ผู้จัดงานเลี้ยงหันมาทันที
และได้เห็นสวีเยว่และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากฝูงชน
"สวีเยว่ คุณกำลังทำอะไร? อย่าพูดจาเหลวไหลแบบนี้! ทำไมคุณหลินจะไม่ใช่หมอ? นายอย่าสร้างเรื่องรบกวนเลย!" ฉีเฉี่ยวถงร้อนใจและรีบเข้าห้ามสวีเยว่
แต่ตอนนี้สวีเยว่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
หลินหยางทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าคนจำนวนมาก ทำให้เขาไม่มีที่ยืน เขาโตมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้เลย
สวีเยว่ในตอนนี้มีความโกรธและความแค้นเข้ามาบดบังมากกว่าความชอบที่มีให้ต่อฉีเฉี่ยวถง
เขาต้องการแก้แค้น!
"คุณสี! ผมขอเตือนคุณว่าอย่าให้คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้มาทำการรักษาให้กับคุณปู่ฟู่เลยครับ หากเป็นอะไรไป ตระกูลฟู่จะเอาเรื่องคุณได้นะครับ" สวีเยว่หัวเราะชอบใจ
"คุณคือ?"
"คุณสีเป็นผู้มีเกียรติ ไม่รู้จักคนต่ำต้อยอย่างผมก็สมควรแล้ว ผมชื่อสวีเยว่ เป็นแค่หัวหน้าหมอแผนกอายุรกรรมโรงพยาบาลในเครือที่สองของมหาวิทยาลัยเยี่ยนเท่านั้น" สวีเยว่ยิ้ม แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
"โรงพยาบาลในเครือที่สองของมหาวิทยาลัยเยี่ยน?"
ทุกคนต่างเบิกตากว้าง
"นี่เป็นหมอที่มีชื่อเสียงในโรงพยาบาลใหญ่เชียวนะ!"
"ว่ากันว่าคนที่สามารถเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลในเครือที่สองของมหาวิทยาลัยเยี่ยนได้นั้น อย่างน้อยจะต้องจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยการแพทย์เซี่ยงไฮ้! ผู้ชายคนนี้ออกจะอายุน้อย แต่กลับได้เป็นหัวหน้า...เก่งมากเลย"
"ใช่จริงๆ ด้วย"
บรรดาแขกผู้มีเกียรติต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา
ผู้ที่สามารถเข้ามาในงานเลี้ยงนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวยอย่างมาก และมีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จจากความพยายามของตัวเอง จึงจะสามารถเข้ามาในสถานที่แบบนี้ได้
สำหรับคนประเภทนี้ บรรดาคนไฮโซมหาเศรษฐีเหล่านี้ก็ให้ความยกย่องชื่นชมมาก อีกทั้งเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการแพทย์ แบบนี้ใครจะกล้าดูถูกได้?
เพราะทุกคนล้วนต่างต้องเจ็บป่วยไม่ใช่เหรอ?
"ที่แท้ก็คุณสวีนี่เอง สวัสดี!"
ผู้มีเกียรติในงานต่างพยักหน้าและจับจ้องไปยังหลินหยางที่กำลังทำการรักษาและกล่าวอย่างเคร่งขรึม "คุณสวี เมื่อกี้คุณบอกว่าชายคนนี้ไม่ใช่หมอ? เรื่องราวเป็นยังไงกันแน่?"
"ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ? เจ้าหมอนี่ไม่ใช่หมอ แต่กลับจงใจโกหกหลอกลวงว่าตัวเองเป็นหมอ เพียงแค่ต้องการความเห็นใจจากคนอื่น ผมจะบอกความจริงกับทุกคนนะครับ ตอนนี้อาการของคุณปู่ฟู่วิกฤติมาก หากปล่อยให้เขาทำอะไรมั่วๆ ต่อไปแบบนี้ คุณปู่ฟู่จะต้องถึงแก่ชีวิตแน่!" สวีเยว่กล่าว
"อ๋า?
ทุกคนต่างตกใจกันอย่างมาก
"ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"เร็วเข้า รีบเข้าไปห้ามผู้ชายคนนั้นเร็ว!"
"ปัดโธ่ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? ใครกล้าพาเขาเข้ามาก่อเรื่องในนี้?"
ทุกคนต่างโมโหอย่างเดือดดาล
ในฐานะที่สวีเยว่เป็นหัวหน้าแผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลในเครือที่สองมหาวิทยาลัยเยี่ยน ทำให้คำพูดของเขาฟังดูน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักมาก และทำให้บรรดาแขกผู้มีเกียรติในงานต่างพากันเชื่อคำพูดของเขา
"จับตัวเขาไว้!" ผู้จัดงานเลี้ยงชี้ไปที่เขาและตะโกนออกมาด้วยสีหน้าดุร้าย
"ครับ"
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่งวิ่งเข้าไปจับตัวหลินหยาง
หลินหยางที่กำลังจดจ่อกับการช่วยชีวิตคนก็ได้สะดุ้งและตกตะลึงเล็กน้อย
เขาลุกขึ้นและพยายามดิ้น "พวกคุณกำลังทำอะไร?"
"ทำอะไร? คุณเป็นใครกันแน่? ใครบอกให้คุณเข้ามา?" คุณสีผู้จัดงานเลี้ยงกล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
"คุณฟังให้ดีนะ! ถ้าคุณปู่ของฉันเป็นอะไรไป ผมจะให้ครอบครัวคุณทั้งหมดต้องสังเวยชีวิตตามไปด้วย!" ชายหนุ่มคนนั้นตะคอกใส่หลินหยางอย่างโมโห
"ยังมีคนที่น่าขยะแขยงแบบนี้อยู่อีกเหรอ? ต้องการความเห็นใจจากตระกูลฟู่ก็เลยมาทำเรื่องแบบนี้?"
"ไร้ยางอายชะมัดเลย!"
"คนแบบนี้ ตระกูลฟู่อย่าปล่อยไปง่ายๆ เชียวนะ! ต้องจัดการซะให้เข็ด!"
"ที่นี่ที่ไหนกัน ทำให้คนชั้นต่ำแบบนี้ถึงเข้ามาได้?"
ทุกคนต่างกล่าวโทษกันอย่างครึกโครมด้วยความโกรธ
คุณสีผู้จัดงานเก็บกลั้นความโกรธและกล่าวอย่างเคร่งขรึม "ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากล่าวโทษคนอื่น คุณสวี ผมได้โทรเรียกรถพยาบาลไว้แล้ว พวกเขาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ส่วนคุณปู่ฟู่ทางนี้รบกวนคุณช่วยระงับอาการของเขาไว้ก่อน และอย่าให้เกิดอะไรขึ้น ไม่งั้นทุกคนคงแย่แน่ๆ"
สวีเยว่ยังคงพยายามทำให้คุณปู่ฟู่อาเจียนออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง คุณปู่ฟู่ก็สำลักออกมาจำนวนมาก
ทำให้มีกลิ่นเปรี้ยวลอยในอากาศ
ทุกคนต่างพากันปิดจมูก
สวีเยว่กลับดีใจและยิ้มออกมา "ไม่เป็นไร! คุณปู่ไม่เป็นอะไรแล้ว คุณสีส่งคุณปู่ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลได้เลยครับ ไม่กี่วันคุณปู่ก็จะหายเป็นปกติครับ"
"ครับ!"
คุณสีรีบไปจัดการ
"หมอสวีขอบคุณมากๆ เลยครับ!"
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เหมือนคนในตระกูลฟู่เดินเข้าไปจับมือสวีเยว่และกล่าวอย่างตื่นเต้น "หมอสวี ตระกูลฟู่ของเราจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไม่มีวันลืมเลยครับ! เดี๋ยวผมจะแจ้งไปทางตระกูลและจะไปขอบคุณอีกครั้งอย่างเป็นทางการครับ!"
"เอ่อไม่เป็นไรครับๆ! การช่วยเหลือผู้อื่นถือเป็นหน้าที่ของผู้เป็นหมออยู่แล้วครับ! ผมเป็นหมอคนหนึ่งและนี่ก็เป็นหน้าที่ของผม!" สวีเยว่กล่าวอย่างเกรงใจ แต่ในใจเขากลับดีใจจนมือสั่น
สามารถได้รับความไว้วางใจจากตระกูลฟู่แห่งเยี่ยนจิง ก็ทำให้เขารู้ว่าชีวิตนี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว
ทุกคนต่างร่วมยินดีไปกับสวีเยว่
บรรดาเพื่อนๆ ต่างก็ดีใจและรวมตัวกัน
"เหล่าสวี! นายเจ๋งชะมัดเลย! ตอนนี้ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลฟู่เข้าแล้ว เราเทียบไม่ได้กับนายเลย"
"จริงด้วยๆ"
"เฉี่ยวถง! เหล่าสวีก็ดีไม่น้อยเลยนะ ฉันว่าเธอนะไม่ต้องเลือกเยอะอะไรแล้ว อย่าตาบอดเห็นหมาวัดเป็นเทพบุตร เทพบุตรที่แท้จริงยืนอยู่ตรงนี้นี่!"
บรรดาเพื่อนๆ ต่างพูดหยอกล้อกัน หนึ่งในนั้นพูดได้อย่างมีเลศนัย
หากจะบอกว่าสวีเยว่เหมาะสมกับฉีเฉี่ยวถงในตอนนี้ งั้นอนาคตหากพวกเขาต้องการให้สวีเยว่ขอความช่วยเหลือจากตระกูลฟู่ จะต้องเป็นเรื่องง่ายดายอย่างมากแน่
ทำให้ทุกคนต่างพูดยกยอสวีเยว่อย่างดี และพากันผลักฉีเฉี่ยวถงเข้าหาสวีเยว่
สวีเยว่หัวเราะชอบใจจนหุบไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...