ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 220

ทันทีที่จิ่นอวี๋ได้ยินเสียงของมู่หรงฉี นางจึงรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ก่อนจะลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่าและเดินโซซัดโซเซไปหาเขา

“ท่านพี่!”

มู่หรงฉีสะบัดตัวถอยหลังกลับสองก้อง ทว่าจิ่นอวี๋ยังคงยื่นมือออกไปข้างหน้าและพุ่งตัวไปยังทิศทางเดิมโดยไม่ลังเล

ข้างหน้าคือเสา ราวกับว่าจิ่นอวี๋มองไม่เห็น

มู่หรงฉีทนไม่ได้ที่จะมองดูนางพุ่งไปชนกับเสา เขาจึงคว้าตัวนางเอาไว้ “ระวัง!”

จิ่นอวี๋หวี่ยงตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของมู่หรงฉีทันที พลางเอาแขนโอบรอบเอวของมู่หรงฉีไว้แน่น

มู่หรงฉีไม่คาดคิดว่านางจะทำพฤติกรรมไร้ยางอายต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ ก่อนจะรีบคลายพันธนาการออกเหลือและกำลังหักข้อมือนาง

จิ่นอวี๋ร้องไห้ออกมาทันที “ท่านพี่ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับจิ่นอวี๋! ชีวิตของจิ่นอวี๋ถูกทำลายหมดแล้ว!”

มือของมู่หรงฉีหยุดชะงัก เขาเริ่มขมวดคิ้ว “เป็นอะไรไปหรือ”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

หมอหลวงที่อยู่ด้านข้างตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “กราบเรียนท่านอ๋อง องค์หญิงจิ่นอวี๋ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ทำให้ดวงตาของนางบอดชั่วคราวและไม่สามารถมองเห็นได้”

“อะไรนะ” มู่หรงฉีอุทานด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่แค่ศีรษะกระแทกเฉยๆ หรือ ทำไมถึงสาหัสขนาดนั้น”

เหลิ่งชิงฮวนซึ่งกำลังยืนอยู่ข้าง หัวใจของเธอจมดิ่งลง ในฐานะแพทย์...เธอรู้ดีกว่าใครๆ ว่าหากเส้นประสาทตาได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการกระทบกระเทือนต่อสมอง อาจทำให้ตาบอดชั่วคราวหรือถาวรได้

จิ่นอวี๋คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม

จิ่นอวี๋กอดมู่หรงฉีแน่นโดยไม่ปล่อยและปล่อยโฮออกมา “ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย หลังจากตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็มืดมิด ข้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว”

มู่หรงฉีตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะตบหลังจิ่นอวี๋เพื่อปลอบเบาๆ “ไม่ต้องกังวล จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แน่นอน ในวังมีหมอหลวงมากมาย พวกเขาจะต้องรักษาเจ้าจนหายเป็นปกติได้แน่ รีบลุกขึ้นกลับไปพักผ่อนเถิด”

จิ่นอวี๋กอดเขาแน่นมากขึ้น “ข้ากลัว ท่านพี่ ทุกอย่างมืดมิดไม่มีแสงสว่าง ข้ากลัวความมืด กลัวว่าจะไม่มีแสงตะวันในอนาคตอีก”

มู่หรงฉีมองไปที่เหลิ่งชิงฮวนเพื่อขอความช่วยเหลือ เหลิ่งชิงฮวนไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้จริงๆ แม้ว่าจะเป็นจรรยาบรรณของแพทย์ที่พึงมี ทว่าหมาป่าตาขาวตัวนี้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ ต่อให้นางจะทะเลาะกับเหลิ่งชิงหลางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ

นอกจากนี้ปัญหาทางสมองและดวงตาเป็นปัญหาที่ยากที่สุด หากรักษาไม่ถูกต้องอาจจะไม่เกิดประโยชน์

เธอจึงก้มหน้าทำเป็นมองไม่เห็น

แต่ว่า... ผู้ชายของเธอกำลังถูกกอดและเอาเปรียบอยู่ นั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ถ้าไม่สบายใจก็กอดพักหนึ่งแล้วปล่อยก็ได้ ทำไมต้องกอดไว้ตลอดแบบนั้นด้วยล่ะ

ไหนใครบอกว่าลูกสาวเปรียบเสมือนชื่อเสียงวงศ์ของตระกูล

มีคนเห็นชิงเหยาและท่านอ๋องเฮ่าจนทำให้คนอื่นๆ วิจารณ์และพูดถึงพฤติกรรมของพวกเขา แล้วทำไมจิ่นอวี๋ถึงทำได้ นี่มันกฎบ้าบออะไรกัน พระสนมฮุ่ยเฟยกำลังยืนมองอยู่แท้ๆ

นี่สินะที่เรียกว่าสองมาตรฐาน

เธอกระแอมเบาๆ “องค์หญิงจิ่นอวี๋มีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ ดังนั้นอย่าตื่นเต้นเกินไป โปรดทำจิตใจให้สงบและฟังสิ่งที่หมอหลวงบอก บางทีอาจยังมีความหวังอยู่”

“จะมีความหวังอะไรได้อีก” ไหล่ของจิ่นอวี๋กระเพื่อมอย่างแรง นางร้องไห้ราวกับสายฝนโปรยปรายก่อนจะฝังหน้าเข้าไปในอ้อมแขนของมู่หรงฉี “ต่อไปข้าจะกลายเป็นภาระของคนอื่น นอกจากพระสนมฮุ่ยเฟยกับท่านพี่จะมีใครสงสารข้าอีก”

เพียงแค่ประโยคเดียว ทำให้ใครบางคนทนไม่ได้ที่จะผลักจิ่นอวี๋ออกไป

มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากบาง “เจ้าปล่อยข้าก่อน”

นี่จะหลบหน้าฉันเหรอ เหลิ่งชิงฮวนไม่อยากตามไปเข้าร่วมดูฉากสนุกน่าตื่นเต้นแต่อย่างใด

มู่หรงฉีเดินตามพระสนมฮุ่ยเฟยไปที่ห้องโถงด้านข้าง

หลังจากไล่คนในวังออกไปหมดแล้ว พระสนมฮุ่ยเฟยก็พูดอย่างตรงประเด็น “บอกแม่ทีว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”

มู่หรงฉีก้มหัวลง “แล้วแต่เสด็จจะจัดการ”

“จะให้แม่ทำอย่างไรก็ได้ตามใจงั้นหรือ”

“ชิงหลางทำผิดและควรได้รับการลงโทษ ลูกไม่มีอะไรจะพูด”

“ลงโทษนางไปจะมีประโยชน์อะไร จิ่นอวี๋บอกแล้วว่าชีวิตของนางพังไม่เหลือชิ้นดี”

“ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนี้ หมอหลวงบอกว่านางยังมีความหวังที่จะหายเป็นปกติ”

“แล้วถ้าไม่หายเล่า” จู่ๆ เสียงของพระสนมฮุ่ยเฟยก็ดังขึ้น

“ถ้าเช่นนั้นลูกจะขอรับประกันความเป็นอยู่ของนางไปตลอดชีวิต”

“แค่รับประกันความเป็นอยู่ของนางไปตลอดชีวิต? ฉีเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ว่าจิ่นอวี๋รู้สึกอย่างไร นางรอเจ้ามาหลายปี พ่อของนางคือผู้ช่วยชีวิตของเจ้า เขาช่วยชีวิตเจ้าไว้ เราจะเนรคุณไม่ได้เด็ดขาด”

พระสนมฮุ่ยเฟยไม่จำเป็นต้องชี้ให้เห็น มู่หรงฉีก็เข้าใจได้ทันทีว่าพระสนมฮุ่ยเฟยหมายถึงอะไร

“เสด็จแม่รับนางเข้าไปมาวัง ปฏิบัติต่อนางอย่างดีและแต่งตั้งนางเป็นจวิ้นจู่ นางได้รับการเลี้ยงดูจากเสด็จแม่มาหลายปี ลูกเองก็เห็นนางเป็นเหมือนน้องสาว นี่ไม่ใช่การตอบแทนงั้นหรือ หากเสด็จแม่ต้องการบังคับให้ลูกแต่งงานกับนาง สุดท้ายแล้วหากเราสองคนเกลียดและกลายเป็นศัตรูกัน นี่จะไม่ถือเป็นการเนรคุณงั้นหรือ”

พระสนมฮุ่ยเฟยโกรธอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าหมายความว่าไม่ต้องการแต่งงานกับจิ่นอวี๋สินะ”

“เหลิ่งชิงหลางทำผิด เสด็จแม่จะจัดการอย่างไรลูกจะไม่ขัด แต่หากจะให้ลูกแต่งงานกับจิ่นอวี๋ ลูกขอยืนยันคำเดิมในวันนั้น... ลูกไม่ยอมเด็ดขาด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา