“สวัสดีศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน” ชวี่ช่ายกวนพูดอย่างยิ้มแย้ม บนใบหน้าเต็มไปด้วยความใจดี
เสวียเซียง หลี่เถาและคนอื่นก็ยอมได้รับบารมีของเขาไปด้วย พวกเขากลายเป็นคนมีหน้ามีตาในสายตาของลูกศิษย์เหล่านี้
ส่วนจื่อเหวี่ยวไม่อยากสนใจ เหลือบมองแล้วเดินจากไป
แต่ชวี่ช่ายกวนรีบเดินเข้าไปขวาง
“ศิษย์พี่จื่อเหมี่ยว จะรีบไปไหนเหรอ?” ชวี่ช่ายกวนถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
คนที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์ ถึงกับอึ้ง จากนั้นทุกคนพากันเงียบโดยอัตโนมัติ
ไม่ว่าใครก็มองออก ชวี่ช่ายกวนชอบจื่อเหวี่ยว
แต่จื่อเหมี่ยวเป็นคนชอบอยู่คนเดียว ไม่ยอมใกล้ชิดกับคนอื่น นอกจากอาจารย์และอาวุโส เธอไม่เคยหันไปมองลูกศิษย์คนอื่นแบบตรงๆเลยสักครั้ง
ชวี่ช่ายกวนพยายามตามจีบจื่อเหมี่ยวมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเฉยเมย
“ที่นี่วุ่นวายเกินไป” จื่อเหมี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ชวี่ช่ายกวนรู้ดีว่าอาศัยแค่คำพูดไม่สามารถรั้งเธอให้อยู่ต่อ และไม่สามารถสร้างโอกาสให้ตนเอง ครุ่นคิดสักพัก จากนั้นพูด “ศิษย์พี่จื่อเหมี่ยว คุณคงจะไม่รู้อะไร หลินหยางที่สู้กับเสวียเซียงคนนี้ เขามีวิชาแพทย์ที่ลึกลับไม่เหมือนใคร ถ้าหากคุณไปทั้งแบบนี้ คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ทำไมไม่อยู่ดูด้วยกันหน่อยละ?”
“ทักษะการแพทย์ที่ลึกลับ?” จื่อเหมี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชวี่ช่ายกวนรู้ว่าจื่อเหมี่ยวเป็นคนที่ชอบหมกมุ่นอยู่กับวิชาแพทย์ เธอมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาวิชาแพทย์ที่หายาก ถ้าหากเปลี่ยนประเด็นไปที่เรื่องพวกนี้ เธอต้องอยู่ต่อแน่นอน
ทว่าจื่อเหมี่ยวกลับส่ายหัวเล็กน้อย “ชวี่ช่ายกวน คุณคิดว่าฉันไม่เคยได้ยินเรื่องของหลินหยางเหรอ? เขาเป็นแค่คนที่เคยศึกษาวิชาแพทย์ในสำนักของเรา ไม่ใช่ลูกศิษย์อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ วิชาแพทย์ของเขาจะลึกลับแค่ไหนกัน?”
