ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 369

อ๋องเฮ่ายิ้มอย่างอบอุ่น “อุบายปัดภัยพิบัติสู่บูรพาของน้องสะใภ้สามนี่ ยอดเยี่ยมจริงๆ”

เหลิ่งชิงฮวนยังคงงุนงงตามไม่ทัน “ปัดภัยพิบัติอะไรหรือ”

“เช่นนี้แล้ว หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับองค์ชายอันต๋าจริงๆ พวกเราก็ยังเหลือหนทางในการเจรจากับมั่วเป่ยได้ อย่างไรเสีย พิษนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้องค์ชายอันต๋าต้องบาดเจ็บถึงชีวิต”

ตอนนี้เอง เหลิ่งชิงฮวนถึงตระหนักได้ว่า ทั้งฮ่องเต้และอ๋องเฮ่าต่างก็เข้าใจผิดคิดว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของตนเป็นการจงใจปัดความรับผิดชอบ

ฉันเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือขนาดนั้นเลยหรือ พิษนี่ แปดในสิบส่วนเป็นคนในของพวกเขานั่นแหละที่วางยา หญิงสาวจิตใจดีงามและใสซื่อแบบฉันนี่นะ จะป้ายสีความผิดให้คนอื่น ที่พูดออกไปน่ะ ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งนั้น

ยังไม่ทันจะได้โต้แย้งกลับไป จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากในห้อง “กรี๊ดดด!”

เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?

ทำไมเสียงร้องถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ แทบจะแตกเป็นเสียงสองแล้ว

คนทั้งสามไม่กล้ารอช้า รีบรุดเข้าไปด้านในทันที

ฮ่องเต้ช่างอาจหาญไม่หวั่นเกรงต่อภัยอันตราย พุ่งเข้าไปเป็นคนแรก

เหลิ่งชิงฮวนร่างกายเงอะงะรั้งอยู่ท้ายสุด แต่จู่ๆ อ๋องเฮ่าหมุนตัวกลับมาขวางนางเอาไว้ แล้วยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อบังสายตาของนาง

“อย่าเข้าไป!”

แต่เหลิ่งชิงฮวนที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานไม่คิดว่าอ๋องเฮ่าจะหันกลับมาอย่างกะทันหัน จึงชนเข้าอย่างจัง

นางผงะถอยหลัง แต่เท้ากลับซวนเซไม่มั่นคง โชคดีที่อ๋องเฮ่าประคองไว้ได้ทัน “น้องสะใภ้ ระวังด้วย”

แต่กระนั้น เหลิ่งชิงฮวนยังคงได้เห็นภาพอันน่าตื่นตาที่ลอดผ่านแขนเสื้อของอ๋องเฮ่าออกมา

องค์ชายอันต๋าที่ฟื้นตื่นแล้วกำลังลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่น พลางนิ่งอึ้งจ้องมอง...อะแฮ่ม...ส่วนนั้นของตน ก่อนที่จะร้องเสียงหลงออกมาเหมือนกับไอ้นั่นถูกตัดหายไปอย่างนั้นแหละ จากนั้นก็คำรามออกมาอย่างเดือดดาล

“ผู้ใดกัน เป็นฝีมือของผู้ใด ข้าจะสังหารนางเสีย! โอ๊ยยย...เจ็บ!”

เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเช่นนี้ แสดงว่าเขาฟื้นตัวแล้ว แต่การออกแรงมากขนาดนี้ เกรงจะทำให้แผลฉีกได้

เหลิ่งชิงฮวนรู้ตัวดี จึงหดตัวลงแอบอยู่ข้างหลัง เมื่อหน้าที่จบลงแล้วก็ควรจะหลบฉากไปได้ ต่อจากนี้ไปคงไม่ใช่เรื่องของนางอีกแล้ว อ๋องเฮ่าปล่อยมือที่ประคองนางออก ใบหน้าของเขาแดงเรื่อ ดูเหมือนหญิงสาวมากกว่าเหลิ่งชิงฮวนเสียอีก

ภายในห้อง ราชทูตกลับไม่คิดจะปล่อยเหลิ่งชิงฮวนไป เขายกมือขึ้นชี้มาที่นาง “ทูลท่านอ๋อง เป็นสตรีผู้นี้พ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายอันต๋ามองไปที่เหลิ่งชิงฮวน เวลานี้ นางยิ่งหดตัวลงพยายามแอบอยู่ข้างหลังอ๋องเฮ่าเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

บุญคุณใหญ่หลวงอย่าได้เกรงใจ ไม่ต้องเอ่ยคำขอบคุณก็ได้

ฮ่องเต้กระแอมขึ้นเบาๆ ด้วยความรู้สึกประดักประเดิด “ดูเหมือนองค์ชายอันต๋าจะไม่เป็นอะไรแล้ว”

องค์ชายอันต๋าเพิ่งจะสังเกตเห็นฮ่องเต้ หนวดของเขากระตุกตั้งขึ้นทันที “ขอทรงอภัย อันต๋าได้รับบาดเจ็บ จึงไม่สามารถลุกขึ้นคำนับพระองค์ได้”

ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์เบาๆ “ไม่เป็นไรๆ องค์ชายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

แต่องค์ชายอันต๋ายังคงทำท่าทางขึงขังและชี้ไปที่เหลิ่งชิงฮวนโดยไม่ใส่ใจฮ่องเต้ “เจ้าเป็นคนทำหรือ”

อ๋องเฮ่าหันหลังกลับมาพลางอธิบายว่า “องค์ชาย โปรดอย่าได้เข้าใจผิดไป เรื่องนี้ หมอหลวงเป็นผู้รักษาให้ท่าน โดยได้รับคำชี้แนะจากพระชายาฉีแห่งฉางอัน ทุกสิ่งก็เพื่อรักษาโรคและช่วยชีวิต ไม่ได้กระทำการเสียมารยาทเลย”

รัศมีที่ทรงพลังและน่าเกรงขามของฮ่องเต้ส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เป็นอย่างไรบ้าง”

มู่หรงฉีตอบกลับเสียงดังกังวานในทุกถ้อยคำ “ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ลูกและเสิ่นหลินเฟิงจับกุมผู้ลอบสังหารได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่า ในขณะที่ไล่ล่าตามเจ้าสำนักอินทรีทองไปนั้น ลูกไม่ทันได้ระวัง เขาตัดเส้นลมปราณตัวเองและกระอักเลือดเสียชีวิตไป”

“หืม?” ฮ่องเต้ทั้งประหลาดใจและผิดหวัง

เจ้าลัทธิถูกกำราบก็หมายถึงจุดจบของเฟยอิงเว่ย ได้ตัดเนื้อร้ายก้อนหนึ่งออกไปจากในใจก็เป็นเรื่องที่ดี แล้วถือว่ามีคำตอบให้มั่วเป่ยอีกด้วย แต่การตายของเจ้าสำนักนี้ก็แสดงให้เห็นว่ายังไม่สามารถกำจัดพวกมันให้สิ้นซากได้ รวมถึงข้อมูลภายในฉางอันที่พวกมันขายให้แคว้นหนานเจ้าไปนั้นมีมากน้อยเพียงใด ทั้งยังเหล่าข้าราชบริพารที่ถูกแคว้นหนานเจ้าซื้อตัวไว้มีมากน้อยแค่ไหน เหล่านี้คืออันตรายที่ซ่อนอยู่

เรื่องนี้จะตำหนิมู่หรงฉี เห็นจะไม่ได้ สำนักอินทรีทองไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย ต่อให้จับกลับมาแล้ว ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า เขาจะไม่คิดหาทางฆ่าตัวตายอีก วิธีทรมานก็ไม่อาจทำให้เขาเปิดปากได้เช่นกัน

ฮ่องเต้จึงทำได้เพียงยอมรามือ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็พอแค่นี้เถอะ ต่อจากนี้ก็ให้เป็นหน้าที่ของเสิ่นหลินเฟิงก็แล้วกัน ส่วนฉีเอ๋อร์ ระยะนี้ให้เจ้ารับผิดชอบคุ้มกันองค์ชายอันต๋ากลับเมืองหลวง”

มู่หรงฉีรับคำสั่ง จากนั้นก็เหลือบมองเหลิ่งชิงฮวนด้วยความกระหาย

ฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังต่อว่า “เมื่อสักครู่นี้ พระชายาฉีได้ช่วยชีวิตองค์ชายอันต๋าเอาไว้ ถือเป็นความดีความชอบ ข้าอนุญาตให้กลับจวนอ๋องฉีได้ พวกเจ้าสามีภรรยาจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน”

ในที่สุดก็ได้รับพระเมตตา นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดที่เขาทำในวันนี้

แต่ยังไม่ทันที่เหลิ่งชิงฮวนจะกล่าวคำขอบคุณ ฮ่องเต้ก็ลดเสียงแล้วพูดกับมู่หรงฉีว่า “เมื่อกี้นี้ เพื่อเป็นการช่วยชีวิตองค์ชายอันต๋า พระชายาฉีได้ช่วยใส่สายสวนปัสสาวะให้เขาด้วย องค์ชายอันต๋ารู้สึกเสื่อมเสียเกียรติมาก ระหว่างที่เจ้าคอยอารักขาความปลอดภัยให้เขา ก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

ทันทีได้ยิน ใบหน้าของที่มู่หรงฉีก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวปั๊ด แล้วรีบหันไปจ้องเหลิ่งชิงฮวนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

ในใจของเหลิ่งชิงฮวนแทบจะยกนิ้วกลางใส่ นับวันฮ่องเต้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลผู้นี้ก็ยิ่งขี้เล่นขึ้นทุกที พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดก็พอจะทน พูดอะไรก็ตัดส่วนสำคัญทิ้งเสียอย่างนั้น นี่เป็นการจงใจกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของนางและมู่หรงฉีอย่างชัดเจน

ดีนะที่เรื่องผ่าตัดแปลงเพศให้โฉวซือเส่าในตอนนั้น ไม่ได้เล่าให้มู่หรงฉีฟัง ไม่อย่างนั้น ใบหน้าของเขาก็คงจะดำมืดเฉกเช่นเวลานี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา