ปิงชางจุนขมวดคิ้วโดยไม่สะบัดออก และเพียงมองไปที่เขา จากนั้นหันไปมองหลินหยาง
ทว่ากลับเห็นเจียงหนานซงขอร้องออกมาอย่างขอทาน "อย่าทำอะไรคนในครอบครัวของผม! ไม่! อย่าทำ!!"
ปิงชางจุนจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย
จากนั้นปิงชางจุนจึงรู้ว่าเพียงพูดขอร้องไม่ได้ผล จากนั้นเขาจึงรีบหันกลับไปคุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะให้กับหลินหยาง "หมอเทวดาหลิน! ขอร้องล่ะปล่อยครอบครัวของผมไปเถอะนะครับ! ปล่อยทุกคนในครอบครัวผมไป! ผมเชื่อแล้ว! ผมเชื่อคุณทั้งหมด! ถ้าคุณจะฆ่าคุณก็ฆ่าผม อย่าทำอะไรครอบครัวผมเลย ขอร้องล่ะ!"
เขาร้องตะโกนอย่างสุดเสียง และครั้งนี้เขาเกิดความกลัวขึ้นอย่างจริงจัง
โทรศัพท์พังไปแล้ว ทำให้แจ้งข่าวไปยังครอบครัวไม่ได้
ภารกิจครั้งนี้ของปิงชางจุนจะต้องทำสำเร็จแน่ๆ
หากปิงชางจุนนำศีรษะของคนในครอบครัวเขากลับมา งั้นเขาก็คงต้องกลายเป็นคนร้ายที่ทำร้ายคนในครอบครัวน่ะสิ?
เขารับไม่ได้กับการแรงกระแทกที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
และเขาไม่อยากเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยต้องหลงเหลืออยู่เพียงศีรษะปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา
นี่เป็นอะไรที่สะเทือนใจมากที่สุด!
เขายอมตายไปซะเองตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นภาพสะเทือนอารมณ์แบบนั้น
"ทำไม? กลัวแล้วเหรอ?"
หลินหยางมองไปยังเจียงหนานซงและถามขึ้นมา
"กลัวแล้ว! กลัวแล้ว! หมอเทวดาหลิน ขอร้องล่ะปล่อยคนในครอบครัวผมไปเถอะนะ ถ้าคุณจะฆ่าผม ผมไม่ปฏิเสธสักคำ! ขอร้องล่ะ!" เจียงหนานซงร้องไห้อย่างคร่ำครวญ
หวู่ไคโชวและคนอื่นๆ ที่ยืนมองหัวหน้าสมาคมศิลปะการต่อสู้ในสภาพนี้ก็กลับมีความรู้สึกผสมปนเปกันไป
เมื่อเห็นเจียงหนานซงในสภาพเช่นนี้ก็ทำให้หลินหยางหัวเราะออกมา
รอยยิ้มของเขาช่างเจ้าเล่ห์และน่ารังเกียจมาก
"คุณขอร้องผมเหรอ? แต่เมื่อกี้พวกคุณข่มขู่ผม ไม่ให้ผมทำร้ายหลินกู่ บอกว่าถ้าผมทำร้ายหลินกู่พวกคุณก็จะฆ่าคนในครอบครัวของผม ฆ่าคนรอบกายผม ทำไมตอนนั้นพวกคุณไม่นึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตอนนี้?"
เขาถามขึ้นด้วยแววตาแดงก่ำและเกรี้ยวกราด
ทุกคนตกตะลึงและพูดไม่ออก
อันที่จริงหลินหยางเป็นคนเรียบง่ายธรรมดา มีหนี้บุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ
เขาใช้ชีวิตและเติบโตจากตระกูลหลินที่มีขนาดใหญ่และไร้จิตใจ และแม่ของเขาก็ถูกรังแกเพราะสถานะของเธอ ส่วนเขาเองก็เติบโตขึ้นมาท่ามกลางคนชั่วช้าเหล่านี้
ฉะนั้นเขาให้ความสำคัญกับคนรอบข้างเขาอย่างมาก
และตอนนี้คนเหล่านี้กลับใช้คนรอบข้างของเขามาข่มขู่เขา เขาจะทนได้ยังไง?
"ตอนนี้พวกคุณกลัวแล้ว? แต่น่าเสียดายที่สายไปแล้ว! ปิงชางจุน! ผมขอให้คุณลงมือตอนนี้! ส่วนคนที่นี่ก็ตายไปพร้อมกันที่นี่เลยแล้วกัน!"
หลินหยางหยิบเข็มเงินขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยมและเตรียมปักไปที่เจียงหนานซงและข่งเหิงชุน
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
ความบ้าคลั่งของหลินหยางได้เกินไปจากที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้แล้ว
"คุณหลิน หยุดเดี๋ยวนี้!" เจิ้งหนานเทียนตะโกนออกมาสุดเสียงและวิ่งเข้าไปเพื่อจะหยุดยั้ง
แต่เขากลับสายเกินไป
ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง
เพราะพวกเขาเองก็ยากจะปกป้องตัวเองได้
หลินหยางคิดแค้นขึ้นมา คำพูดของคนเหล่านี้กลับไม่เป็นผลเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ในขณะนั้นเอง
ควับ!
ลมปราณบริสุทธิ์สีทองก็พุ่งเข้ามาที่กลางอากาศและชนปะทะเข้ากับเข็มเงินสองเล่มนั้นของหลินหยาง
ทันใดนั้นเข็มเงินก็กลายเป็นฝุ่นผงและลอยหายไปทันที
หลินหยางไม่ได้ปักเข็มลงไป
"หืม?"
