ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 27

แต่เหลิ่งชิงฮวนยังไม่วางใจ ประการแรกคือเรื่องสุขภาพของพี่ชาย ไม่รู้ว่าหลังจากที่ทานยาเข้าไปเขาดีขึ้นบ้างหรือไม่ เธอยังต้องทำการตรวจซ้ำให้เขาอีกครั้งและปรับเทียบยาใหม่ อีกประการหนึ่งคือสถานที่ที่เขาอยู่ค่อนข้างทุรกันดาร ขาดแคลนปัจจัยสี่ และไม่รู้ว่าเด็กรับใช้สองคนนั้นจะดูแลเขาได้อย่างทั่วถึงหรือไม่

เธอคิดเช่นนี้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาไปส่งยาให้เหล่าไท่จวินเธอจึงแวะซื้อของใช้ที่จำเป็น วางแผนว่าหลังจากออกจากจวนอันกั๋วกงจะนำไปมอบให้พี่ชาย

เมื่อมาถึงจวนอันกั๋วกงก็เห็นรถม้าที่งดงามหรูหราจอดอยู่ด้านหน้า เหลิ่งชิงฮวนรู้ได้ทันทีว่าเป็นของจวนอ๋องฉี เธอถามทหารยามที่หน้าประตูจึงได้รู้ว่าเหลิ่งชิงหลางเองก็มาเยี่ยมเหล่าไท่จวินเช่นกัน

ลองนับวันดูอาการบาดเจ็บที่เท้าของนางน่าจะหายดีแล้ว แต่เธอไม่รู้ว่านางคิดอย่างไรถึงมาแสดงความสุภาพต่อเหล่าไท่จวินเช่นนี้

เธอไม่จำเป็นต้องรอรายงานเพื่อเข้าไปในจวนอันกั๋วกง ดังนั้นเธอจึงตรงไปที่สวนหลังบ้านพร้อมกับโตวโตว แม่นมติงที่คอยดูแลเหล่าไท่จวินเข้ามาห้ามอย่างสุภาพ

“ลำบากพระชายาอีกแล้ว เหล่าไท่จวินมีแขกอยู่ในห้อง ท่านมอบยาให้บ่าวก็ได้เจ้าค่ะ”

เสียงหัวเราะของเหลิ่งชิงหลางดังออกมาจากในห้อง "ท่านอ๋องคิดถึงเสด็จยายเสมอแม้ว่างานจะยุ่งมากทุกวัน กว่าหม่อมฉันจะได้เจอท่านอ๋องสักครั้งนั้นไม่ง่ายเลย ผัดมาหลายวันสุดท้ายหลานสะใภ้จึงมาที่นี่เอง เห็นเหล่าไท่จวินสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีก็จะกลับไปบอกให้ท่านอ๋องทราบ จะได้ทรงวางใจ"

จากนั้นเสียงเรียบๆ ของหญิงชราก็ดังขึ้น "เจ้าช่างมีจิตใจดีจริงๆ หลังจากที่เจ้าแต่งงานแล้ว ยายเจ้ายังไม่ได้ให้ของขวัญเจ้าเลย หนำซ้ำเจ้ายังเตรียมสิ่งที่มีค่าเช่นนี้มาให้อีก"

“ตราบใดที่ร่างกายของเสด็จยายแข็งแรงดี ก็ย่อมดีกว่าของพวกนี้เป็นไหนๆ นี่เป็นแค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากหลานสะใภ้ก็เท่านั้น”

“เด็กคนนี้ช่างพูดช่างจาให้คนเอ็นดูจริงๆ”

จากนั้นเหลิ่งชิงหลางก็แสร้งทำท่าทางน่ารัก "ตอนชิงหลางมายังรู้สึกกังวลมาตลอดทางว่าเสด็จยายจะชอบหรือไม่"

เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้พูดอะไร เธอเม้มปากก่อนจะหันหลังเดินออกไป

โตวโตวกำลังคุยกับเสิ่นหลินเฟิงอยู่ที่ลานด้านนอก เมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวนเดินออกมาทั้งสองคนก็หยุดบทสนทนาแล้วหันมาต้อนรับเธอ

“บังเอิญจริง วันนี้รัชทายาทเสิ่นไม่มีงานราชการหรือ”

เสิ่นหลินเฟิงเหลือบมองโตวโตว “มีเรื่องต้องออกไปลาดตระเวนนอกเมืองสักหน่อย ได้ยินสาวรับใช้บอกว่าท่านจะออกไปนอกเมืองหรือ?”

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “พี่ชายหม่อมฉันกำลังรักษาโรคอยู่ที่นอกจวน หม่อมฉันเป็นห่วงจึงอยากจะไปเยี่ยมสักหน่อย”

“ไม่รู้ว่ารถลาลากของท่านจะไปถึงยามใด ในเมื่อเป็นทางผ่านพอดีไม่สู้ให้หลินเฟิงไปส่งพี่สะใภ้จะดีกว่า”

เหลิ่งชิงฮวนปฏิเสธทันที “รัชทายาทเสิ่นยังมีงานราชการมากมายจะให้ลำบากท่านได้อย่างไร พวกหม่อมฉันเองก็ไม่ได้รีบ หากฟ้ามืดแล้วก็แค่รีบกลับเท่านั้น”

เสิ่นหลินเฟิงยกยิ้ม “ก็แค่ทางผ่าน อีกอย่างท่านไม่กลัวว่าหากพี่ชายของท่านเห็นรถลาลากทรุดโทรมเข้า จะเข้าใจผิดว่าท่านพี่ปฏิบัติกับท่านไม่ดีหรอกหรือ”

เข้าใจผิดที่ไหนกัน เรื่องจริงทั้งนั้น

แต่เมื่อคิดไปคิดมา สิ่งที่เสิ่นหลินเฟิงพูดนั้นก็มีเหตุผล เธอลังเลสักพักก่อนจะพยักหน้า

“เช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว”

ทั้งสามคนเดินออกมาจากจวนก่อนจะย้ายของขึ้นไปบนรถม้าของเสิ่นหลินเฟิง เหลิ่งชิงฮวนและโตวโตวเข้ามาด้านในตัวรถ เสิ่นหลินเฟิงย่อมไม่สะดวกที่จะเข้าไปนั่งด้วยจึงรับบังเหียนจากคนขับรถม้า บังคับม้าออกจากเมืองตรงไปที่สุสานตระกูลเหลิ่งด้วยตัวเอง

เหลิ่งชิงเฮ่อเห็นนางมาอย่างกะทันหันก็แปลกใจ เขาออกมาจากกระท่อมหลังเตี้ยเมื่อเห็นเสิ่นหลินเฟิงก็เรียกเด็กรับใช้ให้ยกเก้าอี้ในห้องออกมา ไม่กล้าให้ทั้งสองคนเข้าไปด้านใน

เหลิ่งชิงฮวนตรวจร่างกายให้เขาก็พบว่าพิษที่อยู่ภายในสลายไปมากแล้ว แต่ยังไม่ถึงที่เธอคาดการณ์ไว้ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อาหารการกินของท่านพี่ในช่วงนี้ได้จัดการตามที่ข้าบอกหรือไม่”

ท่าทางของเหลิ่งชิงเฮ่อดีขึ้นมากแล้วแต่ยังคงไออยู่ “การกินของที่นี่ไม่ได้เข้มงวดเหมือนในจวน พี่กับเด็กรับใช้สองคนนั้นกินพร้อมกัน พวกเขาไม่เป็นอะไรก็คงไม่มีปัญหาอะไร ยาที่ฮูหยินเอามาให้พี่ก็แอบเททิ้งไปหมดแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนสูดจมูกก่อนจะออกคำสั่งคนรับใช้สองคนเสียงแข็ง “ยังยืนเฉยอยู่ทำไม นำหนังสือและของพวกนี้ไปเผาทิ้งให้หมด!”

หมิงเย่ว์และซิงเมิ่งเด็กรับใช้ข้างกายของเหลิ่งชิงเฮ่อรีบเข้ามาขนหนังสือ พู่กันและหมึกออกไปทันที

เหลิ่งชิงเฮ่อกระทืบเท้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจะไอออกมาอย่างแรง “หนังสือพวกนี้ล้วนเป็นของปรมาจารย์ชื่อดัง เผาไปก็น่าเสียดาย พี่ไม่อ่านก็ได้”

เหลิ่งชิงฮวนสะบัดมือด้วยความโมโห “หากท่านอยากเก็บหนังสือไว้ก็เก็บ ข้าไม่สนใจแล้วอย่างน้อยท่านก็จะได้ไม่มองข้าในแง่ร้าย แต่ว่าเอาไปไกลๆ ห้ามให้ข้าเห็นเด็ดขาด หากข้ารู้ว่าใครกล้าเอามาให้คุณชายใหญ่อีกก็ระวังชีวิตของเจ้าไว้ให้ดี!”

เด็กรับใช้รีบเอ่ยว่าไม่กล้าเป็นพัลวันก่อนจะนำหนังสือทั้งหมดไปเก็บไว้ที่กระท่อมที่เพิ่งสร้างหลังข้างๆ ที่ทั้งสองคนพักอาศัย

บรรยากาศในกระท่อมกระอักกระอ่วน เหลิ่งชิงเฮ่อและเสิ่นหลินเฟิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองคนรับใช้สองคนที่กำลังยุ่งอยู่ ก่อนจะเดินไปหาเหลิ่งชิงเฮ่อแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ท่านพี่ ข้าขอถามท่าน ใครเป็นคนเตรียมน้ำหมึกที่ท่านใช้เป็นประจำ”

เหลิ่งชิงเฮ่อไม่เข้าใจแต่ก็ตอบตามความจริง “ซิงเมิ่งดูแลเรื่องอาหารการกินและที่หลับที่นอน ส่วนหมิงเย่ว์พอรู้หนังสือจึงให้ดูแลอุปกรณ์และหนังสือในห้อง ของพวกนี้เขาก็เป็นคนจัดการ ทำไมหรือ?”

เหลิ่งชิงฮวนเห็นว่าเสิ่นหลินเฟิงอยู่ด้วยจึงกดเสียงต่ำ “ในน้ำหมึกนี้มีพิษ สามารถซึมเข้าร่างกายได้ตามกลิ่นของหมึก หากสัมผัสในระยะยาวจะกลายเป็นพิษเรื้อรัง”

“อะไรนะ?” เหลิ่งชิงเฮ่อตกใจ “นี่สามารถวางยาพิษได้ด้วยหรือ”

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “นี่คือเหตุผลว่าทำไมท่านใช้ยามาหลายวันแต่พิษในกายท่านยังไม่หมดสิ้น เพราะว่าท่านยังคงสูดดมพิษเข้าไปใหม่ตลอดเวลา”

“ดังนั้นเมื่อครู่เจ้าเลยโมโหใส่พี่เช่นนั้น?”

“ข้ากลัวว่าหากบอกความจริงจินซื่อจะลงมือกับท่านหนักกว่าเดิม ถึงเวลานั้นอาจจะป้องกันไม่ทันหนำซ้ำยังจะเป็นอันตรายมากขึ้น ของพวกนี้เก็บไว้ไม่ได้ เด็กรับใช้สองคนนั้นก็เชื่อถือไม่ได้ แต่จะจัดการอย่างไรก็ต้องให้ท่านพี่ตัดสินใจเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา