“ประธานซู คุณเป็นอะไรไป? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เลขาเลี่ยวมองไปทางซูเหยียนด้วยความสงสัยแล้วถาม
“คือ…คือ…” ซูเหยียนไม่รู้ควรจะตอบยังไง
เลขาเลี่ยวเป็นคนฉลาด เขารู้ถึงความเป็นปกติได้ในทันที รีบหันกลับไปจ้องจ้าวเทียนแล้วพูด “ผู้จัดการจ้าว เกิดอะไรขึ้น? การเจรจาโครงการของคุณกับประธานซูไม่ค่อยราบรื่นเหรอ?”
“มันแน่อยู่แล้ว!” จ้าวเทียนกรอกตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คุณซูทำเกินไปแล้ว เธอถึงขั้นสนับสนุนให้สามีทำร้ายเสี่ยวชิว เสี่ยวชิวก็ถือว่าเป็นพนักงานเก่าแก่คนหนึ่งของหยางหัวกรุ๊ป แต่กลับต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ผมจะอยู่เฉยได้ยังไง? กิริยาของเยว่เหยียนอินเตอร์เนชั่นแนลน่ารังเกียจแบบนี้ แล้วจะให้คุยโครงการนี้ต่อไปได้ยังไง?”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
ลมหายใจของเลขาเลี่ยวหยุดชะงัก หนังศีรษะชาไปหมด สีหน้าซีดขาวไปหลายส่วน
เขารู้แล้วมันหมายความว่ายังไง
ถ้าหากซูเหยียนเป็นคนลงมือก็ยังพอคุยกันได้…แต่ว่า…หลินหยางเป็นคนลงมือ!
สถานการณ์มันต้องค่อนข้างร้ายแรง…
“เลขาเลี่ยว อีกเดี๋ยวผมจะบอกสาเหตุให้คุณฟัง แต่วันนี้ถ้าประธานซูไม่มีคำอธิบายให้ผม ผมจ้าวเทียนไม่มีทางยอมหยุดแค่นี้แน่นอน มีกิริยาท่าทีแบบนี้ยังคิดจะมาเจรจาความร่วมมืออีกเหรอ? ฝันไปหรือเปล่า!” จ้าวเทียนส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ใช่! เลขาเลี่ยว คุณต้องออกหน้าแทนฉันนะ! นางแพศยาคนนี้ไร้จรรยาบรรณมาก! ฮือฮือฮือ…” เสี่ยวชิวปล่อยโฮร้องไห้ออกมาโดยตรง
ส่วนคนที่เหลือก็พากันพูดตำหนิกิริยาท่าทางที่น่ารังเกียจของซูเหยียนและคนอื่นด้วยความโกรธ โดยเฉพาะหลินหยาง พวกเขาแทบจะด่าออกมาโดยตรง แน่นอน คำพูดของพวกเขาใส่ฟืนใส่ไฟลงไปไม่น้อย
“เปลี่ยนขาวให้เป็นดำ! พวกคุณกำลังใส่ร้ายพวกเรา!”
จางชิงหยู่โกรธจนตัวสั่น เธอกัดฟันแน่นจนฟันแทบจะหักแล้ว
เลขาเลี่ยวที่ได้ยินแล้วก็ตัวสั่นด้วยเช่นกัน ในมุมมองของจ้าวเทียน ต้องป็นเพราะเลขาเลี่ยวโกรธจนเป็นแบบนี้แน่นอน
เขาหัวเราะในใจ มั่นใจว่าเลขาเลี่ยวต้องยืนอยู่ฝั่งเขาแน่นอน
อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ถึงแม้เสี่ยวชิวคิดจะลงมือก็จริง แต่คนที่โดนทำร้ายก่อนคือเสี่ยวชิว
“ผมรู้แล้ว!”
เลขาเลี่ยวสูดหายใจเข้าลึกๆสงบจิตใจของตัวเอง
“เลขาเลี่ยว คุณฟังฉันอธิบายก่อน!” ซูเหยียนรีบก้าวออกมาพูด
แต่เลขาเลี่ยวกลับโบกมือ “คุณซู ไม่ต้องพูดแล้ว ผมรู้ควรจะทำยังไง!”
สีหน้าของซูเหยียนแข็งทื่อ เธออ้าปากแต่พูดอะไรไม่ออก
เธอรู้ดี ถ้าหากไม่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมจ้าวเทียน แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่จะไปเกลี้ยกล่อมเลขาเลี่ยว? อย่างไรก็ตามเลขาเลี่ยวเป็นถึงเลขาของหม่าไห่ เขาต้องสนิทกับจ้าวเทียนอย่างแน่นอน และยังไงก็ต้องยืนข้างจ้าวเทียน
ช่างเถอะ
ซูเหยียนถอนหายใจ ในแววตาปรากฏให้เห็นความเศร้าเล็กน้อย
เพื่อโครงการของหยางหัว เธอถึงขั้นเดินทางมาบริษัทเพื่อเจรจาทางธุรกิจโดยที่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี เธอทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะคว้าน้ำเหลวแบบนี้
เธอเกิดความรู้สึกที่อยากร้องไห้กะทันหัน
แต่เธอก็ยังพยายามข่มมันเอาไว้
บางทีบนเส้นทางธุรกิจ มักจะมีอุปสรรคที่ไม่คาดคิดแทรกแซงมากมายมั้ง
ซูเหยียนถอดใจก้มหน้าลง
ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไง สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือยอมรับมัน
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง เลขาเลี่ยวเงยหน้าพูดกับจ้าวเทียนอย่างกะทันหัน “โครงการนี้หยุดเอาไว้ชั่วคราวก่อน พวกคุณกลับไปเถอะ”
“เลขาเลี่ยว แล้วคนพวกนี้?” จ้าวเทียนชี้ไปทางซูเหยียนแล้วถาม
“ทางด้านของคุณซูจะเป็นยังไงเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“แต่ว่า…”
“จ้าวเทียน!” เลขาเลี่ยวตะคอกอย่างกะทันหันด้วยสีหน้าที่จริงจัง
จ้าวเทียนรู้สึกอึ้งเล็กน้อย มองไปทางเลขาเลี่ยวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในเมื่อเขาก็พูดถึงขนาดนี้แล้ว จ้าวเทียนจึงทำอะไรไม่ได้อีก
“อาเทียน!” เสี่ยวชิวไม่พอใจ
“เสี่ยวชิว ไม่ต้องเสียใจ เลขาเลี่ยวต้องทวงความยุติธรรมคืนให้พวกเราอย่างแน่นอน วันนี้ไว้หน้าเขาก่อนก็แล้วกัน!” จ้าวเทียนพูดปลอบใจ
เสี่ยวชิวรู้สึกโกรธจนกระทืบเท้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แต่แล้วในตอนนั้นเอง เลขาเลี่ยวหันไปโค้งคำนับให้ซูเหยียนอย่างกะทันหัน “คุณซู โครงการนี้หยุดเอาไว้ชั่วคราวก่อน พวกเราจะไปขอโทษคุณด้วยตัวเองทีหลัง แล้วก็จะส่งคนอื่นมาคุยโครงการนี้กับคุณ ต้องขออภัยด้วย!”
“เลขาเลี่ยว คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” ซูเหยียนก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไร…ประธานหลิน…”
เลขาเลี่ยวรีบมองไปทางหลินหยางแล้วพูดโดยไม่รู้ตัว
แต่หลังจากที่พูดออกไป เลขาเลี่ยวต้องอึ้งกับคำพูดของตัวเอง
“ประธานหลิน?”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มองไปทางเลขาเลี่ยวอย่างไม่เชื่อสายตา
แต่จางชิงหยู่กลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เลขาเลี่ยว สมองคุณเป็นอะไรหรือเปล่า? บริษัทนี้เป็นของลูกสาวฉัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนไร้ประโยชน์คนนี้แม้แต่นิดเดียวอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคนอย่างเขาคู่ควรกับคำว่าประธานด้วยเหรอ? คู่ควรด้วยเหรอ?”
เลขาเลี่ยวแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มแล้วยิ้มอีกแต่ไม่ได้พูดอะไร
“คนแซ่เลี่ยว ดูเหมือนวันนี้คุณจะเป็นศัตรูกับผมให้ได้ใช่ไหม! ได้ ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นพวกเรามารอดูกัน คุณไปปกป้องซูเหยียนให้เต็มที่เถอะ! หลังจากที่กลับถึงบริษัท! ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่หม่าจะยืนข้างใคร!” จ้าวเทียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากนั้นสะบัดแขนแล้วเดินจากไป
“คนแซ่เลี่ยว ฉันรู้ คุณคงจะคิดว่าประธานหลินของเราชอบนางแพศยาคนนี้ ดังนั้นก็เลยเป็นศัตรูกับอาเทียนใช่หรือเปล่า? เหอะเหอะ คุณนี่มันโง่ชะมัด คุณเชื่อข่าวลือพวกนั้นด้วยเหรอ ถ้าประธานหลินชอบนางแพศยาคนนี้จริง คงลงมือตั้งนานแล้ว! ดูเหมือนครั้งนี้คุณจะเลือกข้างผิดแล้ว! คอยดูเถอะ ฉันรับรองว่าคุณอยู่หยางหัวกรุ๊ปต่อไม่ได้แน่!” เสี่ยวชิวยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หันหลังแล้วเดินออกจากบริษัท
เลขาเลี่ยวไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
แต่ซูเหยียนและคนอื่นที่อยู่ด้านข้างกลับรู้สึกตื่นตระหนกมาก
“เลขาเลี่ยว ต้องขออภัยด้วยที่สร้างปัญหาแบบนี้ให้คุณ” ซูเหยียนพูดขอโทษจากใจจริง
“คุณซูห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาด เดิมทีเรื่องนี้คนที่ผิดก็คือพวกจ้าวเทียน คุณอย่าคิดว่าตัวเองผิดเด็ดขาด” เลขาเลี่ยวรีบพูด
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าหยางหัวกรุ๊ปยังมีคนดีหลงเหลือ เลขาเลี่ยว ยังไงคุณก็ต้องไปคุยเรื่องนี้กับประธานหลินให้ดี บอกให้ประธานหลินจัดการคนแซ่จ้าวเลย” จางชิงหยู่รีบพูด
“ผมจะรายงานเรื่องนี้ตามความจริงอย่างแน่นอน”
เลขาเลี่ยวยิ้มแล้วยิ้มอีก หลังจากนั้นพูดอะไรกับทุกคนอีกไม่กี่คำแล้วเดินจากไป
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สีหน้าของทุกคนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
จางชิงหยู่เห็นลูกสาวของตัวเองขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจจึงไม่กล้าพูดถึงเรื่องหย่า อย่างไรก็ตามเธอรู้ดีว่าลูกสาวตัวเองไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้ลูกสาวต้องปวดหัวอีกจึงไม่ได้เอ่ยถึง
ส่วนจิตใจของหลินหยางก็ไม่ได้อยู่กับเรื่องนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...