ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 26

ขณะที่เหลิ่งชิงฮวนกำลังพูด หญิงชราที่อยู่ในจวนที่ได้ยินคำพูดของเหลิ่งชิงฮวนก็คาดเดาได้แล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดง่ายๆ ของเธอก็เข้าใจความหมายได้ทันที สายตาที่มองแม่ลูกเหลิ่งชิงหลางจึงเปลี่ยนไป

จินอี๋เหนียงที่ถูกโต้กลับพูดอะไรไม่ออก แต่กลับเป็นเหลิ่งชิงเจียวที่สะบัดมือของจินอี๋เหนียงออกแล้วเริ่มด่าทอ

“นังสารเลวยังจะกล้าเถียงอีกหรือ? เจ้าน่ะอาศัยความลำเอียงของไทเฮาแย่งสามีของพี่สาวข้าไม่ใช่หรือ อี๋ท่านแม่บอกกับพี่ข้าแล้วว่าไม่ช้าก็เร็วจะให้เจ้า…”

เหลิ่งชิงหลางร้อนรนขึ้นมาทันที เธอยื่นแขนออกไปฟาดลงบนใบหน้าตุ้ยนุ้ย “หุบปาก!”

เหลิ่งชิงเจียวมึนงงไปชั่วขณะ เขามองเหลิ่งชิงหลางที่โกรธจัดก่อนจะร้องไห้ออกมา

“ข้าแค่ระบายความโกรธแทนท่าน จัดการคนที่นังสารเลวนี้เลี้ยงไว้ แต่ท่านกลับตีข้า”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเยาะก่อนจะเดินจากไป เมื่อเดินถึงหน้าประตูก็หันกลับมามองจินอี๋เหนียงอย่างนิ่งสงบ

“ยังมีอีกเรื่องที่อยากให้ทุกท่านแนะนำ สัญญาซื้อขายชีวิตบ่าวที่เป็นสินเดิมของข้าตามกฎแล้วก็ควรจะตามข้ามาด้วยใช่หรือไม่”

หญิงชราที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว มีใครบ้างที่ตามเข้ามาอยู่ในจวนแล้วแต่ยังทิ้งสัญญาไว้ที่บ้านฝ่ายหญิง”

มีคนพยักหน้าเสริม

“เช่นนั้นก็ขอถามจินอี๋เหนียง ตอนนี้สัญญาซื้อขายชีวิตของแม่หวังอยู่ที่ใคร ดูสิแม่หวังถูกท่านถามจนตกใจหน้าซีดไม่กล้าพูดความจริง เพราะว่าสัญญาซื้อขายชีวิตของนางไม่ได้อยู่ที่ข้าจึงไม่ถือว่าข้าเป็นนายหรือไม่?”

คนในจวนต่างพากันหันไปมองจินอี๋เหนียง ก่อนจะมองใบหน้าที่บาดเจ็บของแม่หวังและท่าทางที่อยากจะพูดแต่ไม่พูดของนางทำให้พวกเขาเข้าใจได้ในทันที

จินอี๋เหนียงพูดว่าตอนพระชายาอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีกลับมีท่าทีหยิ่งผยอง กลั่นแกล้งน้องสาว คำพูดนี้ต้องทบทวนอีกครั้ง รวมถึงชื่อเสียงที่ร่ำลือกันออกไปนั้นยิ่งต้องให้คนไปสืบเสาะหาต้นตอ

เดิมทีจินอี๋เหนียงคิดจะใช้อาการบาดเจ็บของเหลิ่งชิงเจียวทำลายชื่อเสียงของเหลิ่งชิงฮวนเพื่อปูทางให้ลูกสาวตน แต่ไม่คิดว่าจะถูกเหลิ่งชิงฮวนพลิกสถานการณ์กลับมาจนพวกเธอรู้สึกกระอักกระอ่วน

“บางที บางทีอาจจะยุ่งเกินไปจนลืม”

“เช่นนั้นเมื่อจินอี๋เหนียงกลับจวนแล้วก็รบกวนให้คนนำสัญญาซื้อขายชีวิตของแม่หวังมาส่งมอบให้ข้าด้วย จะได้ให้แม่หวังดูแลข้าอย่างวางใจได้”

จินอี๋เหนียงกัดฟันกรอดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พาลูกสาวลูกชายเดินจากไป

กลุ่มคนเองก็สลายตัว แม่หวังเก็บกวาดสิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นเงียบๆ แม่นมเตียวที่มองด้วยสายตาเย็นชาอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ต้นก็รอให้คนในจวนกลับไปจนหมด ก่อนจะจุดเตาเตรียมอาหารเช้าใหม่อีกครั้ง

จู่ๆ แม่หวังก็หันมาทางเหลิ่งชิงฮวนและคุกเข่าลง “คุณหนู บ่าวขอโทษนะเจ้าคะ บ่าวสมควรตาย เมื่อครู่เพราะกลัวบ่าวจึงไม่กล้าพูดความจริง ขอให้คุณหนูโปรดลงโทษ”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มบางๆ ก่อนจะเข้าไปพยุงนางให้ลุกขึ้น “ข้าเข้าใจความลำบากใจของแม่หวัง สัญญาซื้อขายชีวิตไม่ได้อยู่ที่ข้า ท่านจึงถูกจินซื่อบีบบังคับและลำบากใจ รอจินซื่อให้คนนำสัญญาซื้อขายชีวิตของท่านมามอบให้พวกเราก็จะสามารถตัดสินใจกันเองได้”

แม่หวังก้มหน้าน้ำตาไหลนอง “บ่าวเลอะเลือนจนทำผิดต่อคุณหนู คุณหนูยังไม่ถือโทษโกรธบ่าวซ้ำยังออกหน้าแทน บ่าวมันชั่วช้าจริงๆ”

“แม่หวังไม่จำเป็นต้องพูดจาเหมือนห่างเหินกันเช่นนี้ ท่านและข้าต่างเป็นนายบ่าวที่มีความสัมพันธ์กันมานาน ท่านควรที่จะมองการณ์ไกลคิดถึงอนาคต ต่อจากนี้ไม่ว่าข้าจะรุ่งโรจน์หรือตกต่ำ ท่าน โตวโตวและหลิงกวนเอ๋อร์ล้วนเป็นคนของข้า ทางออกของเรื่องจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของข้า ใครจะยุ่งไม่ได้”

แม่หวังน้ำตาไหล นางรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณอย่างยิ่ง

เหลิ่งชิงฮวนหมุนตัวกลับ “ไปล้างหน้าล้างตากันเถอะ”

โตวโตวยกกะละมังทองแดงที่เติมน้ำไว้แล้วออกมาเดินเข้าไปในห้องเพื่อให้เธอล้างหน้า ก่อนจะหยิบหวีมาสางผมให้เธอโดยไม่พูดไม่จา

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มและไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ

วันรุ่งขึ้นจินอี๋เหนียงสั่งให้คนนำสัญญาซื้อขายชีวิตมามอบให้ เหลิ่งชิงฮวนจึงนำมันเก็บเข้าไปในแหวนนาโน

ส่วนแม่หวังก็เอาใจใส่เหลิ่งชิงฮวนเป็นอย่างดี ดูแลเธออย่างพิถีพิถัน โตวโตวเองก็ไม่ได้หย่อนยานแม้แต่น้อย คอยจับตาดูนางทุกการเคลื่อนไหว

เหลิ่งชิงหลางเองก็เงียบหายไปสองวัน ส่วนอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเหลิ่งชิงฮวนก็หายดีแล้ว เธอสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระ

ระหว่างนั้นเธอเจอกับมู่หรงฉีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาเพิ่งออกมาจากเรือนจื่อเถิงของเหลิ่งชิงหลาง เมื่อเผชิญหน้ากับเธอเขาก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุร้ายว่าเมื่อไรร่างกายของเหล่าไท่จวินจะหายดี

ดูท่าคนผู้นี้คงจะหลับนอนอยู่ในห้องหนังสือจนเลอะเลือน และรอไม่ไหวอยากจะให้เธอสร้างเรือนให้เขากับเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนไม่สามารถให้คำตอบเขาได้ เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอที่จะตัดสินใจว่าเหล่าไท่จวินจะหายดีเมื่อไหร่ เหล่าไท่จวินจะป่วยหรือจะหายดีตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับนาง

มู่หรงฉีคิดว่าเธอตั้งใจประวิงเวลาและไม่อยากจะถูกขับไล่ออกจากจวน ดังนั้นจึงเอ่ยถากถาง

เจ๊กำลังทนอยู่

หลิงกวนเอ๋อร์คาบข่าวจากนอกจวนเข้ามาบอกว่าเหลิ่งชิงเฮ่อย้ายออกจากจวนมหาเสนาบดีแล้ว เขาไม่ได้ย้ายไปที่บ้านที่เขาสร้างเองแต่ย้ายไปที่สุสานของตระกูลเหลิ่ง อาศัยอยู่ในกระท่อมของคนเฝ้าสุสาน โดยมีเด็กรับใช้เพียงสองคน

ในตอนแรกเหลิ่งชิงฮวนตกใจมาก แต่เมื่อลองคิดอย่างละเอียดก็เข้าใจว่าพี่ชายคงมีความคิดเป็นของตนเอง

สุสานของจวนมหาเสนาบดีนั้นอยู่นอกเมืองออกไป ห่างไกลจากสายตาของผู้คนรวมถึงจินซื่อเหมาะแก่การรักษาโรคของพี่ชาย อีกทั้งยังอยู่ในสุสาน หากจินซื่อต้องการลงมือกับเขาทั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษตระกูลเหลิ่ง นางจะไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา