เสียงสั่นเครือตอบให้เขานึกหงุดหงิด ชายหนุ่มเลื่อนเข้าไปประกบปากหวานนุ่มอีกครั้ง ความหอมที่ไหลแทรกเข้ามาพร้อมความหวานทำให้เขาดื่มด่ำเรียวปากนั้นอยู่นาน มือหนาลูบไล้ต้นแขนขาวเรื่อยมาจนถึงก้อนเนื้ออุ่นๆที่นุ่มละมุนมือ เขาบีบคลึงทรวงอกอูมอวบ แล้วค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ยกทรงลูกไม้สีขาวหลุดออกมาพร้อมเสื้อนอก ชายหนุ่มรีบเลื่อนร่างกายบดบังอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศราคาแพง อกอิ่มที่ถูกทาบทับยวบลงตามน้ำหนักตัว มืออีกข้างคว้ากระโปรงยีนส์ที่หญิงสาวให้ความร่วมมือในการถอดเป็นอย่างดี ชายหนุ่มถอนปากออกมองใบหน้าสวย เขายิ้มอย่างพึงพอใจและคิดอยากจะหยุดเวลาเอาที่ตรงนี้ นิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้าชายหนุ่ม เธอเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน เธอมีความสุขที่ได้โอบกอดร่างกำยำแบบนี้ หัวใจสาวเต้นแรงจนเธอควบคุมความเสน่หาในตัวเขาไม่ได้ หญิงสาวยกต้นคอขึ้นจูบเม้มปากด้านบนของคนหนุ่ม
เขาก็หยอกล้อกัดริมฝีปากเธอเล่น เสียงหัวเราะเบาๆดังเล็ดรอดลำคอ ชายหนุ่มเริ่มซุกใบหน้าลงที่คอหอมๆอีกครั้ง เขาจูบเม้มทุกส่วนไล่ลงไปเรื่อยๆ ทรวงอกอิ่มเบื้องหน้าที่เย้ายวนทำให้เขาต้องรีบพรมรสลิ้นสวาทลูบไล้ความนุ่มนวล จนหญิงสาวสะท้านเอนแอ่นอกชูชันให้เขา ความเร้าร้อนในตัวของเขาเริ่มอัดแข็งจนพร้อมที่จะออกสนามเพื่อปลดปล่อยให้ร่างกายได้รับความสุข ชายหนุ่มสอดส่ายตัวเข้าไปในร่างกายสาว เธอตอบสนองความแข็งกล้าด้วยการตอดรัดที่นุ่มนวล เนื้อภายในเต้นตุบๆ เมื่อคนหนุ่มเริ่มโยกเอวหนาเป็นจังหวะ มือไม้ที่ปาดป้ายไปทั่วหาที่ยึดเหนี่ยว ร่างบางเอนแอ่นรอคอยให้เขาพิชิตความสุข
“อืม อ๊า” ที่เสียงพึงใจของคนสาวทำให้เขาต้องรีบเร่งเร้าจังหวะให้หนักแน่นขึ้น บั้นท้ายที่แข็งด้วยมัดกล้ามเกร็ง ปากหนาก้มงับอกทรวงดูดเม้มทับทิมเม็ดงามที่ชูชันเย้ยสายตา
“ซี๊ด” สะโพกกลมแอ่นรับพร้อมบิดไปมา มือเอื้อมกอดรัดลำตัวหนาลูบไล้จิกข่วนเมื่อความเสี้ยวซ่านสะท้านไปทั่วทั้งกาย เรียวขาขาวยกเกี่ยวรอบเอวอย่างรู้งาน เขารีบคว้าร่างเล็กแล้วปรับตำแหน่งให้เธอลุกขึ้นนั่งค่อมตัวเขา ชายหนุ่มดันตัวให้พิงหมอนใหญ่จนมองเห็นเรือนหน้าขาวที่มีเหงื่อซึม ปากบางแห้งผาดจากลมที่สูดเข้าออก หญิงสาวโน้มใบหน้าลงจูบปากหนา จมูกคลอเคลียแก้มเขา ชายหนุ่มยิ้มรับความอ่อนโยนของเธอ ก่อนจะช่วยยกสะโพกสวยให้ทำงานง่ายขึ้น เสียงครางประสานเสียงเนื้อกระทบกันดังเร่งเร้าให้ทั้งคู่ไขว่คว้าความสุขที่อยู่ไม่เกินเอื้อม ร่างบางกระตุ้นหนักหลายครั้งก่อนที่เขาจะเอียงตัวแล้วกระตุกตาม ธัญญ์ช้อนร่างเล็กวางเบามือข้างร่างกายเขา แขนหนาก่ายกอดราวกับกักขังไม่ให้เธอได้เป็นอิสระ
“คุณมันบ้า...โวยวายด่าว่าแล้วก็ระบายความใคร่กับฉันทุกที” จมูกโด่งแนบแก้มเนียนออดอ้อน
“ผมเปล่านะ คุณต่างหากชอบทำให้ผมโมโห”
“ชิส์...ผู้ชายมักง่าย”
“จะว่าอะไรก็เชิญ ตอนนี้ผมอารมณ์ดีแล้ว จุ๊บ” เขายังหยอกล้อเธอไม่เลิก จนคนสาวอดยิ้มไม่ได้ ทั้งคู่กอดก่ายกันเนิ่นนานจนความมืดเข้ามาปกคลุมห้องนอน คนตัวเล็กขยับตัวเปลี่ยนท่านอนในอ้อมกอดอุ่นๆ ชายหนุ่มหรี่สายตามองคนข้างๆ แม้ในความมืดมิดแต่เขาก็เห็นความสวยงามน่ารัก ดุจเด็กสาวไร้เดียงสา หัวใจที่เต้นโลดเวลามองเชยชมใบหน้านั้นมันแทบจะหลุดออกมานอกอก ยิ่งเวลาเธอยิ้มเรียวปากบางช่างน่าจูบเม้มเสียให้สะใจ ธัญญ์ก้มลงจูบหน้าผากสาวแล้วซบนอนข้างแก้มใสอย่างหลงใหล
ห้องทำงานส่วนตัวที่ถูกจัดเป็นเรียบร้อยตามนิสัยของเจ้าของห้อง โต๊ะไม้ขนาดย่อยมีเอกสารวางเรียงพร้อมรอให้ชายหนุ่มเปิดพิจารณา แว่นตาใสกรอบบางเบาเกาะอยู่จมูกที่โด่ง แฟ้มสีดำถูกเปิดออกไม่นานเสียงถอนหายใจก็ดังลึกๆ ธีร์จรดปากกาในมือตวัดสองครั้งบนกระดาษที่มีข้อความยาวเหยียด เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วงความคิดที่ว้าวุ่นเป็นห่วงใครบางคน หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้เห็นหน้าสวยราวกับสตรีแท้ๆ ก็ไม่ปาน คนที่ทำให้หัวใจแข็งกร้าวของเขาหวั่นไหนทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า แต่เหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถเชยชิดหล่อนได้คงเป็นเพราะความไม่เหมาะสมของร่างกาย
“ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามา” ประตูเปิดร่างบางก็เดินเข้ามาพร้อมถาดเงินที่รองแก้วซารามิกสีขาวบรรจุกาแฟชั้นดีส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้คนสูดดมต้องลิ้มลอง
“คุณธีร์เรียกพิตต้าเหรอคะ”
“ใช่ นั่งลงก่อนสิ” พิยะตาแทรกตัวผ่านช่องห่างของเก้าอี้แล้วนั่งเรียบร้อยรอฟังสิ่งที่ชายผู้มีพระคุณจะเอ่ย
“นี่ก็สองเดือนแล้วที่หนูมาอยู่ที่นี่...ฉันว่าคนอื่นเค้าคงรับรู้กันทั่วแล้ว”
“คุณธีร์หมายถึง” ดวงตากลมมองจ้องลุ้นกับคำพูดของเขา
“ฉันกลัวว่าหนูจะเสียหาย...เป็นสาวเป็นนางมาอยู่ในบ้านผู้ชายแบบนี้ ไม่เหมาะเลย”
“จะให้พิตต้ากลับไปอยู่กับอาโด่งหรือคะ” หญิงสาวตื่นเต้นไม่น้อยถ้าเป็นแบบนั้นจริงเธอคงดีใจกระโดดตัวลอย
“อาโด่งคะ...พิตต้าจะทำยังไงดี สิ่งที่กลัวที่สุดมันเกิดขึ้นแล้ว คุณธีร์เค้าต้องการตัวพิตต้าแล้ว ฮือๆ” หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์แล้วกดเบอร์โทรออกทันที คนแรกที่เธอนึกถึงคือคนที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่แล้วหัวใจที่ปวดช้ำก็ห่อเหี่ยวลง ปลายสายไม่สามารถติดต่อได้ เธอกดย้ำซ้ำไปมาอีกหลายรอบก็ยังคงเหมือนเดิม หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างอ่อนแรงฟุบลงกับหมอนนุ่มสีขาว ดวงตาเริ่มแดงกล่ำ เปลือกตาบางปิดลงพร้อมหยดน้ำที่ไหลรินอาบสองแก้ม พิยะตากำลังกลุ้มใจคิดอะไรไม่ออก หัวใจดวงเล็กแทบระเบิดเพราะสิ่งที่เก็บไว้มันมากล้นเสียจนเธอจะรับไม่ไหวแล้ว นี่ถ้าไม่คิดว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณต่อลมหายใจให้เธอและเพื่อนๆ อีกหลายชีวิต เธอคงจะปฏิเสธเขาไปทันที แล้วยังจะมีชายหนุ่มอีกคนที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิต ปั่นป่วนหัวใจให้เธอไม่ได้อยู่นิ่ง ถึงจะไม่รู้ว่าการมาของเขาต้องการสิ่งใดกันแน่แต่หญิงสาวก็ไม่อยากให้เขารู้เรื่องวันนี้เลย ใบหน้าเรียวส่ายไปมามือที่กำแน่นจิกหมอนราวกับกำลังจะกรีดร้องระบายความอัดอั้นในจิตใจ
“ก๊อก ก๊อก คุณพิตต้าคะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” เสียงสาวใช้เรียกเตือนเธออยู่หน้าห้อง หญิงสาวต้องปาดน้ำตาให้แห้ง สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะตอบออกไปด้วยเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่นเครือ
“จ๊ะ เดี๋ยวพิตต้าลงไป” พิยะตาลุกขึ้นสูดลมหายใจอีกครั้ง ใบหน้าแดงระเรื่อคงปกปิดไม่ได้ หญิงสาวจำต้องเดินลงไปทั้งๆ ที่เธอยังไม่พร้อมจะเจอใคร
“อ้าวมาแล้วเหรอ ฉันคิดว่าเธอหลับอยู่เสียอีก” เสียงทุ้มเอ่ยทัก
“ค่ะ เกือบจะเผลอหลับแล้วเหมือนกัน” หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้ประจำตัวออก นั่งลงพร้อมมองคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม สายตาที่เย็นชาแฝงความปวดร้าวนั้นจ้องมองเธอไม่กระพริบ ถ้าเธอสามารถได้ยินเสียงกัดกรามของเขาตอนนี้มันคงดังยิ่งกว่าฟ้าคำราม
“พร้อมกันแล้วก็ตักข้าวเลย ดาหวัน” หญิงสาวได้โอกาสหลบสายตาคม เธอหันไปยิ้มบางๆ ให้ธีร์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ใบหน้าที่มีรอยตีนกาและความย่นบางๆ ยิ้มตอบเธอเช่นกัน หากบิดามารดาของเธอยังอยู่ ทั้งคู่คงยินยอมให้หญิงสาวแต่งงานกับธีร์เช่นเดียวกับดนุพร เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอ รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หัวใจที่ว่างเปล่าชื่นขึ้นเล็กน้อย
“ทานเยอะๆ นะหนูพิตต้า พักนี้ดูซูบไป”
“งั้นเหรอคะ พิตต้าก็คงเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ล่ะคะ กลัวอ้วน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม