คำพูดของหลินหยาง ทำให้ทุกคนในสนามเงียบลงทันที
ผู้คนต่างตะลึงงันและจ้องมองไปยังหลินหยางที่อยู่เวทีประลองข้างๆ ทุกคนต่างตะลึงอ้าปากค้างจนทำตัวไม่ถูก แถมยังคิดอีกด้วยว่าตัวเองได้ยินผิดไป
“เจ้าเด็กน้อย คำพูดเมื่อครู่นี้ แกเป็นคนพูดอย่างนั้นหรือ?”
เหวยหว่อมิ่งกลับไม่ได้รู้สึกตกใจกลัวแต่อย่างไร แถมยังจ้องมองหลินหยางด้วยท่าทีเฉยเมย และเอ่ยปากถาม
“ฉันพูดเองแหละ”
“หมายความว่า แกกำลังดูถูกฉันอย่างนั้นหรือ?” เหวยหว่อมิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“สิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง”
“เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?”
“หรือว่าไม่ใช่หล่ะ? บุคคลผู้นี้สูญเสียพละกำลังในการต่อสู้ เดิมทีก็ไม่สามารถที่จะต่อกรกับเธอได้อยู่แล้ว แต่เธอกลับลงมือสังหารเขาอย่างโหดเหี้ยม หรือว่าเธอต้องการรีบขจัดหายนะที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าให้เร็วที่สุดกันแน่” หลินหยางตอบ
“หายนะในภายภาคหน้าอย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอน ฉันรู้จักกับฉู่ชิว และเคยประลองกันมาก่อน พละกำลังของเขาคงไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ฉันคิดว่ามันต้องมีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถแสดงพละกำลังจริงๆออกมาได้อย่างเต็มที่ ถ้าเป็นเช่นนั้นหล่ะก็ เรื่องที่เขาจะฆ่าเธอ มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก!” หลินหยางพูด
เมื่อคำพูดนี้ออกจากปากมา คนของวิหารหยุนเซียวซานก็ตกใจไปตามๆ กัน
สำนักชิงเสวียน อ้ายหร่าน รวมถึงคนของหุบเขาฉีเฟิงต่างรู้สึกงุนงงกันไปเป็นแถว เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เหวยหว่อมิ่งกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขาจ้องมองไปยังหลินหยางและจู่ๆ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้น “ไอ้เด็กน้อย แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าแกกำลังให้ความสนใจกับอะไรอยู่? แกแค่ใช้วิธียั่วยุกระตุ้นไม่ให้ฉันฆ่าเขาก็เท่านั้นเอง!นี่มันแค่ลูกไม้ตื้นๆ คิดว่าฉันรู้ไม่ทันหรือไง? ”
“ฉันบอกแล้วนะ ว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง พละกำลังของฉันกับฉู่ชิวพอๆ กัน และพวกเรารู้จักกันมานานแล้วด้วย มีหรือที่ฉันจะไม่รู้ความสามารถของเขา? ไม่ต้องถึงขั้นเขาหรอก อันที่จริงแล้วแม้แต่ฉัน เธอยังเอาชนะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” หลินหยางพูดอย่างเรียบเฉย
“เหอะ! คำพูดรุนแรงดีจัง! ถ้าเช่นนั้น ฉันจะเชื่อคำยั่วยุของเธอก็แล้วกัน ฉันจะไม่ฆ่าเขา แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่รอดอยู่ดี! ส่วนแก ในเมื่อแกพูดออกมาเองว่าแม้แต่ฉัน แกเองก็สามารถจัดการได้อย่างสบายๆ ถ้างั้นในยกต่อไป แกก็คงจะจัดการได้อย่างง่ายดายเลยสินะ? ฉันจะไปรอแกในสนามที่สาม! หวังว่าความสามารถของแกจะเก่งเหมือนอย่างที่ปากว่ามาหล่ะ!” เหวยหว่อมิ่งกล่าวจากนั้นก็คลายมือออก
ร่างของฉู่ชิวอ่อนปวกเปียกและทรุดลงไปอยู่กับพื้นทันที
จากนั้นเขาก็หมดสติไป
เมื่อกรรมการผู้ตัดสินเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว จึงรีบตะโกนขึ้นว่า “การแข่งขันในสนามที่สองจบลงแล้ว ผู้ที่ได้รับชัยชนะก็คือ เหวยหว่อมิ่ง!”
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสนามราวกับไม่ได้ยินเสียงของกรรมการผู้ตัดสิน ทุกคนต่างถลึงตาจ้องมองไปยังหลินหยาง
น่าทึ่งเกินไปแล้ว!
ทุกคนต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
เหวยหว่อมิ่งเกือบจะฆ่าฉู่ชิวได้อยู่แล้วเชียว แต่กลับถูกคนไม่กลัวตาย กล้ามากระตุกหนวดเสือเชียวหรือนี้?
“เขาเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงช่างกล้าดีไม่กลัวตายเช่นนี้?”
“เธอไม่รู้จักเขาหรือ? ตัวแทนของสำนักชิงเสวียน เป็นคนนอก ก่อนหน้านี้ในการแข่งขันอวี่เจวี๋ย เขาโชคดีที่เอาชนะหลาวยิงที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมสู้ไปได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...