“ตามที่พวกเราตรวจสอบ หมอเทวดาหลินอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่กำลังพักฟื้นอยู่ในบ้านพักคนชราของเจียงเฉิน ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถใช้ความรุนแรงกับหมอเทวดาหลิน ถึงแม้คนคนนั้นจะยังถือว่าไม่เป็นภัยคุกคามต่อตระกูลหลิน แต่ตระกูลหลินก็ไม่ชอบสร้างศัตรูไปทั่ว อะไรที่สามารถจัดการได้อย่างสันติ ก็ต้องจัดการอย่างสันติ แต่ถ้าเรื่องมันบานปลายถึงขั้นที่ไม่สามารถแก้ไข พวกเราก็จำเป็นต้องใช้วิธีที่รุนแรงเท่านั้น”
“ส่วน…หลินหยาง ทางตระกูลรู้สึกผิดหวังต่อคุณมาก! เดิมทีคิดว่าคนไร้ประโยชน์อย่างคุณก็ยังพอมีคุณค่าให้ใช้งานอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเราคิดผิด พวกเราไม่ควรฝากความหวังไว้ที่ลูกชู้อย่างคุณ…”
หลังพูดจบ คนคนนั้นหยิบบุหรี่สีดำออกมาจากซองหนึ่งม้วนวางลงบนโต๊ะน้ำชา
บุหรี่มวนนี้มีความหมายซ่อนอยู่ด้านใน
ถ้าหากหลินหยางเดินเข้าไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วสูบ เมื่อเป็นแบบนั้นเขาจะกลายเป็นอัมพาตภายในสามวัน ภายในบุหรี่มียาพิษที่ตระกูลหลินคิดค้นขึ้น ถึงจะกลายเป็นอัมพาต แต่นั่นก็หมายความว่าหลินหยางยอมประนีประนอม เขายินดีที่จะรับบทลงโทษของตระกูลหลิน และตระกูลหลินก็จะปล่อยเขาไป
แต่ถ้าหากหลินหยางไม่สูบบุหรี่ม้วนนั้น นั่นก็หมายความว่าต่อจากนี้หลินหยางจะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของตระกูลหลินอย่างบ้าคลั่ง ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่จะเป็นอัมพาตเท่านั้น…
“เลือกเอาเองเถอะ” คนคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
หลินหยางมองดูบุหรี่ม้วนนั้นอย่างเงียบๆโดยไม่ขยับ
ผ่านไปสักพัก
“ผมรู้แล้ว”
ราวกับคนคนนั้นไม่ต้องการให้หลินหยางมีทางเลือกมากกว่านี้ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาเก็บใส่ซองเข้าไปเหมือนเดิม
“ลาก่อน”
เขาเดินออกจากประตูโดยไม่หันกลับมา
“รอก่อน” หลินหยางพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
“มาเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
“ไม่ใช่เสียใจ ผมแค่อยากจะบอกอะไรคุณ”
“อะไร?” คนคนนั้นหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หลินหยางพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “ตอนงานประชุม ผมจะไปที่บ้านตระกูลหลิน”
คำพูดประโยคนี้ทำให้คนคนนั้นรู้สึกอึ้งอย่างเห็นได้ชัด
“คุณพูดจริงเหรอ?” คนคนนั้นถาม
“ใช่” หลินหยางดับบุหรี่แล้วพูด
“ดูเหมือนคุณไม่เพียงแต่ไร้ความสามารถ แต่สมองก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ถึงว่าทำไมนายท่านถึงยอมย้ายคุณไปเป็นญาติฝ่ายนอก หลังจากนั้นค่อยแต่งงานเข้าตระกูลคนอื่น ไอคิวของคุณมันเอาไปเปรียบเทียบกับคุณหนูคุณชายพวกนั้นไม่ได้เลย คุณไม่เคยได้ยินคำว่าผู้สูงศักดิ์มีความรู้อยู่ในตัวเหรอ?” คนคนนั้นยิ้มแล้วส่ายหัว
หลินหยางไม่ได้พูดอะไร
เขารู้ดีว่าคนคนนี้หมายถึงคนกลุ่มนั้น
“ลูกชู้ยังไงก็ยังเป็นลูกชู้อยู่วันยังค่ำ สายเลือดไม่บริสุทธิ์ พื้นฐานมีความแตกต่าง ความคิดและไอคิวต่ำเกินไป ช่างเถอะ ถ้าหากคุณจะมาผมก็จะรอคุณ แต่หวังว่าคุณจะสามารถเดินเข้ามาในประตู คุณไม่ใช่คนของตระกูลหลิน ถึงตัวของคุณจะหายไปก็ไม่มีใครสนใจ”
คนคนนั้นส่ายหัวแล้วเดินออกจากประตู
หลินหยางนั่งลงบนเก้าอี้ จ้องมองก้นบุหรี่แล้วเหมือนจมอยู่กับความคิดอะไรบางอย่าง
ประมาณว่าได้ยินเสียงปิดประตู ซูเหยียนและจางชิงหยู่เดินออกจากห้อง
“ทำไมแกไม่ไสหัวไปพร้อมกับหมอนั่น? แกจะอยู่ที่นี่ทำไม?” จางชิงหยู่เหลือบมองหลินหยางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พอแล้วแม่ พูดให้มันน้อยหน่อยก็ได้” ซูเหยียนราวกับมองออกว่าหลินหยางอารมณ์ไม่ดีจึงพูดขึ้น
“ฉันไม่สน เสี่ยวเหยียน เอาเป็นว่ายังไงเธอก็ต้องรีบหย่ากับหมอนี่ เข้าใจหรือยัง?” จางชิงหยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
“แม่ ออกไปจ่ายตลาดก่อนเถอะ ในตู้เย็นไม่มีผักเหลือแล้ว คืนนี้จะกินอะไรก็ยังไม่รู้เลย” ซูเหยียนเค้นรอยยิ้มออกมาแล้วพูดกับจางชิงหยู่
จางชิงหยู่เดินออกจากบ้านอย่างไม่เต็มใจ ซูเหยียนมองไปทางหลินหยาง
ภายในบ้านค่อนข้างเงียบ
ซูเหยียนเม้มริมฝีปากแล้วพูดเสียงเบา “เขาเป็นใครเหรอ?”
