สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 998

ฮั่วเทียนเฉิงและคนอื่นๆ ไม่ได้ดีไปกว่าเก่อหงยวนมากนัก หลังจากออกจากชายฝั่งแล้ว เย่จิ่งหลานก็จงใจปล่อยพวกเขาออกมาจากมิติ

ทะเลกว้างใหญ่ ลึกล้ำไร้ขอบเขต แม้แต่ยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุด ยังรู้สึกอับจนหนทาง

ฮั่วเทียนเฉิงพวกเขาอาศัยกำลังภายในระดับสูง พยายามฝืนทนมาโดยตลอด ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็จะวิ่งไปอาเจียนในมุมลับตาคน

เย่จิ่งหลานต้องการกดอารมณ์ฮึกเหิมของพวกเขา จึงไม่สนใจ กินอาหารแบบเดียวกับลูกศิษย์ทั่วไป โชคดีที่ฮั่วเทียนเฉิงและคนอื่นๆ ไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร ทั้งยังไม่เคยกินอาหารจำพวกข้าวและแป้งหมี่ จึงทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกว่าอาหารเอร็ดอร่อยมาก

แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็กินได้ไม่มาก แต่ละคนต่างเดินตุปัดตุเป๋ ไม่มีพลังอันฮึกเหิมของศิษย์หัวกะทิเลย

เดิมทีเย่จิ่งหลานกังวลว่าจะมีอาหารไม่เพียงพอ แต่แบบนี้ก็นับว่าช่วยบรรเทาความต้องการเร่งด่วนได้ชั่วคราว

หากหวังซุ่นไม่ได้พูดปด อีกไม่เกินสองสามวันก็สามารถไปถึงตงหลิวได้ ซึ่งเย่จิ่งหลานมีความมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้มาก ยิ่งพอมีฮั่วเทียนเฉิงพวกเขา ก็ยิ่งเป็นเหมือนเสือติดปีก

ส่วนเรื่องที่ว่าหลังจากการต่อสู้จบลงแล้วจะไปตำหนักเทพหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา

เย่จิ่งหลานกลับเข้ามิติ ชงชาให้ตัวเอง ค่อยๆ จิบ แล้วหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง

ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่บนปลายนิ้ว ทำให้คนรู้สึกเลื่อนลอยอยู่รำไร

เย่จิ่งหลานมองดูประกายไฟวูบวาบ นัยน์ตาของเขาฉายแววตื่นเต้นอยู่วิบวับ

แม้ว่าแคว้นตงหลิวจะไม่ใช่ประเทศแห่งลูกหลานพระอาทิตย์ในยุคสมัยใหม่ แต่พวกเขากลับพูดภาษาแบบเดียวกัน เย่จิ่งหลานไม่อยากไปคิดว่ายุคสมัยนี้เป็นเพียงเรื่องหลักลอย หรือตกหล่นไปจากหน้าประวัติศาสตร์ แต่สรุปแล้ว ตัวหายนะพวกนั้นไม่อาจรอดได้

เขาจะเข่นฆ่าทุกคนจนสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนแก่คนป่วยผู้หญิง หรือเด็กทารกที่เพิ่งหัดพูดอ้อแอ้ ตราบใดที่เกิดบนเกาะตงหลิว งั้นก็ตายให้หมดทุกคน!

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเย่จิ่งหลานพลันเย็นชา ดีดก้นบุหรี่ออกไปอย่างเหี้ยมเกรียม...

ตะวันเลื่อนดวงเลือนลับ ดาวเคลื่อนดาราคล้อย

ในพริบตา เวลาก็ผ่านไปสามวัน

สีเขียวๆ ดำๆ ที่มองเห็นไกลค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ต่งจื่ออวี๋ก็เขย่าเก่อหงยวนอย่างมีความสุข

นี่ถึงจะเป็นความหมายของการข้ามภพ เขาต้องการให้ธงแห่งมาตุภูมิโบกสะบัดอยู่ทั่วทุกมุมของแผ่นดินนี้ ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความหมายของการแสดงธง!

“หวังซุ่น ถ้าเจ้าถอยออกมาตอนนี้ ก็ยังทัน!”

เย่จิ่งหลานรู้ว่าหวังซุ่นยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง จึงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสงบ

เมื่อมองไปที่ร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า จู่ๆ หวังซุ่นก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ รู้สึกราวกับมีวิญญาณผู้ใหญ่อาศัยอยู่ในร่างกายนี้

ตอนแรกที่ติดตามเย่จิ่งหลาน ก็เพื่อของกินของใช้เท่านั้น เมื่อเวลาผ่านมาเนิ่นนานถึงได้รู้ว่า นี่ไม่ใช่เด็กธรรมดา

เขามีสมอง ทั้งยังฉลาดเฉลียว แม้จะพูดตลกบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะเคร่งขรึม ผู้ที่มีจิตใจเช่นนี้ จะเป็นเด็กน้อยได้อย่างไร

เมื่อนึกถึงความโหดเหี้ยมนองเลือดบนเกาะ หวังซุ่นก็ค่อยๆ ส่ายหัว

“ผู้น้อยจะจงภักดีต่อท่านอ๋องน้อยตลอดไป ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับเรื่องใด ก็ไม่มีวันถอย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์