ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 378

ทางด้านวังเยี่ยนชิ่ง ทุกคนต่างดื่มกันเมามายได้ที่ ถือเป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศครึกครื้นมากที่สุด ดังนั้นองค์ชายน้อยมั่วเป่ยจึงเสนอเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีออกมา

ฮ่องเต้วางแผนเอาไว้อยู่ในใจตั้งนานแล้ว แน่นอนว่าย่อมรับปากในทันที และเห็นด้วยอย่างมาก จากนั้นก็มีรับสั่งให้นางในวังไปทูลเชิญองค์หญิงลี่ว์อู๋ผู้ล้ำค่าของเขามาเข้าเฝ้า

นางในรับคำสั่งก็ออกไปทำตาม วนหาอยู่รอบหนึ่งก็กลับมา จากนั้นก็วิ่งไปกระซิบที่ข้างหูของฮ่องเต้สองสามประโยค

ฮ่องเต้ถึงกลับผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกคำสั่งไปอย่างใจเย็น “ไปหาดูอีกครั้ง”

ฮองเฮาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงกระซิบถามเบา ๆ “ทำไมหรือ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้เอียงศีรษะเล็กน้อย “ลี่ว์อู๋หายตัวไปแล้ว”

ฮองเฮาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ยัยเด็กคนนี้ที่ตะโกนปาว ๆ ว่าจะหนีออกจากวัง คงไม่ได้จะทำจริงๆใช่ไหม?”

ฮ่องเต้ตะลึงในทันที “นางกล้าทำถึงขนาดนั้นเชียวหรือนี่?”

“ถ้ายังไงให้หม่อมฉันไปดูหน่อยไหมเพคะ?”

ฮ่องเต้เองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ชั่วขณะ “ก็ดีเหมือนกัน ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้ตัดสินใจอะไรได้แต่เนิ่น ๆ”

ฮองเฮาหาข้ออ้างออกจากงานเลี้ยงไป จากนั้นก็ไปซักถามกับนางในทั้งหลาย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ล้วนไม่รู้อะไรเลย ขันทีวิ่งไปที่ประตูวังเพื่อสอบถาม ทางนั้นก็ไม่เห็นองค์หญิงออกจากวังไปเช่นกัน

แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เห็นลี่ว์อู๋ นางบอกว่าเห็นพระองค์ถือห่อผ้าแล้วเดินผ่านสวนอุทยานหลวงไป แต่นางไม่ได้เอะใจอะไรมากนัก

หัวใจของฮองเฮาเต้นรั่ว ตุบตับ เชื่อว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วน ยัยหนูคนนี้ได้หลบหนีออกจากวังหลวงไปจริง ๆ แล้ว

เกี้ยวใกล้เข้าประตูมาแล้ว แต่เจ้าสาวกลับหายตัวไปเสียได้

แบบนี้จะทำอย่างไรดี?

พระสนมเสียนเฟยได้ยินว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองหายตัวไป ก็ไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ในตำหนักของตัวเองได้อีก รีบร้อนออกมาสอบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ หลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นก็ร้อนใจจนตบหน้าอกตัวเองไปมาและด่าทอไม่หยุด

ฮองเฮาฟังแล้วรู้สึกรำคาญจึงเอ่ยตำหนิอย่างโกรธเคือง “เรื่องมันก็มาถึงจุดนี้แล้ว เจ้าด่าว่าไปจะมีประโยชน์อันใด? หากรู้ว่านางมีความคิดแบบนี้อยู่ตั้งแต่แรกทำไม่สั่งให้คนคอยเฝ้าจับตาดูนางเอาไว้ ตอนนี้มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่ไม่ใช่เป็นการทำให้ฮ่องเต้เสียหน้าหรอกหรือ? ต่อให้พานางกลับมาได้ โทษของพวกเจ้าก็ยังมีอยู่ไม่น้อย เวลานี้ควรจะทำอย่างไรดี?”

พระสนมเสียนเฟยพยายามพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ถ้าไม่ได้จริงๆ ควรหาคนมาแทนที่ก่อนได้หรือไม่เพคะ? หลังจากนั้นค่อยไปหาคนให้เจอแล้วค่อยเปลี่ยนตัวกลับมาอีกที?”

“พูดจาไร้สาระ!”

ฮองเฮาตวาดด้วยความโกรธ “รูปร่างของลูกสาวของเจ้า ทั่วทั้งวังหลวงก็คงหาคนที่เหมือนเป็นที่สองไม่เจอหรอก เจ้าจะให้ข้าไปหาใครมาแทน? อีกอย่างเรื่องนี่เป็นเรื่องตลกที่ล้อเล่นได้หรือ? อีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชายแห่งมั่วเป่ย ไม่ใช่ขุนนางของราชวงศ์ฉางอัน”

พระสนมเสียนเฟยถูกด่าว่าจนเละตุ้มแปะ “ข้าเองก็ไม่คิดว่าลี่ว์อู๋จะทำอะไรสิ้นคิดได้ถึงเพียงนี้ นางบ่นก็ข้าอยู่ บอกว่าในวังหลวงยังมีท่านหญิงจิ่นอวี๋อีกคนหนึ่ง เห็นชัด ๆ ว่าดีกว่านางและยังโตกว่านางหลายปี แต่เสด็จพ่อของนางลำเอียงให้นางแต่งออกไปที่อันห่างไกล ต่อไปภายภาคหน้าอย่างจะแสดงความกตัญญูรู้คุณก็ไม่มีโอกาส”

ฮองเฮายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก “ยังจะเถียงอีก! เพราะจิ่นอวี๋ดวงตาไม่ดี มิเช่นนั้นฝ่าบาทจะยอมให้ลี่ว์อู๋แต่งงานไปในที่ห่างไกลได้อย่างไร?

พระสนมเสียนเฟยพูดแก้ต่างหน้าเจื่อนๆ “แต่ข้าได้ยินมาว่าดวงตาของจิ่นอวี๋หายดีตั้งนานแล้ว แต่เพื่อที่จะอยู่ที่จวนอ๋องฉีไม่อยากจากออกไป ดังนั้นถึงได้แกล้งทำเป็นตาบอด”

“จริงหรือ?” ฮองเฮาเอ่ยถามขึ้น

“นี้จะเป็นเรื่องหลอกลวงได้อย่างไรเพคะ? พระชายาฉีเป็นคนบอกกับลี่ว์อู๋ด้วยตัวเอง ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแต่ไม่ได้เปิดโปงออกไปก็เท่านั้น ไม่อย่างนั้นทำไมนางถึงไม่ยอมให้พระชายารักษาให้ยากับนางด้วยเพคะ? ก็แค่หลอกลวงพวกคนเจนโลกในวังหลวง ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน”

ฮองเฮาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชั่งใจถึงข้อดีและข้อเสีย จากนั้นก็กัดฟันพูดอย่างจนใจ “ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น”

พระนางกลับไปที่วังเยี่ยนชิ่งและแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ค่อย ๆ นั่งลงข้างหน้าฮ่องเต้ช้าๆแล้วเอ่ยกระซิบเสียงเบา “หาทั่วแล้วหาไม่พบเพคะ คาดว่าคงหนีออกไปซ่อนตัวจริงๆ”

เส้นเลือดใหญ่ที่หน้าผากของฮ่องเต้กระตุกรัว มือที่จับแก้วเหล้าบีบแน่นขึ้น

จิ่นอวี๋จงใจเลือกเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม จากนั้นก็ให้ไต้มั่วช่วยพยุงตัวเองไปที่วังเยี่ยนชิ่ง

ทันทีก้าวเท้าเข้าไปในวังเยี่ยนชิ่ง นางก็ถูกรายล้อมไปด้วยสายตามากมาย นางสัมพันธ์ได้ถึงสายตาที่มองสำรวจมาที่นางของทุกคน ปิ่นปักผมสีทองเขย่าไปมาช้าๆ และก้าวเดินช้า ๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าบัลลังก์มังกรของฮ่องเต้ จากนั้นก็คุกเข่าลงอย่างสง่างาม

ฮ่องเต้พูดเสียงทุ้มขึ้นมา “องค์ชายอันต๋า ท่านนี้ก็คือท่านหญิงจิ่นอวี๋แห่งราชวงศ์ฉางอันของข้า”

ต้องบอกเลยว่ารูปลักษณ์ที่น่าสงสารของจิ่นอวี๋เป็นที่ดึงดูดใจผู้อื่นอย่างมาก องค์ชายอันต๋าลุกขึ้นยืนทันที “เคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วว่าสาวงามในฉางอันนั้นอ่อนโยนและสง่างาม งดงามหยาดเยิ้ม วันนี้พอมาได้พบสตรีผู้สูงศักดิ์ของเชื้อพระวงศ์แบบนี้สมคำร่ำลือจริงๆ”

ฮ่องเต้ตรัสสั่งจิ่นอวี๋ “เคารพองค์ชายอันต๋าเสียสิ”

จิ่นอวี๋โค้งคำนับแสดงความเคารพต่อองค์ชายอันต๋าและไม่ลืมที่จะเอ่ยชมเชยองค์ชายอันต๋ากลับไป “แม้ว่าจิ่นอวี๋จะไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ แต่พอได้ยินเสียงที่องค์ชายอันต๋าตรัสออกมา ช่างไพเราะและทุ้มลึกยิ่งนัก น่าจะเป็นบุรุษที่มีอำนาจและองอาจผู้หนึ่ง”

องค์ชายอันต๋าชะงักไปเล็กน้อย “ดวงตาของท่านหญิง?”

ฮองเฮารอบชิงตรัสออกมาในทันที “หลายวันนี้ไม่สบายเล็กน้อย หมอหลวงเคยกล่าวเอาไว้ว่าอีกพักสักจะหายดีเป็นปกติ ใช่หรือไม่ พระชายาฉี?”

นี่คือการโยนความผิดไปให้เหลิ่งชิงฮวนโดยแท้ ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด ๆ เกิดขึ้น พระนางที่มีตำแหน่งเป็นถึงฮองเฮาก็สามารถปัดความรักผิดชอบนี้ทิ้งได้

เหลิ่งชิงฮวนลุกขึ้นมา แย้มยิ้มเล็กน้อยและพูดอย่างหนักแน่น “ใช่แล้วเพคะ ฮองเฮา”

จิ่นอวี๋เม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมพระชายาถึงพูดออกมาเยี่ยงนั้น? ทำไมถึงทูลความเท็จต่อหน้าฮองเฮาอย่างนั้นเล่า? ดวงตาของจิ่นอวี๋ได้รับบาดเจ็บเป็นเวลานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ ท่านด่วนสรุปได้อย่างไรว่าข้าจะหายเป็นปกติในไม่ช้า?”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอย่างมั่นใจ “เพราะว่าข้าเสาะหายาที่เป็นสูตรลับในการรักษาดวงตาของท่านหญิงจิ่นอวี๋ได้แล้ว”

“สูตรลับอะไร?”

“น้ำตาวัวผสมกับน้ำใบหลิวสองต่อหนึ่ง จากนั้นก็ทาไปที่ดวงตาท่าน เป็นสูตรที่ใช้กับคนที่ถูกพวกผีวิญญาณที่บังตาเอาไว้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา