ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 366

คำพูดนั้นที่เหมือนกระต่ายตื่นตูม ทำให้เหลิ่งชิงฮวนตกอกตกใจจนตัวสั่นอย่างเลี่ยงมิได้

ความคิดที่น่ากลัวอย่างแรกนั่นก็คือมู่หรงฉี

เขาทำงานอยู่ในอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง จะมิทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญหายรึ?

เหลิ่งชิงฮวนมิได้ปริปากถามออกไป เหล่าขันทีน้อยก็บุกกันเข้ามา เมื่อได้เห็นเหลิ่งชิงฮวนก็เหมือนได้เห็นผู้ช่วยชีวิต

“พระชายารีบไปช่วยเถอะเพคะ!”

คนเหล่านั้นมิได้ฟังคำอธิบายอันใดทั้งสิ้น ก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าแขนของเหลิ่งชิงฮวน แทบจะหิ้วนางออกจากตำหนักเจียนเจีย พยุงไหล่ เท้าลอยขึ้น เหมือนเหาะกลางอากาศก่อนจะดันเข้าไปในรถม้าที่รออยู่ตรงประตูวัง

เหลิ่งชิงฮวนกระวนกระวายจนอยากจะกระโดดออกไป “เกิดเหตุใดขึ้นกันแน่? มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับมู่หรงฉีหรือไม่?”

ขันทีน้อยกลุ่มหนึ่งต้องใช้ความเร็วและความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของเด็กในท้องของเหลิ่งชิงฮวน พลางวิ่งไปด้วยและสารภาพผิดไปด้วย

“ท่านอ๋องฉีมิเป็นอันใดเพคะ คนอื่นต่างหาก พระชายาอย่าเพิ่งตำหนิว่าเหล่าข้าน้อยเสียมารยาทเลยนะเพคะ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ เพคะ”

เหลิ่งชิงฮวนคิดว่าเรื่องที่ทำให้พวกเขารีบร้อนเช่นนี้ จะต้องเป็นเรื่องช่วยชีวิตคนเป็นแน่ และกำลังรอตนไปช่วย มิใช่มู่หรงฉีก็มิกลัวอันใดแล้ว คนไข้ด่วน แต่หมอกลับช้า ใจเย็นๆ นะใจเย็นๆ

เมื่อรถม้าออกจากประตูวังไป สารถีรีบขับรถม้าและอธิบายเรื่องราวทั้งหมดในเพียงมิกี่คำ

แต่ว่าครานี้มิใช่การช่วยชีวิตคนที่ง่ายดายขนาดนั้น มันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ น่ากังวลยิ่งกว่ามีคนตายเสียอีก

องค์ชายแห่งมั่วเป่ยโดนลอบสังหารโดยมือสังหารที่ศาลาพักม้า ชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย และมือสังหารผู้นี้ก็มิใช่ใครที่ไหน ก็คือเจ้าสำนักอินทรีทองสุนัขจนตรอกที่ถูกมู่หรงฉีและเสิ่นหลินเฟิงไล่ล่า

นี่เรียกว่ากลัวสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นสินะ เจ้าสำนักอินทรีทองทำการระเบิดให้ตายไปพร้อมกัน หากเกิดเหตุอันใดที่คาดมิถึงกับองค์ชายแห่งมั่วเป่ย ความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศก็จะแตกหักและตกไปสู่การหยุดชะงัก

นอกจากนี้ อ๋องเฮ่าที่รับผิดชอบเรื่องการทูต และมู่หรงฉีที่รับผิดชอบเรื่องการตามล่าเจ้าสำนักอินทรีทอง ทั้งสองจะต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด

องค์ชายแห่งมั่วเป่ยถูกดาบฟัน บาดแผลมิได้ร้ายแรงมากนัก แต่สิ่งที่จะคร่าชีวิตก็คือยาพิษที่อยู่บนดาบ

เหล่าหมอหลวงต่างร่วมแรงร่วมใจกัน แต่ก็มิสามารถชำระล้างพิษที่อยู่ในร่างกายได้ พิษในร่างกายของเขาก็ยิ่งทวีขึ้น เมื่อเทยาแก้พิษลงไปหนึ่งชาม สีหน้าก็คลายลง ชีพจรก็คงที่ ราวกับพิษในร่างกายได้ถูกชำระล้างไปแล้ว แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียว มันก็กำเนิดขึ้นมาใหม่ และไหลเวียนไปมิมีที่สิ้นสุด

เมื่อเห็นว่าหลังจากที่กินยาแก้พิษไปหลายชาม ท้องก็ป่องมากจนรับต่อไปมิไหว คนผู้นี้ก็ดูมิได้ดีขึ้นเลย ทำให้เหล่าหมอหลวงหมดปัญญาจะสู้

ฮ่องเต้มาที่ศาลาพักม้าด้วยตนเอง โมโหเหล่าหมอหลวงที่กำลังคุกเข่าแทบเท้าและสารภาพผิด หลังจากนั้นก็นึกถึงเหลิ่งชิงฮวนขึ้นมา จึงสั่งคนให้ไปพานางมาที่นี่โดยเร็ว

ในตอนที่เหลิ่งชิงฮวนมาถึง ฮ่องเต้ก็กำลังโกรธเกรี้ยว “พวกไร้ประโยชน์ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าเสียข้าวสุกรึ? มีคนตั้งมากตั้งมายอยู่เฝ้าที่นี่ แต่สุดท้ายคนขององครักษ์อินทรีก็เข้ามาได้ หากมีอันใดเกิดขึ้นกับองค์ชายล่ะก็ หัวพวกเจ้าได้หลุดออกจากบ่าแน่”

มิรู้ว่าคำพูดนี้มีไว้ทำให้ผู้คนหวาดกลัว หรือเล่นละครให้นักการทูตจากมั่วเป่ยดูกันแน่ ถึงอย่างไรท่าทางดุดันนั้นก็ทำให้ผู้คนกลัวอยู่ดี

ใต้ฝ่าเท้าของเขามีคนกลุ่มหนึ่งคุกเข่าอยู่ มีทหารอารักขา มีหมอหลวง และยังมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ อ๋องเฮ่าก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกว่าอยู่ใกล้กษัตริย์ก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ ประโยคนี้เป็นความจริง หากตนรักษาพิษจากร่างขององค์ชายแห่งมั่วเป่ยมิได้ ชายชราขี้โมโหจะตำหนิตนโครมๆ เช่นนี้เหมือนกันหรือไม่?

คำพูดนี้ดูมิหนักหนา แม้แต่ช่องทางการเจรจาก็ยังมิมี ทำเหมือนมันง่ายอย่างกับสั่งให้นางไปหาฟืนมาน่ะ หมอหลวงที่ท่านเลี้ยงมากลับหมดหนทางจะสู้ แล้วข้าจะไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน? ต้องรู้ไว้ก่อนว่าการช่วยชีวิตคนมันยากกว่าการฆ่าคนเสียอีก

เหลิ่งชิงฮวนมองไปยังใบหน้าขององค์ชายท่านนี้ก่อน ลักษณะใบหน้ามีหนวดลึก ถักเปียเล็กๆ บนหัว มิได้มีความหล่อเหลาเช่นมู่หรงฉี จะพูดให้แย่กว่านั้นก็คือมันช่างทิ้งห่างกันมากเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็สังเกตที่สีหน้าของเขา ริมฝีปากของเขาเป็นสีม่วง หน้าซีด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท กัดฟันแน่น เป็นอาการของคนโดนพิษจริงๆ

หมอหลวงที่อยู่ข้างๆ แนะนำอาการบาดเจ็บขององค์ชายให้นางฟังอย่างระมัดระวัง และหยิบใบสั่งยาให้นางดู

หมอหลวงเหล่านี้กำลังควบคุมมิให้แตะต้องเหลิ่งชิงฮวน มิกล้าแตะต้อง และก็มีความคิดที่มิสามารถแตะต้องได้ ยกให้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง

เนื่องจากเหลิ่งชิงฮวนอยู่ในวังมาสองสามวัน ยามเบื่อก็จะไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลหลวงเพื่อคุยโวโอ้อวด ถกเถียงความรู้ และขโมยตำรายารักษาโรคไปสองสามเล่ม พร้อมด้วยโสมอายุหลายพันปี เห็ดหลิงจือร้อยปี อีกทั้งยังมีรังนกที่ช่วยดูแลเรื่องความสวยความงาม และไข่มุกจากทะเลจีนตะวันออกอีกด้วย

เครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้ล้วนมีบัญชี ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่านางเป็นคนเอาไป แต่ดันจับมิได้คาหนังคาเขา และมิรู้ว่านางเอามันออกไปจากร้านขายยาหลวงโดยซุกซ่อนไว้ที่ใด ใครๆ ก็ต่างเห็นนางเป็นขโมย และคอยระมัดระวังนาง

ถึงอย่างไรก็มิสามารถแตะต้องนางได้อยู่ดี

เหลิ่งชิงฮวนตรวจสอบดูบาดแผลขององค์ชายแห่งมั่วเป่ย มันกว้างเพียงสองนิ้วเท่านั้น มิได้ทำลายอวัยวะภายใน มันถูกพันแผลไว้เรียบร้อย เพียงแต่ว่าสีของเลือดที่ซึมออกมามิปกติ เพราะมันเป็นสีม่วง เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่อยู่ในร่างกายของเขาเป็นพิษที่ร้ายแรง

นางจึงรีบเปิดโหมดระบุการทำงานของสารพิษในแหวนนาโนทันที และเจาะเลือดเข้ามาเพื่อทำการตรวจ หลังจากวิเคราะห์แล้ว ใบสั่งยาที่สั่งโดยหมอหลวงทั้งหมดเป็นการรักษาตามอาการ ก็คือการล้างพิษ

แต่เพราะเหตุใดถึงยังล้างพิษมิได้ล่ะ? ผู้บาดเจ็บเหมือนเครื่องสร้างพิษอัตโนมัติอย่างไรอย่างนั้น มันทำให้นางคิดหาวิธีแก้อันใดมิออกเช่นกัน ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง

ทูตที่มาจากมั่วเป่ยคอยจับตามองการเคลื่อนไหวในมือของนางตลอดเวลา เมื่อเห็นท่าทางสีหน้าลำบากใจของนาง จึงหันไปซักไซ้เอาความจากชายชราผู้เป็นฮ่องเต้

“กราบทูลฝ่าบาท นี่คือหมอเทวดาที่ท่านเชิญมารึ แทนที่จะจับชีพจรหรือออกใบสั่งยา เหตุใดถึงเจาะเลือดจากพระหัตถ์องค์ชายของกระหม่อมด้วยล่ะ ตอนนี้เขากำลังตกอยู่สถานการณ์ที่อันตราย เหตุใดประเทศของท่านถึงจงใจถ่วงเวลาการรักษาเยี่ยงนี้เล่า เหตุผลคืออันใดกัน?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา