สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา นิยาย บท 1454

ครั้งนี้ จูปี้หรูตายใจอย่างสมบูรณ์แล้ว!

เธอมองกระบี่ของตนเองที่อยู่ตรงหัวไหล่หลินหยางด้วยสายตาที่เหม่อลอย หัวใจกำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง…

กระบี่ของเธอ! ฟันผิวหนังของคนคนนี้ไม่เข้า?

เพราะอะไร?

เพราะอะไร?

หรือว่าพลังของเธอกับคนคนนี้ห่างชั้นกันมากเกินไป?

“ไม่! เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้!”

ร่างกายของจูปี้หรูสั่นไม่หยุด มือที่ถือกระบี่ก็สั่นไปด้วย

“ยังมีท่าอะไรที่ไม่ได้ใช้ออกมาอีกหรือเปล่า?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

จูปี้หรูเงยหน้าขึ้นมองเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พูดอะไรไม่ออก

บางที ทั้งชีวิตของเธออาจจะไม่เคยเผชิญกับศัตรูแบบนี้!

มันทำให้เธอสิ้นหวังจนถึงขีดสุด!

เธอไม่อยากสู้อีกแล้ว!

“ดูเหมือนคุณจะไม่มีอะไรให้พูดแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนั้น…ผมฆ่าคุณมันก็สมเหตุสมผลแล้วใช่หรือเปล่า?”

“ไม่!”

จูปี้หรูตะโกนด้วยความร้อนใจ

แต่วินาทีต่อมา

แควก!

หลินหยางจับมือทั้งสองข้างของเธอ ออกแรงกระชากอย่างกะทันหัน กระดูกข้อมือของเธอหักโดยตรง

“อ๊าก! !”

จูปี้หรูส่งเสียงกรีดร้อง

หลินหยางออกแรงเหวี่ยง

ฟิ้ว!

ร่างกายของเธอลอยออกไปกระแทกใส่พื้นอย่างแรง

“ศิษย์พี่!”

ลูกศิษย์ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปช่วย

แต่หลินหยางยกแขนขึ้น

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว…

เข็มเงินจำนวนมากพุ่งเข้าไปหาลูกศิษย์เหล่านั้นราวกับห่าฝน

ทุกคนล้มลงบนพื้นอย่างกะทันหัน จากนั้นเริ่มดิ้นทุรนทุราย ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งเสียงกรีดร้อง

“อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!”

“ทรมาน! ทรมานมาก! ช่วยด้วย!”

“ฉันกำลังจะตายแล้ว! ! !”

“อ๊าก!”

มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนพยายามเการ่างกายของตนเองอย่างบ้าคลั่ง บางคนถึงขั้นเกาจนมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด

หยวนหลานอีตกใจจนเยี่ยวราด

ไป๋ฮ่าวซินทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ราวกับวิญญาณหลุดหายไปแล้ว

“หรือนี่ก็คือวิชาเข็มเงินที่น่าทึ่งของสำนักสวรรค์นิรันดร?” เว่ยซินเจี้ยนพูดพึมพำ

มองดูภาพที่น่าสะพรึงกลัวตรงหน้า ทุกคนคิดว่าตนเองกำลังฝัน มันไม่ใช่เรื่องจริง

ในตอนนั้นเอง หลินหยางเก็บกระบี่อ่อนของจูปี้หรูจากพื้น หันไปตะโกนใส่เว่ยซินเจี้ยน “ซินเจี้ยน! ชีวิตของคนพวกนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ! คุณอยากให้ใครตาย! ผมจะช่วยคุณฆ่าคนคนนั้นเอง!”

เป็นคำพูดที่มีอำนาจเพียงใด!

เว่ยซินเจี้ยนอ้าปาก สมองเริ่มตอบสนองไม่ทัน

ลูกศิษย์เหล่านั้นมองมาทางเว่ยซินเจี้ยนด้วยความหวาดกลัว

ในแววตาของทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ของความกลัวและการอ้อนวอน

โดยเฉพาะพวกคนที่เคยสบประมาทเว่ยซินเจี้ยนก่อนหน้านี้ถึงกับคุกเข่าลงโดยตรง ในขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดังไม่หยุด “ศิษย์พี่! ศิษย์พี่เว่ย! ก่อนหน้านี้ผมพูดไม่คิด! หวังว่าคุณจะไม่ถือสา ปล่อยผมไปเถอะ!”

“ศิษย์พี่เว่ย! ปล่อยผมเถอะ!”

“อย่าฆ่าฉันเลยศิษย์พี่เว่ย! ฉันไม่อยากตาย!”

“ผมโขกหัวให้คุณแล้ว! ได้โปรดให้อภัยผมเถอะ! !”

“ศิษย์พี่เว่ย! ปล่อยพวกเราไปเถอะ! พวกเราผิดไปแล้ว…”

ทุกคนกระแทกหน้าผากลงพื้นอย่างบ้าคลั่ง บางคนถึงกับหน้าผากแตกโดยตรง

เว่ยซินเจี้ยนมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง

ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้…

“ซินเจี้ยน! คุณคิดดีหรือยัง อยากฆ่าใคร?”

หลินหยางเดินเข้ามา ขัดจังหวะความคิดของเขา

“อา…อาจารย์…” เว่ยซินเจี้ยนอ้าปาก แต่กลับไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรดี

“คุณสบายใจได้ ถ้าหากคุณอยากให้พวกเขาตายทั้งหมดก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงคนพวกนี้ก็อยากฆ่าคุณเหมือนกัน!” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“แต่…ผมไม่อยากทำร้ายพวกเขา ฆ่าพวกเขาแล้วยังไง? มันจึงอยู่ที่ว่าสามารถระบายความคับแค้นใจ แต่มันจะนำปัญหามาให้คุณไม่รู้จักจบสิ้น ดังนั้น…ช่างเถอะ…” เว่ยซินเจี้ยนลังเลสักพักแล้วพูด

“ปัญหาที่ไม่รู้จักจบสิ้น? คุณหมายถึงอะไร?”

“หัวหน้าเหว่ย? เขาก็มาด้วย?”

สีหน้าของเว่ยซินเจี้ยนน่าเกลียดจนถึงขีดสุด รีบหันไปพูด “อาจารย์ คุณรีบคิดหาวิธีไปจากที่นี่เถอะ! ไม่อย่างนั้นไม่ทันแน่!”

“ไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทำไมต้องไปด้วย?”

หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “ผมรอพวกเขามาสักพักแล้ว!”

“รอ?”

เว่ยซินเจี้ยนรู้สึกสับสน

หลินหยาง…เขาบ้าไปแล้วเหรอ?

หัวหน้าเหว่ย เจ้าศาลาหลัวและเจิ้งฮั่นซาน นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์จำนวนมาก

ผ่านไปเพียงผู้เดียว หลินหยางถูกปิดล้อม

มองดูจูปี้หรูที่มีบาดแผลเต็มตัว และลูกศิษย์คนอื่นที่ไม่หลงเหลือสภาพของคน สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมจนถึงขีดสุด

“คุณอีกแล้วเหรอ?”

เจ้าศาลาหลัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“คุณคือหลินหยางของสำนักสวรรค์นิรันดร?” เจิ้งฮั่นซานก้าวออกมาข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “น้องหลิน คุณมาทำอะไรที่นี่? ทำไมต้องก่อเรื่องในสำนักสวรรค์อินทนิล?”

“ก่อเรื่อง? ท่านเจิ้ง คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกเท่าไหร่มั้ง? ผมไม่ได้มาก่อเรื่อง! แต่ผมมาทวงความยุติธรรมคืนให้กับลูกศิษย์ของผม!” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“ทวงความยุติธรรม? น้องหลิน คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?” เจิ้งฮั่นซานถาม

“เรื่องนี้คงต้องถามพวกคุณต่างหาก!”

หลินหยางพูดอย่างใจเย็น “เมื่อหนึ่งวันก่อนผมได้รับข่าว บอกว่าลูกศิษย์ของผมโดนสำนักสวรรค์อินนิลรังแก ผมจึงรีบเดินทางมาดูสถานการณ์ แต่ปรากฏว่าเขาไม่เพียงแต่ตัวดูหมิ่นสบประมาท! ถึงขั้นมีคนคิดร้ายต่อเขา! ถ้าหากผมมาไม่ทัน เขาคงตายไปแล้ว! ดังนั้น ผมต้องทวงความยุติธรรมคืนให้ลูกศิษย์ของผม!”

สีหน้าของทุกคนดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที

“ลูกศิษย์ของคุณเป็นใคร?” หัวหน้าเหว่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

“เว่ยซินเจี้ยน!” หลินหยางชี้ไปทางเว่ยซินเจี้ยนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

“เขา?” หัวหน้าเหว่ยอึ้ง หันไปมองทางเจิ้งฮั่นซาน

เจิ้งฮั่นซานพยักหน้า ลังเลสักพักแล้วพูด “ซินเจี้ยนเขา…เคยไหว้หลินหยางเป็นอาจารย์ต่อหน้าทุกคน…ตามหลักแล้ว หลินหยางคืออาจารย์ของซินเจี้ยน…”

หัวหน้าเหว่ยขมวดคิ้ว

“เรื่องที่เขาเป็นลูกศิษย์ของผม ผมคิดว่าคุณของสำนักสวรรค์อินทนิลน่าจะรู้กันหมดแล้ว! ในเมื่อพวกคุณรู้ว่าเว่ยซินเจี้ยนเป็นลูกศิษย์ของผม! ทำไมถึงยังคิดจะทำร้ายเขาอีก? พวกคุณไม่ควรให้คำอธิบายกับผมหน่อยเหรอ?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“คุณ…” เจ้าศาลาหลัวโมโหมาก

หัวหน้าเหว่ยกลับพูดด้วยความดูถูก “คุณชื่อหลินหยางใช่หรือเปล่า? ไอ้หนู! คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร! แค่ลูกศิษย์ของสำนักสวรรค์นิรันดร! กล้ามาถามหาความผิดกับพวกเราเหรอ! เคยส่องกระจกดูสารรูปของตัวเองหรือเปล่า?”

“ทำไม? พวกคุณไม่คิดจะให้คำอธิบายกับผม?” หลินหยางหรี่ตาลงอย่างกะทันหัน

“คำอธิบาย? คนอย่างคุณคู่ควรด้วยเหรอ?” หัวหน้าเหว่ยหรี่ตาลง “อยากได้คำอธิบายก็ได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีคุณสมบัติพอหรือเปล่า!”

“หืม? แบบไหนถึงจะเรียกว่ามีคุณสมบัติพอ?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“ง่ายมาก!”