“เป็นคนรู้จัก แต่ไม่ได้สนิท”
“ไม่ใช่คนจากครอบครัวของคุณเหรอ?” ซูเหยียนถามอีก
หลินหยางไม่พูดอะไร
“หลินหยาง บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างแปลก” ซูเหยียนพูดออกมาอย่างกะทันหัน
หลินหยางมองไปทางเธอ
กลับเห็นซูเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “งั้นก็คงจะเป็นญาติของคุณแหละมั้ง? ฉันไม่รู้ว่าคุณกับครอบครัวของคุณมันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันคิดว่าที่พวกเขาทำแบบนั้นก็คงเพราะหวังดีกับคุณ”
“คุณกำลังจะเล่นเกมคาดเดากับผมเหรอ?” หลินหยางยิ้มแล้วพูด
“แม่รู้สึกไม่พอใจในตัวของคุณ ฉันหวังว่าคุณจะสามารถแกล้งไปทำงานในบริษัทของฉัน ถึงเวลาฉันจะยกเครดิตผลงานทั้งหมดของบริษัทให้กับคุณ ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกว่าคุณเองก็เป็นคนที่มีความสามารถ อย่างน้อยก็อย่าทำให้พวกเขาผิดหวังอีกเลย เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาก็จะไม่บีบคั้นให้ฉันหย่ากับคุณทุกวัน”
“แบบนี้เองเหรอ…”
“ให้เวลาฉันอีกหนึ่งปี” ซูเหยียนพูดเสียงเบา “หลังจากหนึ่งปี พอครบกำหนดแล้วค่อยหย่าเถอะ”
“นี่ถือว่าเป็นการให้โอกาสผมเหรอ?”
“ไม่…มันเป็นการชดเชยการแต่งงานที่ล้มเหลวของฉัน” ซูเหยียนพูดเสียงเบาแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องนอน
แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอหยุดชะงัก
“ยังไงคุณและลั่วเฉียนก็เป็นผู้ชายและผู้หญิงไม่ควรอยู่ร่วมกัน ไม่ต้องไปพักที่เธอแล้ว ฉันเก็บกวาดห้องข้างๆไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว คุณพักที่นี่เถอะ” พูดจบ เธอเดินเข้าไปแล้วปิดประตู
แววตาของหลินหยางหวั่นไหว สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินตรงเข้าไปในห้อง
แต่ผ่านไปได้ไม่นาน ประตูบ้านถูกเปิดออก ซูกวงเดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนอย่างเร่งรีบ
“เสี่ยวเหยียน! เสี่ยวเหยียน! รีบออกมาเร็วเข้า!”
“พ่อ มีอะไรเหรอ?”
ซูเหยียนเดินออกจากห้องมองเขาด้วยความสงสัย
“ช่วยอะไรพ่อหน่อย” ซูกวงพูดด้วยความร้อนรน
“ช่วยอะไร” ซูเหยียนถาม
“ไปกินข้าวกับคนของหยางหัวกรุ๊ป คืนนี้เลย” ซูกวงพูด
“คนของหยางหะวกรุ๊ป? หมอเทวดาหลินเหรอ?” ซูเหยียนขมวดคิ้ว
พ่อแม่ของเธอแทบอยากจะจับตัวเธอมัดแล้วส่งขึ้นเตียงหมอเทวดาหลิน เพราะแบบนี้เธอจึงถามคำถามแบบนี้ออกมา
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” ซูกวงแสยะยิ้ม ยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้ซูเหยียนและพูด “เป็นคุณจูผู้จัดการโครงการของหยางหัวกรุ๊ป เขาจองร้านอาหารไว้ที่โรงแรมหนานชิงแล้ว! คืนนี้แต่งตัวให้สวยหน่อย แค่ไปกินข้าวไม่มีอะไรหรอก”
“อะไรนะ?”
ซูเหยียนได้ยินแล้วรู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที “พ่อ พ่อทำอะไรของพ่ออีกแล้วเนี่ย? ตอนนี้หนูเดินยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยเลย พ่อจะให้หนูไปกินข้าวกับคนอื่นอีก?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...