ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 229

ฮูหยินฮัวเหลือบไปมองเหลิ่งชิงฮวนแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าลง “ยังอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งของหม่อมฉันเพคะ ถ้าหากว่าฮูหยินชอบ หม่อมฉันจะไปหยิบมาให้”

พระชายารุ่ยส่งเสียง “อืม” ออกมาเบาๆ “ภายในเรือนไม่สามารถอาบน้ำได้ น้ำค้างกลั่นของเจ้านั้นกลิ่นล้างออกได้ยาก แต่ก็นับว่าหอมกว่ากลิ่นกำยานมาก”

ดวงตาของฮูหยินฮัวมีประกายแล่นปลาบออกมา เธอเดินไปที่ประตู แล้วสั่งให้หญิงรับใช้ส่วนตัวนั้นไปนำน้ำค้างกลั่นที่เหลืออยู่ครึ่งขวดมาจากโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ

เพียงเวลาไม่นาน หญิงรับใช้ก็นำเหล้าเข้ามาแล้วส่งขวดหยกคอยาวสีขาวนวลราวกับหิมะให้กับแม่นมที่อยู่ข้างกายพระชายารุ่ย

แม่นมคนนั้นเปิดฝาขวดออกโดยที่ไม่ต้องรอรับคำสั่งจากพระชายารุ่ย เธอดมกลิ่นภายในขวดเล็กน้อยแล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “พระชายาเพคะน้ำค้างกลั่นนี่มีอะไรผิดปกติจริงด้วยเพคะ”

ดูเหมือนว่าพระชายารุ่ยจะคิดเอาไว้อยู่แล้ว เธอไม่มีท่าทีตกใจและถามอย่างเนิบนาบว่า “มีอะไรผิดปกติ”

“น้ำค้างกลั่นนี่เห็นได้ชัดว่าได้เติมน้ำมันสมุนไพรที่ทำให้แมวเปลี่ยนนิสัยได้เพคะ มิน่าเหล่าแมวตัวนั้นทั้งที่ปกติแล้วมีนิสัยเรียบร้อยอยู่ดีๆทำไมถึงได้กลายเป็นดุร้ายแบบนั้นและเข้ามาทั้งตะปบและข่วน จนทำให้พระชายาต้องรีบหลบแล้วสะดุดล้มไป”

“ไร้สาระ!” ฮูหยินฮัวตอบโต้อย่างมีโทสะ “น้ำค้างกลั่นนี่ข้าเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง ข้าจะไปทำร้ายพระชายาได้อย่างไรกัน”

พระชายารุ่ยพูดเนิบนาบว่า “อย่าใจร้อนแล้วรีบปฏิเสธเสียก่อนสิ จากที่ข้ารู้มา ช่วงนี้เจ้าไปแค่ห้องครัวเพื่อทำน้ำค้างกลั่นนี่แค่ครั้งเดียว น่าจะเป็นเมื่อ 5 วันก่อนน่ะ หลังจากที่ทำน้ำค้างกลั่นเสร็จแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถพกพามันไปในได้ตลอดเวลา เจ้าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายข้าแต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่มี ใช่ไหมล่ะ”

ฮูหยินฮัวยังคงยืนกรานปฏิเสธ “คนที่อยู่กับหม่อมฉันทุกคนนั้นล้วนได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวด เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องกำเริบเสิบสานแบบนี้ออกมา ทำไมแม่นมจ้าวต้องมาใส่ร้ายข้าอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ด้วย”

แม่นมจ้าวพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ผิดแน่นอน ข้ากับเจ้าไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน ข้าจะใส่ร้ายเจ้าไปทำไม”

พระชายารุ่ยหัวเราคิกออกมา “ข้าเชื่อว่าฮูหยินฮัวไม่มีทางลงมือทำร้ายข้า งั้นน้ำค้างกลั่นวางอยู่ในห้องของเจ้า คนที่สามารถเข้าถึงมันได้ก็คงมีแค่จิ่วเอ๋อร์แล้วล่ะ”

จิ่วเอ๋อร์รู้สึกหนาวจนตัวสั่น “พระชายาโปรดสืบสวนให้ชัดเจนด้วยเพคะ ต่อให้จิ่วเอ๋อร์ใจกล้าขนาดไหน จิ่วเอ๋อร์ก็ไม่กล้าขนาดนั้นหรอกเพคะ”

“ถ้าไม่ใช่เจ้างั้นก็เป็นฮูหยินของเจ้าล่ะสิ” พระชายารุ่ยไม่มองเธอเลยแม้แต่นิด และออกคำสั่งให้กับแม่นมจ้าวไปว่า “อย่ามารบกวนการนอนของลูกข้าที่นี่ เอาตัวจิ่วเอ๋อร์ออกไปแล้วสอบปากคำให้ดี จำเอาไว้ว่าทำได้แค่เป็นแผลเท่านั้นอย่าให้บาดเจ็บไปถึงกระดูกเด็ดขาด”

สีหน้าของจิ่วเอ๋อร์เปลี่ยนไปในทันที และหันไปขอร้องพระชายารุ่ยและฮูหยินฮัว ฮูหยินฮัวใจร้อนจนพูดออกมาไม่หยุด

“ข้าถูกใส่ร้าย พระชายาเพคะ บ่าวแซ่ฮัวขอใช้ชีวิตเป็นประกันว่าน้ำค้างกลั่นนี่ไม่ได้เติมอะไรเข้าไปแน่เพคะ แม่นมจ้าวกุเรื่องขึ้นมาก็เพื่อใส่ร้ายหม่อมฉัน ผิวบางๆของจิ่วเอ๋อร์จะไปทนได้อย่างไรกันเพคะ”

มีเสียงดังอย่างทุกข์ทรมาณออกมาจากด้านนอก พระชายารุ่ยไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด เธอหันข้างและมองดูเด็กน้อยที่อยู่ข้างกายเล็กน้อย มุมปากของเธอยังคงยกยิ้มอย่างอ่อนโยน

ฮูหยินฮัวกัดฟัน เธอหันหลังเตรียมจะอกไปแต่กลับถูกบ่าวของพระชายารุ่ยหลายคนขวางเอาไว้

“ฮูหยินฮัวนั่นเจ้าจะไปไหน”

“หม่อฉันจะไปหาท่านอ๋อง เพื่อให้ท่านให้ความเป็นธรรม!”

“เจ้ากำลังจะให้ท่านอ๋องมากดดันข้างั้นหรือ” พระชายารุ่ยสูดหายใจเข้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บแผลหรือเปล่า “เวลานี้ท่านอ๋องกำลังยุ่งรับแขกอยู่ที่หน้าจวน คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องหลังจวนหรอก เจ้าอย่าหวังเลย ข้าจะให้เจ้าไปทำให้ขายหน้าต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไรกัน รออยู่ที่นี่อย่างสงบเถอะ ข้ายังสามารถทรมาณเจ้าได้อีกไหม”

ฮูหยินฮัวจะหนีก็หนีไม่พ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลีเอ๋อร์ที่ในเวลานี้มีสีหน้าน่าเกลียดเป็นอย่างมาก

เหลิ่งชิงฮวนเห็นท่าไม่ดี เธอจึงจะลุกขึ้นไปห้าม แต่ลี่ว์อู๋เร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง หนึ่งคนผอมกับหนึ่งคนอ้วน เมื่อมาชนกันทำให้ร่างทั้งร่างของฮูหยินฮัวกระเด็นออกไปจนล้มไปกองกับพื้น

พระชายารุ่ยตาไม่กระพริบ เธอออกคำสั่งให้กับบ่าวรับใช้ “ยืนบื้ออะไรอยู่ ลากนางออกไปแล้วเอานางไปผูกไว้บนต้นมะเดื่อที่ท้ายจวน แล้วโบยให้หนัก โบยวันละสามสิบไม้ โบยไปจนกว่าจะตาย ให้คนในจวนเห็นว่ากล้าไม่เคารพข้าแล้วจะเป็นอย่างไร ให้คนที่ใจกล้าจะมาวางยาข้าได้เห็นว่ามันจะมีจุดจบอย่างไร”

บ่าวรับใช้รับคำสั่งเข้ามารุมล้อมแล้วลากแขนของเธอออกไป

พระชายารุ่ยออกคำสั่งต่อไปว่า “จิ่วเอ๋อร์รู้ดีอยู่แก่ใจว่าฮูหยินฮัวนั้นคิดเล่นงานข้า แต่กลับปิดบังเอาไว้ การตีนี้ไม่ใช่การตีที่ผิด ให้นางได้ดูบทเรียนนี้อย่างยาวนานที่ข้างหน้านั่น”

บ่าวรับใช้ทั้งหมดต่ากลัวจนตัวสั่น แม้แต่จะหายใจแรงๆออกมาก็ไม่กล้าและพากันออกไปอย่างรวดเร็ว

พระชายารุ่ยเหลือบมองเหลิ่งชิงฮวนแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปพูดกับลี่ว์อู๋ว่า “ทำเป็นแล้วใช่ไหม ใจต้องเหี้ยมถึงจะยืนได้มั่น ถ้าหากว่าเจ้าอ่อนแอจนถูกรังแก บ่าวรับใช้ของเจ้าก็จะไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา

ในวันหน้าหากเจ้าแต่งออกไป ถ้าได้ราชบุตรเขนที่ซื่อสัตย?ก็ดีไป ถ้าหากเขากล้าไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย จำเอาไว้ว่าอย่าให้ได้ใจดีมีเมตตาเป็นอันขาด ขอให้มีความโหดร้าย กล้าไม่เคารพต่อเจ้า แล้วก็แค่หาบทลงโทษมาจัดการก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสินเดิมเพื่อที่จะเก็บดอกไม้ที่มีหนามแหลมคมนั่นเอาไว้

ผู้ชายทุกคนนั้นชอบของใหม่และหน่ายของเก่า เจ้าควรที่จะหลับหูหลับตาข้างนึง อย่าไปยุ่งให้มาก เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบพี่สะใภ้สามของเจ้า ที่ถูกน้องสาวที่เกิดจากเมียรอง และกลายมาเป็นพระชายารองทำตัวเป็นปรปักษ์กันเช่นนี้

เหลิ่งชิงฮวนกลืนน้ำลาย และไม่พูดอะไรออกมา ในฐานะที่เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในเรื่องวัฒนธรรมสมัยใหม่และสิทธิมนุษยชนแล้ว การเคารพสิทธิของผู้อื่นและชีวิตนั้นเป็นสิ่งพื้นฐานที่สำคัญ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะกลายเป็นสินค้ามีราคาอย่างพระชายาอ๋องฉี และยืนอยู่บนห่วงโซ่อาหาร ของและมีสิทธิในการกุมความเป็นความตายของบ่าวรับใช้ในบ้าน แต่เธอก็ไม่สามารถลงมือกับชีวิตของใครได้

ในเมื่ออีกฝ่ายนั้นมีความผิด นอกเสียจากจะเป็นโทษที่ร้ายแรงแล้วก็เหมือนกับแม่หวังที่เธอยังคงยินดีให้โอกาสไว้ชีวิตอีกครั้ง

ดังนั้นความวุ่นวายของตัวเธอเองนั้น พอพูดขึ้นมาแล้วก็ปวดหัวเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา