ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง นิยาย บท 10

มณีอินลงมาหาน้ำดื่มเพื่อจะกินยาแก้ปวดที่ห้องครัวด้านล่าง หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครนั่ง

อยู่ที่เก้าอี้ในห้องนั่งเล่น เมื่อทานยาเสร็จเธอก็เดินกลับขึ้นห้องแต่เห็นร่างกำยำของใครคนหนึ่งยืนขึ้นจึงร้องด้วยความตกใจล้มลงกับพื้น

“ว้าย!”

“กลัวเป็นด้วยหรือคุณนะ” เสียงที่คุ้นหูทำให้หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นและมองหน้าเขาอย่างถนัดตา

“คุณจามาล คุณเล่นบ้าอะไรของคุณ”หญิงสาวลุกขึ้นมองเขาตาเขียว

“เปล่าเล่นผมนั่งของผมอยู่ก่อนและที่นี่ก็บ้านผมๆจะทำอะไรก็ได้” ชายหนุ่มบอก

“จริงซิที่นี่คือบ้านของคุณ พรุ่งนี้ฉันจะไปอยู่ที่อื่น” หญิงสาวสะบัดหน้าเดินกลับขึ้นข้างบน

“คิดง่ายไปแล้วมั้งมณีอิน” ชายหนุ่มขบกรามแน่นและเดินกลับขึ้นห้องของตนเอง

มณีอินตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงกรีดร้องของผู้หญิงและคราวนี้เธอต้องการรู้ให้ได้ว่าเสียงนั้นมาจากห้องลึกลับห้องนั้นหรือไม่ หญิงสาวคว้าเสื้อแขนยาวมาสวมทับชุดนอนซึ่งเป็นผ้าลินินสีขาวค่อยข้างบ้างตัวเสื้อยาวคลุมข้อเท้า

“วันนี้ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเสียงมันมาจากห้องไหนกันแน่” มณีอินตรงไปที่ประตูและค่อยๆเปิดมันออก หันซ้ายหันขวาเพื่อมองให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นแล้ว เธอสังเกตเห็นว่ามีแสงไฟรอดออกมาจากห้องทางด้านปีกซ้ายซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่เธอสงสัยอยู่ ความมืดทำให้หญิงสาวรอดพ้นจากสายตาของสาวใช้ที่เดินผ่านมาไปได้ เสียงพูดคุยดังแววเข้ามายิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวให้มีมากขึ้นตาม

‘อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วมณีอิน เดี๋ยวก็จะได้รู้กันว่าในห้องนั้นมีใครอยู่หรือเปล่า’ หญิงสาวคิดในใจและก้าวเดินต่อไปแต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อจู่ๆมีมือของใครก็ไม่รู้มาปิดเข้าที่ปากเรียวและล็อคแขนของเธอเอาไว้ก่อนจะใช้ตัวดันให้หญิงสาวเดินกลับมาทางเดิมและดันเข้าไปในห้อง

“พลั้ก!” มณีอินลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นห้องเมื่อตั้งตัวได้จึงหันมามองผู้ที่ทำร้ายร่างกายของเธอ แล้วตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นและเปลี่ยนเป็นดุ

“คุณ”

“ใช่ผมเอง ทำไมอยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านมากนักหรือไง” ชายหนุ่มปิดประตูลงและยืนกอดอกมองหญิงสาวตาขวาง

“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทำไมเสียงร้องมันออกมาจากไหนและจากใครเท่านั้นเอง” หญิงสาวลุกขึ้นยืนและปัดเสื้อผ้าให้เข้าที่

“นั้นมันเรื่องภายในของที่นี่อย่ามายุ่ง” เขาตวาดเธอเสียงดัง มณีอินเชิดหน้าขึ้นอย่างท่าทาย

“แน่ใจหรือว่าเป็นเรื่องภายในไม่ใช่เพราะคุณทำผิดกฎหมายแล้วปิดบังเอาไว้นะ”

“คนอย่างผมรักประเทศชาติไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว”

“ถ้างั้นเสียงร้องของผู้หญิงมันมาได้ยังไงกันล่ะ” หญิงสาวมองจ้องตาเขาถึงแม้ภายในใจจะหวาดระแวงและตื่นกลัวกับสายตาของชายหนุ่มแต่เธอก็ต้องข่มมันเอาไว้ไม่ให้เขาได้เห็นความอ่อนแอของเธอได้

ชายหนุ่มเงียบไม่ยอมตอบใด ทำให้อีกฝ่ายยิ่งโมโห

“เสียงผู้หญิงของคุณที่พาเขามาทรมานเล่นหรือไง หรือว่าคุณเป็นพวกโรคจิตวิปริต” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาหญิงสาวโดยไม่พูดจา มณีอินรีบถอยไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง

“อย่าเข้ามานะไม่งั้นฉันฟาดหัวคุณแตกแน่” หญิงสาวหยิบโคมไฟหัวเตียงขึ้นมาเตรียมไว้ในมือ ชายหนุ่มหัวเราะ ฮึๆในลำคอ

“คุณคิดว่าแค่โคมไฟจะทำอะไรผมได้งั้นหรือ ตัวคุณก็เล็กนิดเดียวไม่พอมือผมหรอก”ชายหนุ่มก้าวเข้าหาหญิงสาวช้าๆ

“อย่าเข้ามานะไม่งั้นฉันร้องนะ”

“ผมหวังว่าคงไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อคืนนะ” ชายหนุ่มถาม

“ต้องเสียใจด้วยถ้าจะบอกว่าใช่ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเสียงร้องมันเป็นของใครแล้วคุณเอาใครมาซ่อนเอาไว้ ฉันจะเปิดโปงความชั่วของคุณให้ได้” หญิงสาวหันมามองจ้องเขาด้วยสายตาที่แน่วแน่

“ผมจ้างคุณมาทำหนังสือท่องเที่ยวของประเทศผมนะไม่ใช่มาทำเรื่องราวในบ้านของผม” ชายหนุ่มเน้นเสียง

“คนอย่างฉันไม่ชอบความอยุติธรรม”

ชายหนุ่มหัวเราะ” เธอน่าจะไปเป็นนักกฎหมายมากว่านักเขียนนะ”

“คุยอะไรกันคะท่าทางน่าสนุกเชียว” นพมาศเดินลงมาสมทบกับคนทั้งสองและเข้ายืนแทรกตรงกลาง

“คุณนพมาศนี่น่ารักนะครับไม่ชอบยุ่งหรือวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่นเหมือนใครบางคน” ชายหนุ่มจงใจพูดเหน็บหญิงสาวอีกคน

“แน่นอนอยู่แล้วล่ะคะมันไม่ใช่เรื่องของมาศนี่คะ มาศไม่ชอบหาเรื่องใส่ตัวเองอยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มหวานให้เขา

“เมื่อคืนเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรบ้างเลยหรือไง” มณีอินหันมาถามหญิงสาว

“เสียงอะไรคะไม่เห็นได้ยินอะไรเลยหลับสบายจะตาย” หญิงสาวบอก ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้นพมาศก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่กาซิมและนาธาลนำมาจอดรออยู่

“เจอกันตอนเย็นนะครับคุณมาศ” ชายหนุ่มไขกระจกขึ้นตามเดิมและสั่งให้ออกรถ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง