มู่หรงฉีหันหน้าหนีพลางลดเสียงลงถามเหลิ่งชิงฮวนที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ “นี่เป็นผลงานชิ้นเอกของเจ้าด้วยสินะ”
“หากใช่แล้วจะทำไม ตัดใจไม่ลงงั้นหรือ” เหลิ่งชิงฮวน ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
เขายื่นมือออกมาบีบเธอเบา ๆ “ผิดต่อใครก็ได้ แต่ข้าจะไม่ผิดต่อผู้หญิงเด็ดขาด”
เหลิ่งชิงฮวนตะคอกเบา ๆ “หม่อมฉันรู้ว่าท่านเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ พอเรื่องมาถึงขั้นนี้ค่อยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงสินะ”
มู่หรงฉีทำอะไรไม่ถูก “หากข้าตัดใจไม่ได้ ข้าจะยอมเล่นละครฉากนี้จัดการกับนางหรือ หากเสด็จแม่รู้เข้า นางคงจะโกรธไม่คุยกับเราเป็นสองเดือนแน่ๆ”
“ไม่สนใจก็ไม่เป็นไร หม่อมฉันจะรอดูว่าหากหลานคลอดออกมาแล้ว จะทนไม่สนใจได้อย่างไร” เหลิ่งชิงฮวนพูดด้วยความมั่นใจ
“เจ้าทำได้อย่างไร ใช้เวทมนตร์อะไรงั้นหรือ”
“ความลับ” เหลิ่งชิงฮวนพึมพำเสียงเบา
ทั้งสองกำลังสนทนา จนกระทั่งฮ่องเต้เห็นดังนั้นจึงกระแอมเบาๆ ด้วยความไม่พอใจ “พวกเจ้าซุบซิบอะไรกัน”
เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้น “เรากำลังหารือเกี่ยวกับสินสอดทองหมั้นเพื่อเตรียมให้องค์หญิงจิ่นอวี๋เพคะ ท่านอ๋องบอกว่างานในค่ายทหารยุ่งมากจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ เขาบอกว่าไม่อาจส่งองค์หญิงไปยังมั่วเป่ยด้วยตนเองได้จึงต้องเตรียมสินสอดให้พร้อม”
ฮ่องเต้มองดูเหลิ่งชิงฮวนอย่างชื่นชม “พระชายาฉีคิดอย่างรอบคอบมาก ข้ายินดี! ข้าจะอนุญาตเจ้าจัดการสินสอดขององค์หญิงจิ่นอวี๋”
ฮ่องเต้เฒ่าคนนี้นี่มันยังไงกันนะ เรื่องเล็กๆ แค่นี้กลับโยนให้ลูกชายทำ? ราชวงศ์ฉางอันอันยิ่งใหญ่ไม่สามารถเตรียมสินสอดให้กับองค์หญิงได้หรือไง
เหลิ่งชิงฮวนไม่ยอม มู่หรงฉีจึงรีบดึงแขนเสื้อของเธอและพูดว่า “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ลูกน้อมรับคำสั่งพ่ะยะค่ะ”
ฮ่องเต้มองเหลิ่งชิงฮวนด้วยายตาตักเตือน
เหลิ่งชิงฮวนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง เธอต้องเล่นละครฉากนี้ต่อไปให้จบ หากชายชราคนนี้เกิดความสงสัยขึ้นมาจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ
เอาใจยากจริงๆฉันอุตส่าห์หวังดีเก็บลูกสาวสุดที่รักไว้ให้ ทำไมถึงไม่เห็นความดีกันบ้างเลย ถึงจะบอกว่าเห็นแก่ประโยชน์มาก่อน แต่พวกเราก็ชนะกันทั้งสองฝ่าย
จิ่นอวี๋ก้มหน้าลง น้ำตาร่วงหล่น นางรู้สึกเสียใจราวกับถูกตบหน้า
ในที่สุดงานเลี้ยงก็จบลง ฮ่องเต้เสด็จกลับวัง
องค์ชายอันต๋าเดินเข้าไปหาจิ่นอวี๋พร้อมกับคำนับนาง “องค์หญิงจิ่นอวี๋ผู้มีเกียรติ อันต๋าจะรอท่านอยู่ที่จวนฉีอ๋อง เราจะกลับไปที่พระราชวังมั่วเป่ยด้วยกันและจัดงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ให้ท่าน”
จิ่นอวี๋ลดสายตาลงโดยไม่พูดอะไร
เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์มิอาจหักล้างได้ ข้าจะพูดอะไรได้อีก ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรตอนนี้อีกแล้ว!
นางตกหลุมพรางของเหลิ่งชิงฮวนโดยบังเอิญ ทุกคนในห้องโถงมองนางด้วยความเย้ยหยัน ทว่าสุดท้ายนางยังคงดิ้นรนต่อสู้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “จิ่นอวี๋โชคดีที่ได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายอันต๋า แต่ว่าจิ่นอวี๋ล่ะโชคไม่ดี พ่อแม่จากไปแล้ว ถือเป็นคนอัปมงคล ไม่ทราบว่าทำไมองค์ชายถึงเลือกจิ่นอวี๋หรือเพคะ?”
“มีคำกล่าวที่ว่าเมื่อใดที่ตกยากจนถึงขีดสุดจะกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง ข้าเชื่อว่าความยากลำบากที่องค์หญิงจิ่นอวี๋ได้รับในอดีตคือแบบทดสอบ ตอนนี้ท่านสามารถเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดได้แล้ว ข้าเชื่อว่าระหว่างเราสองคนเป็นดั่งพรหมลิขิต”
เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดเธอก็กำจัดภาระนี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆที่เหลือแค่เตรียมสินสอดไว้ให้สินะ ถ้าจะล้มละลายก็ลองดูกันสักตั้ง
มู่หรงฉีไม่รู้ว่าจะปลอบใจนางอย่างไร ดังนั้นเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเหลิ่งชิงฮวน
เหลิ่งชิงฮวนเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ “หม่อมฉันเองก็คิดเช่นนั้น แค่คิดกลับรู้สึกทนไม่ได้ อยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง มองดูผู้คนผ่านไปมา สุดท้ายกระดูกถูกฝังในต่างแดน สุดแสนอนาถ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้สถานการณ์แย่ลง พระสนมฮุ่ยเฟยยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
มู่หรงฉีแอบดึงแขนเสื้อของเธอและบอกว่าอย่าเติมเชื้อเพลิงลงในเปลวไฟ
เหลิ่งชิงฮวนเสริมอีกประโยค “ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่าท่านควรใช้พลังงานนี้ไปกราบทูลต่อหน้าเสด็จพ่อมากกว่า กว่าจะเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้เติบโตมาได้แสนยากลำบากมาก การที่ส่งนางออกไปอย่างกะทันหันแบบนี้ มีใครบ้างจะไม่ปวดใจ ถึงเราจะไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็พยายามอย่างหนัก พี่ชายต้องเป็นคนจ่ายค่าสินสอดเพื่อแลกกับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างฉางอันกับมั่วเป่ย เสด็จพ่อได้ประโยชน์ไปเต็มๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย”
คำพูดนั้นแฝงไปด้วยความเหน็บแนมอย่างเห็นได้ชัดเหล่า แต่พระสนมฮุ่ยเฟยไม่ได้ดีดตัวขึ้นมาอย่างที่มู่หรงฉีคิด นางลุกขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตา “ใช่ อย่างไรก็พยายามอย่างหนัก มีสิทธิ์อะไรกัน ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”
นางลุกขึ้นออกไปพร้อมกับคนสนิท ทิ้งมู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนไว้อย่างนั้น
มู่หรงฉีส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “มีลูกใภ้บ้านไหนยุให้แม่สามีไปทะเลาะกับคนอื่นแบบนี้”
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอย่างมีเลศนัย ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าผาก “โง่จริงๆ เลย การแต่งงานของจิ่นอวี๋น่ะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือจะเยียวยาความเสียใจของเสด็จแม่อย่างไร หากไม่ฉวยโอกาสกอบโกยผลประโยชน์จากเสด็จพ่อบ้าง”
จู่ ๆ มู่หรงฉีก็นึกขึ้นได้ “เจ้ากำลังกดดันให้เสด็จแม่ขอตำแหน่งจากเสด็จพ่อใช่หรือไม่”
“จิ่นอวี๋แต่งงานไปที่ห่างไกลในนามของฉางอัน ฮ่องเต้ต้องการมอบตำแหน่งอันมีเกียรติแก่นาง โดยสถาปนาเป็นองค์หญิงตัวจริง เสด็จพ่อย่อมต้องได้รับประโยชน์จากเรื่องนั้นบ้าง มิเช่นนั้นทุกครั้งนางเจอพวกเรา นางจะต้องแสดงความเคารพด้วยซ้ำ การที่นางกลายเป็นคนนอก แม้แต่คำว่าเสด็จแม่ก็มิอาจเรียกได้ ในใจของท่านรู้สึกดีบ้างหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...