หลินหยางขมวดคิ้วและรีบพุ่งตรงไปยังที่ๆ แสงสีทองปรากฏออกมา
ทว่ากลับได้ยินเสียงเหมือนเสียงที่ดังมาจากท้องฟ้า
"หมอเทวดาหลิน อย่าทำการฆ่าฟันอีกเลย! ให้เกียรติฉันสักครั้ง ปล่อยคนเหล่านี้ไปเถอะ!"
ขณะที่เสียงพูดจบลงก็มีหญิงชราที่มีรูปร่างซูบผอมก็เดินเข้ามา
แม้ใบหน้าของเธอจะแก่ชรา ทว่ามือของเธอนั้นกลับเหมือนนางฟ้าที่น่าตะลึง
หลินหยางตกตะลึงมากและจ้องมองไปที่หญิงชราคนนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ว่ากันว่าเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนผู้หญิงคนนี้ได้ฆ่าฟันศัตรูในเยี่ยนจิงมานับไม่ถ้วน อายุยี่สิบปีก็มีชื่อเสียง ก่อตั้งนิกายขึ้นเมื่อตอนอายุสามสิบปี อายุห้าสิบปีก็ไม่มีใครเทียบได้ และตอนนี้ก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ว่ากันว่าเธอใช้ชีวิตอย่างสันโดษเพื่อศึกษาด้านศิลปะการต่อสู้
บันทึกและประวัติศาสตร์ของเธอเพียงพอที่จะพูดว่าเป็นตำนานได้
เยี่ยนจิงมีตำนานมากมาย แต่สำหรับตำนานของแม่มดหวู่ชือนั้นเป็นตำนานที่ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดี
เพราะเธอหลงใหลในศิลปะการต่อสู้อย่างมาก จึงทำให้ได้รับสมญานามว่าเป็นแม่มดหวู่ชือเช่นนี้
ถ้าจะพูดถึงความสำเร็จในแวดวงศิลปะการต่อสู้นี้แม่มดหวู่ชือคืออันดับสอง งั้นเกรงว่าคงไม่มีใครกล้าพูดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง
ตัวตนที่มีอยู่จริงนี้ ยากที่จะมีปัญหาด้วยได้
แต่ถึงอย่างไรหลินหยางก็ไม่แยแส
"คุณกำลังสั่งผมงั้นเหรอ? หรือว่าคุณกำลังขอร้องผม?" หลินหยางถามและจ้องมองไปที่หญิงชรา
"คิดซะว่าฉันขอร้องคุณแล้วกัน! ชีวิตนี้ฉันไม่เคยขอร้องใครมาก่อน! เพราะก่อนหน้านี้ฉันเคยเป็นหัวหน้าสมาคมศิลปะการต่อสู้มาก่อน นั่นก็เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว สมาคมศิลปะการต่อสู้เคยดูแลฉันมาก่อน ฉะนั้นฉันจึงจำเป็นต้องช่วยเจียงหนานซง ส่วนข่งเหิงชุน พี่ชายของเขารู้จักกับสามีฉันที่เสียไปแล้ว ฉะนั้นฉันจึงต้องช่วยเขาด้วยเช่นกัน! หมอเทวดาหลิน หากวันนี้คุณให้เกียรติฉันสักครั้ง นั่นก็หมายความว่าฉันติดหนี้บุญคุณหมอเทวดาหลิน เพียงแค่คุณยอมปล่อยพวกเขาไป อนาคตข้างหน้าฉันจะยอมทำตามที่คุณขอหนึ่งอย่างโดยไม่มีเงื่อนใด ตกลงไหม?" แม่มดหวู่ชือยิ้มแย้ม
เมื่อประโยคนี้พูดออกมา หลายคนก็ตาค้างด้วยความตกตะลึงและหัวใจแทบหลุดออกมา
สามารถได้รับความช่วยเหลือจากแม่มดหวู่ชือ นี่เป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก!
ถ้ารู้ว่าแม่มดหวู่ชือใช้ชีวิตมาแล้วหนึ่งร้อยห้าสิบปี!
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอประสบความสำเร็จทางด้านการต่อสู้อย่างทั่วหล้าอาณาจักร พูดเพียงเรื่องที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเยี่ยนจิงมาอย่างโชกโชน นั่นก็ถือเป็นคนสำคัญและมีอำนาจอย่างยากจะอธิบายได้!
อำนาจของข่งเหิงชุนยิ่งใหญ่ที่สุด?
ใช่!
ใหญ่มากจริงๆ!
หากเขาออกหน้าแทน ต่อให้กำจัดหลินหยางไม่ได้ แต่ก็สามารถทำให้หลินหยางได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตายได้! และยังทำให้คนรอบกายของหลินหยางต้องบาดเจ็บและล้มตายลงทุกคน!
ทั้งหมดนี้ แทบไม่ต้องให้ข่งเหิงชุนออกหน้าเลยก็ได้
แต่...เมื่อเทียบอำนาจของข่งเหิงชุนและหม่มดหวู่ชือแล้วนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
แม้ว่าเธอจะไม่มีตำแหน่งและแก่ชราแล้ว แต่เพียงแค่เธอกระทืบเท้า เกรงว่าอาจทำให้เยี่ยนจิงต้องสั่นสะเทือนได้
นี่ไม่เรียกว่าคนสำคัญแล้ว แต่นี่กลับเป็นพระผู้เป็นเจ้าแล้ว!
ทุกคนต่างมองออกไปอย่างตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...