“ถ้าศิษย์พี่จื่อเหมี่ยวคิดแบบนี้ ผมขอบอกเลยว่าผิดอย่างมหันต์! จริงอยู่ที่ว่าหลินหยางเคยเรียนทักษะการแพทย์ในสำนักของเราเพียงไม่กี่เดือน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว ผมได้ยินมาว่าหลังจากเขาออกจากสำนัก ได้เจอกับผู้มีความรู้ทางการแพทย์มากมาย ได้เรียนรู้ทักษะการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ไม่น้อย! ค่อนข้างร้ายกาจเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้น เขาจะกล้าท้าสู้กับเสวียเซียงได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นยังท้าผมด้วย? ถ้าหากเขาไม่มีไพ่ตายอะไรเลย เขาคงไม่กล้าพูดแบบนี้หรอกมั้ง?” ชวี่ช่ายกวนพูด
จื่อเหมี่ยวได้ยินแบบนี้ เธอครุ่นคิดสักพักแล้วพยักหน้า “ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผล! ดี ในเมื่อเป็นแบบนั้น ฉันจะรอดูสักพักก่อนแล้วกัน หวังว่ามันคงจะไม่น่าเบื่อเกินไปนะ”
พูดจบ เธอเดินไปยืนใต้ต้นดอกท้อที่อยู่ด้านข้าง
สายลมพัดผ่าน ชายกระโปรงสีขาวปลิวไปตามสายลม ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นนางฟ้าใต้ต้นดอกท้อในภาพวาดโบราณ
ลูกศิษย์ที่อยู่โดยรอบไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวจะรบกวนเธอ
ในแววตาของชวี่ช่ายกวนมีประกายแสงแลบผ่าน ในขณะที่กำลังจะก้าวออกไปพูดคุยกับเธอ มีเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“อาวุโสห้ามาถึงแล้ว!”
เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลอง
ลูกศิษย์ทุกคนหันไปมอง
เห็นเพียงลูกศิษย์ในชุดสีขาวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
ส่วนคนที่เป็นผู้นำคืออาวุโสห้า หญิงวัยกลางคนที่รักษาหลินหยางก่อนหน้านี้!
“คำนับอาวุโสห้า!”
“คำนับอาวุโสห้า!”
ลูกศิษย์ทุกคนคุกเข่าลงคำนับให้หญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามา แม้แต่จื่อเหมี่ยวก็ไม่มีข้อยกเว้น
หญิงวัยกลางคนสีหน้าไร้อารมณ์ เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่เฉยเมย เดินไปหยุดอยู่ตรงใต้รูปปั้นขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าสุดของสนามประลอง
ด้านล่างของรูปปั้นมีโต๊ะเก้าอี้ที่วางอยู่หลายชุด จัดเตรียมไว้สำหรับอาวุโสทั้งหลาย
“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ขอบคุณอาวุโสห้า”
ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน จากนั้นพากันลุกขึ้นยืน
ภายในสนามประลองวุ่นวายเล็กน้อย
ทันใดนั้น สีหน้าของหญิงวัยกลางคนเคร่งขรึมลง ตะคอกเสียงดัง “ลูกศิษย์ทุกคนนั่งเรียงเป็นวงกลม ไม่พูดไม่คุย ไม่อนุญาตให้รบกวน! เข้าใจหรือยัง?”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนรีบพากันไปนั่งล้อมรอบสนามประลองเป็นรูปทรงวงกลม ไม่มีใครพูดไม่มีใครคุย ไม่มีใครกล้าขยับตัว ราวกับเป็นรูปปั้น
การประลองทักษะการแพทย์เป็นตาย เคร่งครัดและศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนเด็ดขาด
ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
“ถึงเวลาหรือยัง?”
หญิงวัยกลางคนเหลือบมองลูกศิษย์ที่อยู่ด้านข้างแล้วถาม
“เรียนอาวุโสห้า ยังเหลือเวลาอีกห้านาที” ลูกศิษย์คนนั้นรีบพูด
“ห้านาทีเหรอ? แล้วลูกศิษย์ที่จะขึ้นประลองครั้งนี้อยู่ไหน?” หญิงวัยกลางคนถาม
“ศิษย์อยู่นี่!”
เสวียเซียงรีบก้าวออกมา เดินตรงไปที่ใจกลางสนามประลองแพทย์นักบุญ
“หลินหยางล่ะ?”
หญิงวัยกลางคนถามอีกครั้ง
ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเห็นแม้กระทั่งเงาของหลินหยาง
“คงไม่ใช่ว่ากลัวไม่กล้ามาแล้วมั้ง?”
“ต้องเป็นอย่างที่ฉันคิดแน่”
“คุณอยากตายเหรอ? ท่านนี้คือย่าเวิน!” คนที่อยู่ด้านข้างพูดเสียงเบา
“ย่าเวิน?” สีหน้าของผู้คุมเปลี่ยนไปทันที หลังจากอาศัยแสงเพียงน้อยนิดในสถานที่แห่งนี้มองเห็นใบหน้าของผู้มาอย่างชัดเจน เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่คนที่อยู่ด้านข้างกลับตะคอกเสียงเบา “ย่าเวิน คนคนนี้ถูกอาวุโสสี่ส่งเข้าคุกตายแล้ว คุณทำได้แค่มองดูเท่านั้น! โปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากใจ”
“ฉันอยากคุยอะไรกับนางหนูไม่กี่คำไม่ได้เหรอ?” สีหน้าของย่าเวินเคร่งขรึมลง หันกลับไปตะคอกพูด
ผู้คุมไม่กล้าโต้แย้ง ทำได้แต่พูดเสียงเบา “แค่ไม่กี่คำนะ พูดมากเกินไปพวกเราก็ลำบากใจ…”
“ลำบากใจ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้อง! ฟังให้ดี! รีบไปเตรียมน้ำและอาหารให้นางหนูเดี๋ยวนี้! ไปเดี๋ยวนี้” ย่าเวินตะคอก
“ย่าเวิน ถ้าเกิดอาวุโสสี่รู้เรื่องนี้ พวกเราจบเห่แน่”
เหล่าผู้คุมเริ่มตัดสินใจไม่ถูก
“พวกคุณกลัวอาวุโสสี่แต่ไม่กลัวฉันเหรอ? รีบไปทำตามที่ฉันบอกเดี๋ยวนี้! มีปัญหาอะไร ฉันจะรับไว้คนเดียวทั้งหมดเอง!” ย่าเวินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คือ…”
คนทั้งสองลังเลอยู่สักพัก
ในตอนนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้น
ทุกคนหันไปมองตามทิศทางของเสียง พบว่าลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งของตำหนักลงทัณฑ์สวรรค์เดินเข้ามา
คนที่เป็นผู้นำถือของบางสิ่งที่เหมือนกับหนังสือคำสั่งในมือ
เห็นภาพนี้ สีหน้าของย่าเวินดูไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาทันที
กลับเห็นพวกเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าย่าเวินแล้วโค้งคำนับ
“คุณคือหยานควน? พวกคุณมาทำอะไร?” ย่าเวินถามด้วยความสงสัย
“เรียนย่าเวิน พวกเรามาอ่านคำตัดสินของอาวุโสสี่!” หยานควนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“คำตัดสิน?”
“ใช่ อาวุโสสี่ได้ส่งคนไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ได้ผลสรุปออกมาแล้ว สามารถพิสูจน์ได้ว่าลูกศิษย์หลิวหรูซือมีพฤติกรรมพยายามฆ่าลูกศิษย์เสวียเซียงจริง ดังนั้นพวกเราจึงมาประกาศผลตัดสิน” หยานควนพูด
คำพูดประโยคนี้ทำให้ย่าเวินและหลิวหรูซือเบิกตากว้าง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
“ผลตัดสิน? เป็น….เป็นไปได้ยังไง? ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว?”
“ย่าเวินคงจะไม่รู้อะไร ตอนนั้นมีลูกศิษย์คนหนึ่งเพิ่งซื้อโทรศัพท์มา เตรียมตัวถ่ายทิวทัศน์ยามค่ำคืน แต่ปรากฏว่าตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นพอดี ทุกอย่างก็เลยถูกถ่ายเก็บบันทึกเอาไว้ ตอนที่พวกเรากำลังตรวจสอบ ลูกศิษย์คนนี้ได้นำคลิปวีดีโอมาให้พวกเรา ดังนั้นผลสรุปจึงชัดเจนแล้ว” หยานควนพูด
ย่าเวินเบิกตากว้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...