศาสนาใด แต่มีแนวโน้มไปทางศาสนาเต๋ามากกว่า เพราะในยุคสมัยของข้า ศาสนาเต๋าคือศาสนาประจำชาติ ศาสนาพุทธคือมีต้นกำเนิดมาจากอีกประเทศหนึ่ง แม้จะเน้นย้ำการกอบกู้โลกและช่วยเหลือมนุษย์ สร้างคุณงามความดี แต่โดยเนื้อแท้ยังคงมีความแตกต่างกันมาก”

“หา? มีความต่างอย่างไรหรือ?”

เย่จิ่งอวี้เกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

อินชิงเสวียนครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ศาสนาเต๋าให้ความสำคัญกับการวิถีชีวิตที่อ่อนน้อมกระทำตามธรรมชาติ อยู่เหนือความวุ่นวาย แสวงหาการปกครองโดยมิต้องตรากฏหมายต่อครองประชาชน การฝึกจิตใจและการปฏิบัติตัว ตลอดจนบรรลุเป้าหมายการเป็นหนึ่งเดียวกับลัทธิเต๋าผ่านการบำเพ็ญตน ศาสนาพุทธเน้นย้ำจตุราริยสัจคือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พวกเขาเชื่อว่าชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์และพวกเขาจำเป็นต้องหลีกหนีจากวงจรแห่งชีวิตและความตายด้วยการปฏิบัติมรรคมีองค์แปดและแสวงหาทางหลุดพ้นและนิพพาน”

อินชิงเสวียนชะงักไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ตัวข้าเองชอบคำว่า ‘การฝึกจิตใจและการปฏิบัติตัว’ อย่างมาก และไม่คิดว่าชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ยาก คนจนไม่จำเป็นมีชีวิตเศร้าโศก คนรวยก็ไม่ได้ไร้ซึ่งความทุกข์ ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการไตร่ตรองตนเองและการสังเกตตนเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความสงบและความกลมเกลียวภายในใจ แน่นอนว่าศาสนาพุทธก็ส่งเสริมความจริง ความดี และความงามมาโดยเสมอ นี่เป็นเพียงสิ่งที่ข้าเข้าใจเท่านั้น”

เย่จิ่งอวี้ก้มหน้าลงอย่างอดไม่ได้ เขามองสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าใหม่อีกครั้ง

ในใจก็ยิ่งเกิดความสงสัยว่า นางอาศัยอยู่ในโลกที่เป็นอย่างไรกัน เหตุใดนางจึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้?

หากได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ชีวิตนี้คงไม่มีสิ่งใดให้เสียใจแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์