เขาครุ่นคิดสักพักแล้วพูด “เสี่ยวเหยียนผมยังมีธุระขอตัวก่อน”
พูดจบเดินออกจากประตูทันที
“คุณหยุดอยู่ตรงนั้นเลย!” ซูเหยียนตะคอกอย่างกะทันหัน
“มีอะไรอีกหรือเปล่า?” หลินหยางหันไปมองซูเหยียน
กลับเห็นซูเหยียนทำหน้าจริงจังมาก เธอพูดกับหลินหยางด้วยความโมโห “หลินหยาง ฉันขอเตือนคุณว่าก่อน ต่อไปคุณห้ามยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องของบริษัทอีก!”
“ใช่ ไอ้ตัวเหม็น วันนี้ถ้าไม่ได้เป็นเพราะแก เรื่องมันจะบานปลายถึงขั้นนี้เหรอ?” จางชิงหยู่มือเท้าเอวตะคอกเสียงดัง
“แม่ ถ้าหากผมไม่มายุ่ง เสี่ยวเหยียนคงโดนผู้หญิงคนนั้นจบแล้ว!” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“แต่แบบนั้นแกก็ทำร้ายคนอื่นไม่ได้!” จางชิงหยู่ตะโกนเสียงแหลม
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหลินหยางกล้าต่อปากต่อคำกับเธอ
สีหน้าของหลินหยางดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ เขาก็เป็นคนเหมือนกันและมีจิตใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้จางชิงหยู่กลับโยนความผิดทั้งหมดมาที่ตัวของเขา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายอารมณ์เป็นอย่างมาก
มีสิทธิ์อะไร?
เขาโต้ตอบไม่ได้เหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นซูเหยียนเป็นภรรยาของเขา!
แม้ว่าใกล้จะหย่าร้างแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถทนดูคนอื่นรังแกภรรยาของตัวเองแบบนี้
“พอได้แล้วหลินหยาง ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าของเธอดูเหนื่อยล้าและซีดเล็กน้อย เธอไอสองสามครั้ง ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย
“เสี่ยวเหยียนเป็นอะไรหรือเปล่า?” จางชิงหยู่รีบเดินเข้าไปประคองเธอ
“แม่ หนูไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”
“คนเป็นแม่อย่างฉันจะไม่ห่วงได้ยังไง? อาการของเธอยังไม่หายดีเลย ช่วงนี้พักผ่อนน้อยใช่หรือเปล่า? ยังไงโครงการนี้ก็ถูกระงับไว้ชั่วคราวแล้ว รีบกลับไปพักผ่อน กินยาตามที่หมอสั่ง เชื่อแม่!”
“ก็ได้…”
ซูเหยียนถอนหายใจแล้วพยักหน้า หลังจากนั้นหันไปพูดกับหลินหยาง “หลินหยาง…”
“พูดมาเถอะ” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ซูเหยียนลังเลสักพักแล้วพูดเสียงเบา “ต่อไปถ้าไม่มีธุระอะไร…ไม่ต้องมาที่บริษัทฉัน เข้าใจหรือเปล่า?”
หลินหยางหรี่ตาลงกําหมัดแน่น แต่สีหน้าของเขายังคงอยู่สงบนิ่ง “ได้”
“คุณอยู่ที่บ้านได้ แต่ฉันหวังว่าคุณจะไม่มายุ่งเรื่องของบริษัทอีก คุณวางใจเถอะ สิ่งที่ฉันเคยพูดกับคุณก่อนหน้านี้ ฉันจะทำตามอย่างแน่นอน!” ซูเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
หลินหยางรู้ว่าซูเหยียนหมายถึงเรื่องไหน ซูเหยียนหวังจะหางานให้หลินหยางทำในบริษัท หลังจากที่เยว่เหยียนอินเตอร์เนชั่นแนลได้รับผลประโยชน์ก็จะยกเครดิตให้หลินหยาง ทำให้จางชิงหยู่และซูกวงเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา แบบนี้จะยืดเวลาการหย่าร้างได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันซูเหยียนยังไม่ถึงขั้นที่ต้องการหย่าร้าง
“ผมเข้าใจแล้ว ผมขอตัวกลับก่อน”
หลินหยางพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ หลังจากนั้นเดินออกจากบริษัทโดยตรง
“เชอะ ดูมันทำหน้า! ก็แค่คนไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีเสี่ยวเหยียนค่อยเลี้ยง เขาจะมีวันนี้เหรอ?” จางชิงหยู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“พอแล้วแม่ เลิกพูดได้แล้ว”
“คนที่เลิกพูดคือเธอต่างหาก ยังไม่รีบกลับไปพักผ่อนอีก!”
“ได้ ได้…”
ซูเหยียนเดินออกจากออฟฟิศอย่างช่วยไม่ได้ แต่ภายในใจของเธอยังคงจมอยู่กับเรื่องของจ้าวเทียน
และก็ไม่รู้ด้วยว่าทางหยางหัวกรุ๊ปจะมองเรื่องนี้ยังไง…
....
หลังเดินออกจากสำนักงานเยว่เหยียนอินเตอร์เนชั่นแนล หลินหยางเรียกรถแท็กซี่ตรงไปที่หยางหัวกรุ๊ป
ระหว่างทาง โทรศัพท์ของเขาสั่นอย่างกะทันหัน
หลินหยางกวาดสายตามองหน้าจอโทรศัพท์แวบหนึ่งแล้วกดรับสาย
“ประธานหลิน ผมอยากอธิบายเรื่องนี้ให้คุณฟัง!”
เสียงของหม่าไห่ดังขึ้นจากปลายสายด้วยความร้อนรน
“พวกเขาไปถึงหรือยัง?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์
“ถึงแล้ว! พวกเขาอยู่ในห้องทำงานของผม!” หม่าไห่รีบตอบ
“งั้นรอให้ผมไปถึงบริษัทแล้วค่อยว่ากัน!”
พูดจบ หลินหยางกดวางสายโดยตรง
ส่วนทางด้านของหม่าไห่รู้สึกเย็นวูบไปทั้งหัวใจ
เขาวางโทรศัพท์ลง มองจ้าวเทียน เสี่ยวชิว เลขาเลี่ยวและคนอื่นที่อยู่ตรงหน้า บนใบหน้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งถูกปกคลุมด้วยความไฟแห่งโกรธ แต่สุดท้ายปล่อยแห่งความโกรธของเขาก็มอดไหม้จนกลายเป็นทำอะไรไม่ได้
“พี่หม่า เป็นไงบ้าง? ก็แค่คนของบริษัทที่มีแต่ชื่อ ไม่มีเงินทุนไม่มีโรงงานเองไม่ใช่เหรอ? หยางหัวกรุ๊ปของเราต้องเกรงใจพวกเขาด้วยเหรอ? หรือคุณเองก็เชื่อว่าซูเหยียนเป็นผู้หญิงที่ประธานหลินชอบ!”
ทางด้านของจ้าวเทียนอดไม่ได้ที่จะถาม
ทันทีที่เลขาเลี่ยวกลับมาถึง เขานำเรื่องนี้มาบอกหม่าไห่ทันที ใครจะไปรู้ว่าสีหน้าของหม่าไห่จะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรโดยตรง
ห้องทำงานของประธานใหญ่บริษัทหยางหัวกรุ๊ปอยู่ชั้นบนสุด
หลังจากที่หม่าไห่เคาะประตูห้องทำงานประธานใหญ่ เสี่ยวหูเป็นคนเปิดประตู
ส่วนภายในห้องทำงานประธานใหญ่ คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือหลินหยาง
จ้าวเทียนและคนอื่นเคยเห็นหลินหยางแล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเห็นคือใบหน้าของหลินหยาง
ส่วนหลินหยางในตอนนี้กลับไม่ได้แสดงใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมา เขายังคงใช้ใบหน้าที่อยู่บ้านตระกูลซู กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างเงียบๆ
สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา แววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความสุขุม มองดูคนที่กำลังเดินเข้ามา
“หลินหยาง? ไอ้คนไร้ประโยชน์?”
เสี่ยวชิวที่เดินเข้ามาสังเกตเห็นคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานพูดอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
จ้าวเทียนและคนอื่นก็รู้สึกประหลาดใจ มองไปทางหลินหยางอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ทำไมถึงเป็นราชาโดนสวมเขาคนนี้?”
“คุณทำอะไรของคุณ? มาอยู่ในห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ได้ยังไง?”
“ประธานหม่า หมอนี่มันยังไงกันแน่?”
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ละคนเบิกตากว้างมองหลินหยางแล้วพูด
แต่ทว่าหลินหยางกลับไม่สนใจคนพวกนี้ เขาโค้งคำนับให้กับหลินหยางด้วยความเคารพ “ประธานหลิน!”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ลมหายใจของทุกคนหยุดชะงัก
“ประ…ประธานหลิน? ประธานหม่า คุณ…คุณกำลังเรียกเขา?” จ้าวเทียนเบิกตากว้าง พูดด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ประธานหลินต้องขออภัยด้วย เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของผมเอง ผม…ผมยินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง!” หม่าไห่ยังคงไม่สนใจจ้าวเทียน เขาก้มหน้าแล้วพูด
“หม่าไห่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว”
หลินหยางหลับตาลงพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
หม่าไห่รู้สึกเหนื่อยชุ่มไปทั้งตัวทันที ร่างกายกำลังสั่นเทาไม่หยุด
ส่วนจ้าวเทียนและคนอื่นยังคงงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าตกลกนี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“ประธานหม่า ตก…ตกลงคุณกำลังคุยกับใครอยู่ แล้วคนคนนี้มันยังไงกัน? เขาเป็นสามีของซูเหยียนไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นไอ้เด็กหน้าขาวที่เกาะผู้หญิงกินไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงเรียกเขาประธานหลิน? หรือว่าคุณจำคนผิด?” เสี่ยวชิวพูดด้วยความประหลาดใจ
“ผมเคยเห็นหน้าประธานหลิน…หน้าตาของประธานหลินไม่ใช่แบบนี้…ประธานหม่า คุณ…คุณเป็นอะไรกันแน่?” จ้าวเทียนมองตาค้าง พูดกับหม่าไห่ด้วยความตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...