เจียงเซิงสูดหายใจเข้า เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะฉีกยิ้ม "ไม่ทราบว่าคุณซืออยากจะเห็นเรายังไง หากต้องการคำขอโทษ ถ้างั้นฉันต้องขอโทษคุณแทนเธอด้วยนะคะ"
เขาแค่อยากเห็นเธอขอโทษไม่ใช่เหรอ?
เจียงเซิงปรับทีท่าของตนเอง โค้งคำนับเขา "ขอโทษค่ะ คุณซือ"
เมื่อเห็นว่าเธอมีทีท่านอบน้อม ซือเย่เจ๋วกลับพูดประชดไปเล็กน้อยว่า "ไม่คิดเลยว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงจะยอมขอโทษเพื่อเพื่อน ดูไม่ออกเลยว่า คุณจะทำเรื่องที่ทำร้ายพี่สาวตัวเองได้"
เจียงเซิงยืดตัวขึ้นด้วยความสับสน "คุณซือหมายความว่ายังไงคะ?"
เธอทำร้ายพี่สาวของตัวเองงั้นเหรอ?
เขากำลังพูดถึงเจียงเวยเหรอ?
ซือเย่เจ๋วโน้มตัวเข้าใกล้ใบหน้าของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ผมคิดว่าคุณกล้าทำกล้ารับ ดูเหมือนว่ามันก็คงเป็นแบบแหละนะ"
ขณะที่พูด เขาก็หันหลังกลับอย่างเฉยเมย "เรื่องวันนี้ช่างเถอะ"
จับจ้องแผ่นหลังของพวกเขาที่จากไป ในที่สุดเซียวเถียนเถียนก็หายใจหายคอขึ้นมาได้ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดกับเจียงเซิงเมื่อสักครู่นี้ "เซิงเซิง คำพูดของท่านซือหมายความว่ายังไง?"
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?"เจียงเซิงหัวเราะ "อาจจะเป็นเพราะคิดว่าฉันหาเรื่องเจียงเวยมั้ง เป็นผู้ชายของเจียงเวย ต้องระบายความแค้นแทนผู้หญิงของตนเองจริงไหมล่ะ?"
"อะไรนะ? เจียงเวยเป็นผู้หญิงของท่านซือเหรอ?"
เซียวเถียนเถียนตกตะลึง "ท่านซือตาบอดใช่ไหม เขาหลงรักใครไม่ว่า แต่กลับหลงรักผู้หญิงอย่างเจียงเวย?"
เจียงเซิงหันไปมองเธอ "แกยังมีอารมณ์นินทาคนอื่นอีก แกควรคิดที่จะกลับไปอธิบายกับพ่อแกยังไงดีกว่า"
หลังจบประโยค เธอก็สาวเท้าก้าวออกไปทันที
เซียวเถียนเถียนเม้มริมฝีปาก แล้วเดินตามรอยเท้าของเธอไปอย่างรวดเร็ว
วันที่สอง
เจียงเซิงหยิบรายการวัตถุดิบที่ต้องนำเข้ามอบให้เจ้าหน้าที่ในแผนกจัดซื้อ "นำเข้าหินอัญมณีตามรายการนี้ของฉันนะ หากมีข้อผิดพลาด พวกคุณต้องรับผิดชอบเอง"
เจ้าหน้าที่ในแผนกจัดซื้อมองไปที่รายการแล้วพยักหน้า "รับทราบค่ะ"
หลังจากที่เจียงเซิงจากไป เจ้าหน้าที่ในแผนกจัดซื้อกำลังจะเรียบเรียงรายการจัดซื้อที่จำเป็น โทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้น
เธอวางรายการไว้บนโต๊ะ ลุกขึ้นแล้วเดินไปรับโทรศัพท์
พนักงานหญิงอีกคนลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของเธอ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปที่อยู่และข้อมูลติดต่อของโรงงานหินอัญมณีในใบสั่งซื้อ
เธอรีบกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็วและส่งรูปถ่ายที่เธอถ่ายไปให้กับเจียงเวยอย่างเงียบๆ
เจียงเวยซึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานเห็นรูปภาพที่แผนกจัดซื้อส่งมา ริมฝีปากหยักยิ้มอย่างเย็นชา
เพราะแผนกจัดซื้อให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ ถ้างั้นก็อย่าโทษเธอเลย
โทรศัพท์ในห้องทำงานดังขึ้น เจียงเวยหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับสาย "สวัสดีค่ะ?"
"เวยเวย แม่โทรหาหนูทำไมถึงปิดเครื่อง?" เซียวหลานโทรหามือถือของเธอไม่ติด จึงได้แต่โทรเข้าโทรศัพท์ในห้องทำงานของเธอ
เมื่อเจียงเวยได้ยินอย่างงั้น สีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีขึ้นมา "มือถือของหนูถูกนังแพศยาเจียงเซิงโยนทิ้งแล้ว โทรติดสิแปลก พรุ่งนี้หนูค่อยเปลี่ยนโทรศัพท์ โทรหาหนูตอนนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?"
"คืนนี้พ่อแกจะเรียกนังแพศยาเจียงเซิงกลับมาบ้าน แกนะ คืนนี้ให้ท่านซือกลับมาทานข้าวที่บ้านกับแกด้วย ขอแค่พวกแกสองคนลงเอยกันได้ พ่อแกจะให้นังแพศยานั่นสมหวังได้ยังไง"
เจียงเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว "แม่คะ เย่เจ๋วยอมกลับบ้านทานข้าวกับหนูซะเมื่อไหร่ แล้วถ้าเขาไม่ยอมไปล่ะคะ?"
ในช่วงเวลาหกปีที่ผ่านมา ซือเย่เจ๋วไม่เคยบอกเลยว่าอยากทานข้าวที่บ้านตระกูลเจียงมาก่อน
"ไม่ว่าด้วยวิธีการอะไรแกต้องเกลี้ยกล่อมเขามาให้ได้ อย่าลืมนะว่า พ่อแกให้ความสำคัญกับแกมาก ถ้าแกไม่ทำแบบนี้ ฉันกับพ่อแกจะช่วยแกได้เหรอ?"
เธอต้องรีบทำให้ลูกสาวของตนเองคว้าตำแหน่งคุณนายตระกูลซือให้ได้ ครั้งก่อนที่เห็นเด็กสองคนนั้นจนถึงตอนนี้ เธอก็รู้สึกไม่สบาย
เมื่อได้ยินประโยคที่มีเหตุผลของผู้เป็นแม่ หลายปีมานี้เพราะเรื่องของเธอกับซือเย่เจ๋ว พ่อของเธอให้ความสำคัญกับเธอมาก
ตอนนี้เจียงเซิงกลับมาแล้ว แถมเธอยังเป็นดีไซเนอร์เครื่องประดับชั้นนำระดับนานาชาติ หากไม่มีแบล็กหลังอย่างซือเย่เจ๋ว เธอก็ไม่ใช่อะไรเลยต่อหน้าเจียงเซิง
เจียงเซิงนั่งอยู่ในห้องทำงานของเธอตรวจสอบข้อมูลของอดีตพนักงาน สายตาของเธอจับจ้องไปที่ลุงแฟรงค์
เธอจำลุงแฟรงค์ได้ ซึ่งแต่เดิมเขาเป็นผู้ช่วยของแม่เธอ เมื่อแม่ของเธอจากไปเขาก็บริหารไวน์เนอร์ จิวเวลรี่มาตลอด ทำให้ไวน์เนอร์ จิวเวลรี่มียอดขายอันดับหนึ่งในเมืองหลวงมาโดยตลอด
เซียวหลานเดินไปหาเจียงเซิ่นพร้อมพูดขึ้นมาว่า "ที่รัก อย่าโกรธเซิงเซิงเลยนะ ยังไงฉันก็เป็นแค่แม่เลี้ยง หลายปีมานี้เซิงเซิงไม่ยอมรับฉัน ฉันเข้าใจ"
"ในสายตาของฉัน แม้แต่แม่เลี้ยงคุณก็ไม่คู่ควร"
"เจียงเซิง!" เจียงเซิ่นตำหนิด้วยความโกรธ "วันนี้ฉันเรียกแกกลับมากินข้าว ไม่ใช่เรียกแกกลับมาอวดดี ถ้าแกไม่พอใจ ก็ออกไปซะ!"
เจียงเซิงจ้องมองผู้เป็นพ่อที่เต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อหกปีก่อนที่เขาไล่เธอออกไป ก็ไร้เยื่อใยแบบนี้เช่นกัน ไม่ว่าเซียวหลานและเจียงเวยพูดอะไรเขาก็เลือกที่จะเชื่อซะหมด
แต่ในทางกลับกัน เธอกลับไร้เหตุผลที่ไม่เคารพผู้ใหญ่แบบนี้
เจียงเซิงหัวเราะ "ฉันไม่ได้อยากอยู่เลยแม้แต่วินาทีเดียว"
เธอหมุนตัวคิดที่จะออกไป ทว่าด้านนอกประตู เจียงเวยก็ได้ควงแขนของซือเย่เจ๋วและเดินเข้ามาพอดี
เมื่อเซียวหลานและเจียงเซิ่นเห็นซือเย่เจ๋ว ทั้งคู่ก็เดินตรงไปหาพวกเขา ความโกรธบนใบหน้าของเจียงเซิ่นหายอย่างสิ้นเชิง ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“สวัสดีครับท่านซือ ไม่คิดว่าท่านจะมาด้วย”
"อืม" ซือเย่เจ๋วพยักหน้ารับอย่างขอไปที ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ตกไปที่เจียงเซิง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "วันนี้ตระกูลเจียงคึกคักจริงๆ"
เจียงเซิ่นเหลือบมองไปยังเจียงเซิง พูดอย่างเขินอายเล็กน้อย"เอ่อ นี่คือลูกสาวคนเล็กของผมครับ เจียงเซิง"
“อืม ผมเองก็เพิ่งรู้ แท้จริงแล้วโซราที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติก็คือคุณหนูแห่งตระกูลเจียงนี่เอง"
เจียงเซิ่นส่งรอยยิ้ม "ใช่แล้วครับ เอ่อ...ก็ได้พรสวรรค์ที่สืบทอดมาจากแม่ของเธอนั่นแหละครับ"
เจียงเซิงกอดอกยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองพวกเขาทักทายกันราวกับคนนอก เยินยอซือเย่เจ๋ว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ฉันไม่รบกวนงานเลี้ยงอาหารค่ำของพวกคุณดีกว่า”
ขณะที่เธอกำลังจะจากไป เจียงเวยเข้ามาขวางเอาไว้ "เซิงเซิง อุตส่าห์กลับมาทั้งที ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ
เซียวหลานเองก็ช่วยโน้มน้าวอีกแรง ราวกับแม่ผู้มีเมตตา"นั่นสิ เซิงเซิง เธออย่าโกรธคุณพ่ออีกเลยนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานของสามโอรสแห่งสวรรค์พาตัวกลับบ้าน
แอดดดดด....กลับมาลงต่อหน่อยจ้าาาา🤣🤣🤣🤣...
โอ้ยยอยากอ่านต่อทำไมเทกันแล้วละ...
กลับมาลงต่อให้ด้วยนะคะ..อย่าเทกันกลางทางนะคะแอด😁😁...
สู้เพื่อลูกสักครั้งนะพ่อ...
เดาไว้แล้วว่า ต้องมีคนทำลายผลดีเอ็นเอแล้วก็เปลี่ยน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายนางเอกทำเอง5555...
หวังว่าพระเอกจะไม่ตกม้าตายเหมือนเรื่งอื่นๆนะ...