ฮั่วเทียนเฉิงและคนอื่นๆ ไม่ได้ดีไปกว่าเก่อหงยวนมากนัก หลังจากออกจากชายฝั่งแล้ว เย่จิ่งหลานก็จงใจปล่อยพวกเขาออกมาจากมิติ
ทะเลกว้างใหญ่ ลึกล้ำไร้ขอบเขต แม้แต่ยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุด ยังรู้สึกอับจนหนทาง
ฮั่วเทียนเฉิงพวกเขาอาศัยกำลังภายในระดับสูง พยายามฝืนทนมาโดยตลอด ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็จะวิ่งไปอาเจียนในมุมลับตาคน
เย่จิ่งหลานต้องการกดอารมณ์ฮึกเหิมของพวกเขา จึงไม่สนใจ กินอาหารแบบเดียวกับลูกศิษย์ทั่วไป โชคดีที่ฮั่วเทียนเฉิงและคนอื่นๆ ไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร ทั้งยังไม่เคยกินอาหารจำพวกข้าวและแป้งหมี่ จึงทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกว่าอาหารเอร็ดอร่อยมาก
แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็กินได้ไม่มาก แต่ละคนต่างเดินตุปัดตุเป๋ ไม่มีพลังอันฮึกเหิมของศิษย์หัวกะทิเลย
เดิมทีเย่จิ่งหลานกังวลว่าจะมีอาหารไม่เพียงพอ แต่แบบนี้ก็นับว่าช่วยบรรเทาความต้องการเร่งด่วนได้ชั่วคราว
หากหวังซุ่นไม่ได้พูดปด อีกไม่เกินสองสามวันก็สามารถไปถึงตงหลิวได้ ซึ่งเย่จิ่งหลานมีความมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้มาก ยิ่งพอมีฮั่วเทียนเฉิงพวกเขา ก็ยิ่งเป็นเหมือนเสือติดปีก
ส่วนเรื่องที่ว่าหลังจากการต่อสู้จบลงแล้วจะไปตำหนักเทพหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา
เย่จิ่งหลานกลับเข้ามิติ ชงชาให้ตัวเอง ค่อยๆ จิบ แล้วหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง
ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่บนปลายนิ้ว ทำให้คนรู้สึกเลื่อนลอยอยู่รำไร
เย่จิ่งหลานมองดูประกายไฟวูบวาบ นัยน์ตาของเขาฉายแววตื่นเต้นอยู่วิบวับ
แม้ว่าแคว้นตงหลิวจะไม่ใช่ประเทศแห่งลูกหลานพระอาทิตย์ในยุคสมัยใหม่ แต่พวกเขากลับพูดภาษาแบบเดียวกัน เย่จิ่งหลานไม่อยากไปคิดว่ายุคสมัยนี้เป็นเพียงเรื่องหลักลอย หรือตกหล่นไปจากหน้าประวัติศาสตร์ แต่สรุปแล้ว ตัวหายนะพวกนั้นไม่อาจรอดได้
เขาจะเข่นฆ่าทุกคนจนสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนแก่คนป่วยผู้หญิง หรือเด็กทารกที่เพิ่งหัดพูดอ้อแอ้ ตราบใดที่เกิดบนเกาะตงหลิว งั้นก็ตายให้หมดทุกคน!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเย่จิ่งหลานพลันเย็นชา ดีดก้นบุหรี่ออกไปอย่างเหี้ยมเกรียม...
ตะวันเลื่อนดวงเลือนลับ ดาวเคลื่อนดาราคล้อย
ในพริบตา เวลาก็ผ่านไปสามวัน
สีเขียวๆ ดำๆ ที่มองเห็นไกลค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ต่งจื่ออวี๋ก็เขย่าเก่อหงยวนอย่างมีความสุข
นี่ถึงจะเป็นความหมายของการข้ามภพ เขาต้องการให้ธงแห่งมาตุภูมิโบกสะบัดอยู่ทั่วทุกมุมของแผ่นดินนี้ ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความหมายของการแสดงธง!
“หวังซุ่น ถ้าเจ้าถอยออกมาตอนนี้ ก็ยังทัน!”
เย่จิ่งหลานรู้ว่าหวังซุ่นยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง จึงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสงบ
เมื่อมองไปที่ร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า จู่ๆ หวังซุ่นก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ รู้สึกราวกับมีวิญญาณผู้ใหญ่อาศัยอยู่ในร่างกายนี้
ตอนแรกที่ติดตามเย่จิ่งหลาน ก็เพื่อของกินของใช้เท่านั้น เมื่อเวลาผ่านมาเนิ่นนานถึงได้รู้ว่า นี่ไม่ใช่เด็กธรรมดา
เขามีสมอง ทั้งยังฉลาดเฉลียว แม้จะพูดตลกบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะเคร่งขรึม ผู้ที่มีจิตใจเช่นนี้ จะเป็นเด็กน้อยได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงความโหดเหี้ยมนองเลือดบนเกาะ หวังซุ่นก็ค่อยๆ ส่ายหัว
“ผู้น้อยจะจงภักดีต่อท่านอ๋องน้อยตลอดไป ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับเรื่องใด ก็ไม่มีวันถอย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...