มีหรือที่เขาจะไม่รู้ความคิดของอาวุโสสาม?
อาวุโสสามมีความขัดแย้งกับหลินหยาง ถ้าหากหลินหยางใกล้เป็นลูกศิษย์สายในของเจ้าสำนักจริง คนที่ซวยก็จะเป็นเขา!
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องหยุดหลินหยาง และจั่วคุนเสวี่ยคือทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาในตอนนี้ เขาย่อมต้องก้าวออกมาพูดแทนคนของตระกูลจั่ว
“ที่อาวุโสสามพูดมามันก็ถูก ความสามารถของหลินหยางสู้จั่วคุนเสวี่ยไม่ได้ จั่วคุนเสวี่ยได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดทั้งตัว แถมยังสามารถฝึกพระสูตรแพทย์ยุทธถึงระดับสมบูรณ์ อาวุโสสอง ถ้าหากคุณคิดว่าหลินหยางมีคุณสมบัติที่พร้อม หรือไม่ให้พวกเขาประลองฝีมือกันสักยก ดูผลสรุปเป็นยังไง?” อาวุโสสี่ก็ก้าวออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยเช่นกัน
ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
รวมถึงอาวุโสสองด้วย
“อะไรนะ? พระสูตรแพทย์ยุทธระดับสมบูรณ์? และยังได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดทั้งตัว?”
“สวรรค์ นี่มันบ้าไปแล้ว!”
“การเปลี่ยนแปลงระดับนี้…อัจฉริยะ! อัจฉริยะ! ไม่! มันต้องปาฏิหาริย์แล้ว!”
“น่ากลัวมาก!”
มีเสียงอุทานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าของอาวุโสสองซีดเล็กน้อย เห็นอาวุโสสามและอาวุโสสี่พูดถึงขนาดนี้ เขาทำได้แต่ปล่อยผ่าน
“อาวุโสสอง เปลี่ยนถ่ายเลือดทั้งตัวคืออะไร?” หลินหยางถาม
“ผมคงไม่สามารถอธิบายให้คุณเข้าใจในตอนนี้ สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้ในตอนนี้คือคุณสู้เขาไม่ได้” อาวุโสสองพูดด้วยความกังวล
“ผมก็ไม่คิดจะสู้กับเขาอยู่แล้ว” หลินหยางส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว…ดีแล้ว”
อาวุโสสองพยักหน้า ส่วนเจ้าสำนักโม่ซินกำลังครุ่นคิด
เธอหันไปมองอาวุโสสอง อาวุโสสามและคนอื่น หลังจากนั้นหันไปมองหลินหยางกับจั่วคุนเสวี่ย
สุดท้าย เธอสุดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูด “คุนเสวี่ย คุณยินดีที่จะเป็นลูกศิษย์สนายในของฉันหรือเปล่า?”
คำพูดประโยคนี้ทำให้จั่วคุนเสวี่ยตื่นเต้นจนแทบกระโดด
ในที่สุดเจ้าสำนักก็ตัดสินใจเลือกจั่วคุนเสวี่ย!
“คุนเสวี่ย ยังไม่รีบไหว้อาจารย์อีก?” หัวหน้าตระกูลจั่วรีบก้าวออกมาพูด
จั่วคุนเสวี่ยได้ยินแล้วรีบคุกเข่าลงพื้น หันไปโขกหัวคำนับเจ้าสำนักโม่ซิน
“อาจารย์ โปรดรับการคำนับของศิษย์!”
“ดี ดี ลุกขึ้นเถอะ!” เจ้าสำนักโม่ซินพยักหน้า หัวเราะเหอะๆ
จั่วคุนเสวี่ยรีบลุกขึ้นทันที
คนของตระกูลจั่วดูตื่นเต้นมาก
มีลูกศิษย์ไม่น้อยพากันปรบมือแสดงความยินดีกับจั่วคุนเสวี่ย
ผู้คนโดยรอบใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองหลินหยาง สายตาของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป บางคนเยาะเย้ย บางคนสงสาร
เดิมทีเขากำลังจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า อนาคตไร้ขีดจำกัด
แต่คาดคิดไม่ถึงว่าจะโดนจั่วคุนเสวี่ยมาขัดขาระหว่างทาง
หลินหยางในตอนนี้ กลายเป็นตัวตลกของผู้คน
ทั้งน่าขำและน่าเศร้าในเวลาเดียวกัน
หลินหยางแค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ไม่ได้ไปคิดอะไรมาก
แต่ไม่ตอนนั้นเอง มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากนอกห้องโถงใหญ่
“เจ้าสำนักโม่ซิน! ในเมื่อคุณไม่รับหลินหยางเป็นลูกศิษย์ของคุณ ถ้าอย่างนั้นมอบเขาให้สำนักสวรรค์อินทนิลของเราก็แล้วกัน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในวังสุริยันจันทราดารา!
หลังจากที่คนกลุ่มนี้เดินเข้ามา ลูกศิษย์กลุ่มผู้คุมกฎที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็รีบตามเข้ามาทันที
ทันทีที่พวกเขาเพิ่งหยุดฝีเท้า ลูกศิษย์กลุ่มผู้คุมกฎปิดล้อมคนของสำนักสวรรค์อินทนิลอย่างแน่นหนา
“ขออภัยเจ้าสำนัก พวกเราพยายามหยุดพวกเขาแล้ว แต่คนของสำนักสวรรค์อินทนิลมากระทันหันเกินไป พวกเราตั้งตัวไม่ทัน จึงปล่อยให้พวกเขาบุกเข้ามา ขออภัยอย่างยิ่ง!” ลูกศิษย์ของอาวุโสสี่รีบก้าวออกมาพูด
“หมายความว่าคนของสำนักสวรรค์อินทนิลบุกรุกเข้ามา?”
อาวุโสสี่ก้าวออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “บังอาจ! เห็นสำนักสวรรค์นิรันดรของเราเป็นอะไร? ใครก็ได้! โยนพวกเขาออกไปให้หมด ถ้าใครกล้าต่อต้าน ฆ่าไม่เว้น!”
“รองเจ้าสำนักเชียน มาเยือนอย่างกะทันหัน ไม่ทราบว่าลมอะไรพัดมา? ฉันจำได้ว่างานชุมนุมน้ำชาในวันนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้เชิญสำนักสวรรค์อินทนิลไม่ใช่เหรอ?” เจ้าสำนักโม่ซินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ผมมาโดยไม่ได้รับเชิญ”
“มาเพราะเรื่องอะไร?”
“หลินหยาง!”
เชียนเย่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “ดูเหมือนเจ้าสำนักโม่ซินไม่คิดจะรับหลินหยางเป็นลูกศิษย์ ในเมื่อเป็นแบบนั้น คนคนนี้สำนักสวรรค์อินทนิลขอก็แล้วกัน! หวังว่าเจ้าสำนักโม่ซินจะมอบตัวเขาให้พวกเรา!”
“หืม?”
เจ้าสำนักโม่ซินขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “วิสัยทัศน์ของรองเจ้าสำนักเชียนกว้างไกล ฉันคิดว่าหลินหยางก็คงรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่น่าเสียดายเขาเป็นลูกศิษย์ของสำนักสวรรค์นิรันดร ไม่ใช่สิ่งของที่พวกคุณบอกว่าต้องการก็สามารถเอาไปได้! ลูกศิษย์ของสำนักเราไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ใครต้องการก็สามารถเอาไปได้!”
เจ้าสำนักโม่ซินย่อมไม่ตอบตกลง
ยังไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์ของหลินหยาง เฉพาะเลือดวิญญาณลั่วหลินสิบหยดของหลินหยาง ก็ทำให้สำนักสวรรค์นิรันดรไม่มีทางปล่อยเขาไป
แต่ในตอนนั้นเอง อาวุโสสามก้าวออกมาพูดกระซิบ
“เจ้าสำนัก ในเมื่อสำนักสวรรค์อินทนิลต้องการตัวหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นให้หลินหยางไปกับพวกเขาเถอะ!”
แววตาของเจ้าสำนักโม่ซินหวั่นไหวเล็กน้อย หันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ “อาวุโสสาม คุณหมายความว่ายังไง? ให้ลูกศิษย์ไปกับคนของสำนักอื่น? ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? สำนักสวรรค์นิรันดรของเราจะไม่ถูกทุกคนหัวเราะเยาะเหรอ?”
“เจ้าสำนัก! ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะพิจารณาแทนคุณ!”
“พิจารณาแทนฉัน?”
“เจ้าสำนัก คุณก็เห็นแล้ว คนของตระกูลจั่วเตรียมพร้อมมาอย่างดี ทั้งหมดก็เพื่อต้องการให้คุณตัดสินใจเลือกระหว่างหลินหยางกับจั่วคุนเสวี่ย! ไม่ต้องสงสัยเลย จั่วคุนเสวี่ยมีคุณสมบัติมากกว่าหลินหยาง ถ้าหากคุณเลือกจั่วคุนเสวี่ย หลินหยางต้องไม่พอใจแน่นอน ถึงเวลานั้น เขาคงไม่มีทางมอบเลือดวิญญาณลั่วหลินให้คุณ!”
“ความหมายของคุณคือ?”
“ปล่อยหลินหยางไป ก่อนหน้านี้เขารับลูกศิษย์ของสำนักสวรรค์อินทนิลเป็นลูกศิษย์ไม่ใช่เหรอ? คุณสามารถใช้ข้ออ้างนี้ขับไล่เขาออกจากสำนักสวรรค์นิรันดร! ในขณะเดียวกันก็ยึดเลือดวิญญาณลั่วหลินทั้งหมดของเขา!” อาวุโสสามยกมือขึ้นคำนับแล้วพูด
เจ้าสำนักโม่ซินมองเขาด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “อาวุโสสาม อย่าคิดว่าฉันไม่รู้คุณกำลังคิดอะไรอยู่ คุณก็เหมือนกับเจิ้งถงหยวน ไม่พอใจหลินหยาง พยายามกีดกันหลินหยาง กังวลว่าเขาจะกลายเป็นลูกศิษย์ของฉัน อันที่จริงคุณก็แค่กังวลว่าเขาจะเอาคืนพวกคุณในอนาคต”
“เจ้าสำนัก ผมไม่ได้คิดแบบนั้น!” อาวุโสสามรีบพูด
“พอแล้ว อาวุโสสาม คุณคิดยังไงฉันมองออก! แต่ที่คุณพูดมามันก็มีเหตุผล วันนี้อัจฉริยะสองคนมาเผชิญหน้ากัน ฉันเก็บไว้คนหนึ่ง อีกคนก็ไม่มีทางสามารถอยู่ต่อในสำนักสวรรค์นิรันดร ดังนั้นฉันจะทำตามที่คุณพูด ยึดเลือดวิญญาณลั่วหลินก่อน” เจ้าสำนักโม่ซินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“เจ้าสำนักฉลาดล้ำเลิศ” อาวุโสสามพูดด้วยความดีใจทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...