คำพูดของหลินหยางเป็นเหมือนกับก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงมากั้นธารน้ำที่กำลังไหล คลื่นนับระลอกพันรอบกระจายออกเป็นวงกว้าง เดิมทีสถานที่แห่งนี้ที่เดือดพล่านไปด้วยคำพูดของผู้คน ถึงขั้นมีผู้คนมากมายลุกขึ้นยืนมองไปทางเขาอย่างไม่เชื่อสายตา มีเสียงพูดมากมายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“หมอนี่คิดจะทำอะไร?”
“บ้านโอสถฉีมีความลับอะไรซ่อนอยู่เหรอ?”
เสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยดังขึ้นไม่หยุด
“โม่เสี่ยวหวู่ คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
ในตอนนั้นเอง ทางด้านของอาจารย์โจวทนดูไม่ไหวอีกแล้ว เขาตะคอกด้วยความโกรธพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาหลินหยาง
“ผมไม่ได้บ้า ก็ผมไม่ได้โกงการแข่ง ผมอาศัยความสามารถของตัวเองระบุอายุของโสมทั้งสามต้น”
หลินหยางกระโดดขึ้นเวทีโดยตรง เขายกโสมทั้งสามต้นขึ้นแล้วตะโกนพูด “ท่านผู้ชม นักเรียนทุกคน แขกรับเชิญทุกท่าน อาจารย์ทุกท่าน ผมถึงขั้นสามารถระบุอายุของโสมพวกนี้ได้อย่างแม่นยำต่อหน้าพวกคุณทุกคน ผมสามารถวิเคราะห์ให้พวกคุณดู!”
เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่มั่นใจของหลินหยาง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
เฝิงฉือหลายคนอื่นคิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะทำแบบนี้…
“งั้นเชิญคุณวิเคราะห์ดู!” มีแขกรับเชิญพูดขึ้น
เดิมทีพวกอาจารย์ที่คิดจะเข้ามาหยุดเรื่องนี้ ทำได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
หลินหยางก็ไม่เกรงใจ เขาก้าวออกมาอธิบายให้ทุกคนฟังทันที
“ปกติเวลาพวกเราระบุอายุของโสมมักจะใช้วิธีการดูลักษณะของโสม ปกติวิธีการดูจากรากหรือลำต้นของโสมมักจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมาก โดยทั่วไปแล้วจึงไม่ค่อยใช้กัน แต่ว่าการดูจากลักษณะของโสมใช้ได้กับเฉพาะโสมร้อยปีเท่านั้น โสมที่มีอายุพันปีขึ้นไปถ้าใช้วิธีเดียวกัน อายุตัวเลขของมันก็จะแตกต่างจากความเป็นจริงไปมาก ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แต่ต้องใช้กลิ่นและเนื้อของโสมมาวิเคราะห์แทน!”
“กลิ่น? เนื้อ?”
แขกรับเชิญทุกคนรู้สึกมึนงงไปหมด แม้แต่พวกนักเรียนก็รู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้จะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ แต่ซวนเย้าและจื่อเย่รวมไปถึงอาจารย์คนอื่นต่างก็รู้สึกสงสัย
“หมอนี่ไปรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมไม่เคยสอนเลยนี่นา” อาจารย์จ้าวพูดพึมพำ
หลินหยางยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“กลิ่นของโสมพันปีนั้นจะหอมเข้มข้นเป็นพิเศษ แต่ไม่ใช่กลิ่นหอมที่พวกเราได้กลิ่นอยู่เป็นประจำ กลิ่นแบบนี้มันแทบจะเป็นกลิ่นอายตามธรรมชาติ เมื่อเทียบกับกลิ่นของโสมร้อยปีมีความแตกต่างอย่างมาก โดยทั่วไปแล้วการจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นนี้ยากมาก จำเป็นต้องทำตัวให้ว่างเปล่าและใช้จิตใจไปสัมผัสก็จะได้กลิ่นสายนี้ ส่วนเรื่องของเนื้อยิ่งอธิบายได้ง่าย โดยทั่วไปแล้วจะประเมินจากลักษณะภายนอก แต่วิธีการแบบนี้จะประเมินจากเนื้อด้านใน”
“ประเมินจากด้านใน? ยังไง? คุณจะให้พวกเราผ่าโสมออกหรือยังไง?” มีคนถาม
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น พวกเราสามารถใช้วิธีการเคาะเพื่อฟังเสียงของมัน” หลินหยางหยิบโสมพันปีขึ้นมาเคาะ หลังจากนั้นหยิบโสมร้อยปีขึ้นมาเคาะ ถึงแม้เสียงที่เปล่งออกมาจะเบามาก แต่มันกลับให้ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
“เสียงของโสมพันปีให้ความรู้สึกแน่น นั่นหมายความมันมีอายุที่ยาวนานมาก ฟังจากเสียงผมสามารถวิเคราะห์ได้ว่าโสมต้นนี้มีอายุหนึ่งพันสามร้อยปี ส่วนที่เหลืออีกสองต้นมีอายุหนึ่งพันสองร้อยปี!”
“แล้วจะรู้ตัวเลขของมันได้อย่างชัดเจนยังไง?” มีคนถามขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องนั้นง่ายมาก” หลินหยางยิ้มแล้วพูด “ในเมื่อสามารถคาดเดาอายุโดยรวมได้แล้ว พวกเราก็ย้อนกลับมาดูลักษณะของมันก็สิ้นเรื่องไม่ใช่เหรอ? แม้ว่าการดูลวดลายของโสมจะไม่สามารถระบุตัวเลขขนาดใหญ่ แต่มันกลับสามารถระบุตัวเลขขนาดย่อย”
หลังจากที่ได้ยิน ทุกคนมองตาอ้าปากค้าง
ที่หลินหยางพูดมาฟังดูสมเหตุสมผลมาก ทำให้ไม่มีใครสามารถโต้แย้ง เกรงว่าคงจะไม่เคยมีใครคิดว่าโม่เสี่ยวหวู่คนนี้จะมีความสามารถมากขนาดนั้น
อาจารย์ทั้งหลายมองตาค้าง
เฝิงฉือขมวดคิ้วแน่น สายตาที่จ้องมองหลินหยางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“บ้าไปแล้ว โม่เสี่ยวหวู่ต้องบ้าไปแล้วแน่!”
ภายในใจของนักเรียนทุกคนเกิดความคิดแบบนี้
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมหมอนี่ถึงยอมสร้างความไม่พอใจให้กับเฝิงฉือและทั้งบ้านโอสถฉีเพื่ออันดับหนึ่ง?
“พูดได้ดี!”
ทางด้านของอาจารย์ถังลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาโดยตรง “โม่เสี่ยวหวู่ อวดดีเกินไปแล้ว! คุณไม่เพียงแต่พูดปั่นหัวคนอื่นเปลี่ยนขาวให้เป็นดำ แถมยังพูดจาอวดดีดูถูกคนอื่น ทั้งๆที่คุณเป็นคนโกงการแข่ง แต่กลับยังปากแข็ง! สถาบันของเราไม่ละเว้นคุณแน่นอน! คุณฟังให้ดี ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณไม่ใช่คนของบ้านโอสถฉีอีกต่อไป!”
“ใครก็ได้ พาตัวคนคนนี้ออกไปจากที่นี่ ไร้สาระสิ้นดี ผมว่าสมองของเขาต้องมีปัญหาแน่นอน!” ทางด้านของอาจารย์โจวก็ตะโกนเสียงดังอีกคน
นักเรียนร่างใหญ่ชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ด้านข้างรีบวิ่งเข้ามาคิดจะจับตัวหลินหยาง
เริ่มใช้ไม้แข็งแล้ว!
สายตาของหลินหยางเย็นชาลง
เฝิงฉือเงียบไม่พูดอะไร
อันที่จริงพวกเขาก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันบานปลายถึงขนาดนี้ แต่พวกเขาจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของเจ้าบ้านโอสถ ผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งต้องเป็นเซียวซื่อเจี๋ยเท่านั้น จะปล่อยให้โม่เสี่ยวหวู่ที่โผล่มาจากระหว่างทางแย่งไปไม่ได้เด็ดขาด
ในเมื่อพูดเกลี้ยกล่อมไม่ฟัง งั้นก็จำเป็นต้องใช้กำลังมาแก้ปัญหา
แม้นี่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
“หยุดอยู่ตรงนั้น! ทำไม? รองเจ้าบ้านโอสถ ความหมายของพวกคุณคือไม่ยอมรับทักษะการแพทย์ของผม และยังมีเรื่องลับวงในที่พูดไม่ได้เหรอ? เหอะเหอะ มีผู้คนตั้งมากมายกำลังดูอยู่ การกระทำของพวกคุณไม่กลัวทำให้ชื่อเสียงของบ้านโอสถที่สั่งสมมานับร้อยปีพังทลายเหรอ?” หลินหยางตะโกนเสียงดัง
“พังทลาย? บ้านโอสถฉีมีลูกศิษย์ทรยศอย่างคุณ มันก็เป็นความอัปยศของสถาบันมากพอแล้ว คุณยังมีหน้ามาพูดเรื่องชื่อเสียงกับพวกเราอีกเหรอ?” อาจารย์โจวพูดด้วยความโมโห “ไม่ต้องสนใจหมอนี่ ลากตัวเขาออกไปเดี๋ยวนี้ หลังจากการแข่งประเมินยาสิ้นสุดลง ค่อยลงโทษเขาตามกฎระเบียบ!”
“ครับอาจารย์!”
คนทั้งสองตะโกนพร้อมกัน คิดจะก้าวเข้าไปหาหลินหยาง
“นี่ก็คือบ้านโอสถฉีเหรอ น่าขำสิ้นดี! ผมได้อันดับหนึ่งของการแข่งประเมินยา แต่พวกคุณกลับไม่ยอมรับ! และถึงขั้นไม่มีความกล้าพอที่จะแข่งทักษะการแพทย์กับผมด้วยเหรอ? เหอะเหอะ บ้านโอสถฉีมีแต่ชื่อแต่ไร้ความสามารถ!” หลินหยางหัวเราะฮ่าฮ่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...