เช้าวันรุ่งขึ้นพิยะตาก็ได้รับคำชวนเชิญให้ออกไปเปิดหูเปิดตานอกบ้าน โดยมีว่าที่สามีเป็นคนดูแล ร่างบางเดินลงจากบันไดสีขาว เธอส่งยิ้มเจื้อนให้ธีร์เล็กน้อย ด้วยความขัดเขินไม่คุ้นเคยที่ต้องมีคนมาคอยดูแลเอาใจ
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“เป็นอะไรไป ทำไมสีหน้าไม่ดีเลย” พิยะตาฝืนยิ้มกว้างให้เขาอีกครั้ง
“ไม่เป็นอะไรค่ะ พิตต้าพร้อมแล้วเราไปกันเลยนะคะ” เสียงใสที่เคลือบความเศร้าหมองดังกังวาน ก่อนที่เธอจะถือวิสาสะเดินนำชายหนุ่มไปขึ้นรถที่จอดรออยู่
“คุณธีร์ยังไม่บอกพิตต้าเลยนะคะว่าจะพาไปไหน”
“ช็อปปิ้ง” ดวงตากลมหันมองอย่างไร้เดียงสา แต่ธีร์กลับหันมองออกไปนอกกระจกรถ วินาทีหนึ่งหญิงสาวแอบเห็นเขาถอนหายใจ
“มีอะไรหนักใจหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีหรอก คนแก่ก็แบบนี้ล่ะเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเศร้า หนูคงไม่ว่าอะไรฉันนะ”
“ไม่หรอกค่ะ บอกแล้วว่าคุณธีร์ยังไม่แก่เลยนะคะ”
“ฮึๆ ขอบใจนะที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง”
“แสดงว่ามีเรื่องกังวลใจ บอกพิตต้าได้นะคะ”
“ไม่มีจริงๆ”
“ก็ได้ค่ะ...พิตต้าไม่เซ้าซี้แล้ว” มือหนาเลื่อนขยี้ศีรษะหญิงสาวเล็กน้อยพร้อมยิ้มให้เธอ
“ใกล้ถึงแล้วเตรียมตัวเถอะ” รถจอดหน้าร้านตัดชุดวิวาห์ หญิงสาวเบิกตากว้างมองค้างอยู่ที่หน้าร้าน ชุดสีหวานแหววในหุ่นที่ตั้งอยู่ในตู้กระจกช่างสาวงามเสียจริง แต่ใจสาวกลับเต้นระรัวไม่คาดคิดว่าเขาจะพาเธอมาร้านตัดชุดแต่งงาน
“เข้าไปข้างในสิพิตต้า”
“คะ คุณธีร์คะ นี่มันหมายความว่ายังไง” ธีร์ไม่ตอบเขาเดินนำเข้าไปในร้าน มีพนักงานสองคนออกมาต้อนรับอย่างดี ชายหนุ่มหันมองหน้าที่ซีดของคนสวย
“เข้ามาสิพิตต้า ร้านนี้เค้ามีชุดมากมายหลายแบบนะ สวยๆ ทั้งนั้น”
“ชะ ชุด”
“ฮ่าๆ ฉันหมายถึงชุดสำหรับออกงานเลี้ยง ฉันจะพาหนูไปงานที่บริษัท” เมื่อได้ยินได้คนกังวลถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งอก
“เลือกเอาเลย”
“ค่ะ” ชายหนุ่มมองตามร่างสูงเพียวอย่างชื่นชมในกิริยามารยาท ถึงเธอจะเติบโตมาในสังคมไม่ดี แต่หญิงสาวกลับแสดงออกชัดเจนว่าเธอได้รับการอบรมมาอย่างดี ทั้งหมดนี่คงเป็นเพราะใครบางคนสินะที่ใส่ใจดูแลหญิงสาว เมื่อนึกถึงใบหน้าของอีกคนธีร์ก็ต้องหุบรอยยิ้มลงช้าๆ
“ชุดนี้สวยไหมคะคุณธีร์” พิยะตาทาบชุดกระโปรงพองๆ สีโอรสกับตัวเองแล้วหมุนให้ชายหนุ่มดู
“สวยจ้า...ไปลองสิ จะได้รู้ว่าพอดีไหม” หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปลองทันที เธอไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลยซักนิดแต่ที่กระตือรือร้นก็เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มกังวลไปด้วย
“แอ่น แอน แอ๊น...สวยไหมคะ” ร่างบางหมุนรอบตัวเธอสวมใส่ชุดสีหวานดูแล้วสวยสะดุดตาราวกับเจ้าหญิง
“อืม เข้าท่านะเนี่ย นี่ถ้าไม่ติดว่าทะเล้นไปหน่อยจะส่งเข้าประกวดมิสทิฟฟานี่แล้ว”
“ว๊าย อันนั้นมันของอาโด่งค่ะ”
“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่น สวยมากๆ ตกลงหนูจะเอาชุดนี้ใช่ไหม”
“ยังค่ะ พิตต้ายังไม่รู้เลยว่างานอะไร เลือกไม่ถูก”
“อ้าวแล้วที่เลือกอยู่ตั้งนานล่ะ” หญิงสาวทำหน้าตาเหยเกทันที
“ก็มันตื่นตาตื่นใจ ที่เห็นชุดสวยๆ ค่ะ ไม่ได้เลือกใส่ไปงานเลี้ยงซะหน่อย”
“โอ้โฮ เชื้อไม่ทิ้งแถวเลยจริงๆ”
“คริคริ เหมือนอาโด่งใช่ไหมคะ” ธีร์มองคนเบื้องหน้าพิจารณาความงดงามของเธอ แต่มันกลับไม่ตราตรึงจิตใจเขาเลย นี่เขากลายเป็นคนจิตใจผิดเพศไปเต็มร้อยแล้วจริงหรือ
“ตามสบายเลยจะเอากี่ชุดก็ได้ฉันไม่ว่า แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”
“อะไรคะ...ถ้าทำไม่ได้อดได้ชุดใช่ไหมเนี่ย”
“แน่นอน...หนูพิตต้าจะต้องสวยที่สุดในงานนี้ ตกลงไหม”
“ได้เลยค่ะ” พิยะตาตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนจะหันไปสนใจเสื้อผ้าสีสันสวยงาม
“ชุดนี้ก็สวยนะคะ...กระโปรงยาวสีครีม สวยทุกตัวเลยค่ะ”
“ฮ่าๆ ผู้หญิงเนี่ยทำไมชอบซื้อเสื้อผ้า รองเท้ากันนักไม่รู้”
“ของสวยๆ งามๆ พิตต้าก็ชอบหมดนั่นแหละค่ะ”
“อืม...งั้นเอาหมดนี่เลยก็ได้”
“ไม่เอาหรอกค่ะ มันเปลือง...พิตต้าของชุดนี้แล้วกัน” หญิงสาวตัดสินใจเลือกชุดที่เธอชอบมากที่สุดส่งให้พนักงาน ก่อนจะหันมายิ้มร่าเริงให้ธีร์อีกครั้ง
หลังจากเปิดโอกาสให้หญิงสาวที่เขาต้องดูแลสนุกสนานกับการแต่งตัวแล้ว ชายหนุ่มก็ปลีกตัวมานั่งครุ่นคิดอะไรเงียบๆ เขานึกถึงใบหน้าหญิงสาวสองคนสลับไปมา แล้วก็ต้องไม่เข้าใจตัวเองที่ไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบชายมีต่อหญิงกับพิยะตาเลย จะว่าเธอเด็กเกินไปก็ไม่ใช่เพราะรูปร่างที่สมส่วนนั้นเกินอายุของเธอเสียอีก แต่เมื่อเวลาที่เขาอยู่ใกล้ดนุพรเขากลับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งได้เห็นทรวดทรงแล้วเขาแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ธีร์หันมองตามเสียงเล็กๆ
“ไม่เห็นใส่มาให้ฉันดูอีกล่ะ”
“เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์ ของสวยๆ ก็เอาไว้โชว์ที่หลังสิคะ”
“อืม งั้นก็ได้ ฉันหิวแล้วล่ะไปหาอะไรทานดีกว่า” พิยะตาจะเดินนำหน้าไปเช่นเคยแต่มือหนาก็รั้งร่างเธอเอาไว้ ชายหนุ่มค่อยๆ สัมผัสมือของเธอช้าๆ เขาจูงมือหญิงสาวเดินออกไป คนอึ้งทำอะไรไม่ถูก มือเรียวสั่นเล็กน้อยแต่ความเย็นนั้นแทรกเข้ามาเต็มที่
“ฮ่าๆ มือเย็นเฉียบเลยนะ”
“พิตต้าเขินนี่คะ” หญิงสาวตอบไปอย่างตะกุกตะกัก สายตาสอดส่ายมองดูรอบข้าง กังวลว่าจะมีสายตาของคนไม่ปรารถนาจ้องมองอยู่ ธีร์เปิดประตูรถให้หญิงสาวเข้าไปนั่งอย่างสุภาพ เธอเองก็ดูเกร็งไม่น้อย
“ไม่ต้องกลัวหรอกฉันแค่อยากมีเพื่อนทานมื้อกลางวันด้วยเท่านั้นเอง”
“พิตต้าไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยค่ะ แค่เกรงใจที่ทำตัวเป็นภาระให้คุณธีร์”
“ไม่เลย ฉันเต็มใจ ยังไงฉันก็รักษาคำพูดของตัวเองอยู่แล้วนะพิตต้า” รอยยิ้มเจื้อนๆ ของคนสาวบ่งบอกว่าเธอกังวลไม่น้อย ความอึดอัดในใจมันแทบจะระเบิดออกมา ความสดใสร่าเริงที่เคยมีมันก็แห้งหายไปตั้งแต่คนหนุ่มที่กุมหัวใจต่อว่าเสีย พิยะตาแอบหลบมุมร้องไห้อยู่หลายรอบ เธอเฝ้ามองหาคนที่คุ้นหน้าแต่เขาก็ไม่เคยกลับมาเลยสักวัน
ร้านอาหารไทยกลางเมืองแน่นขนัดไปด้วยนักชิมกระเป๋าหนัก พนักงานต้อนรับนำทางทั้งสองคนไปมุมหนึ่งของร้าน มุมที่เงียบสงบกว่ามุมอื่น ธีร์เลื่อนเก้าอี้ให้คนสาวนั่ง เธอเองก้มศีรษะขอบคุณเขา
“ทานอะไรดี”
“แล้วแต่คุณธีร์ค่ะ แต่พิตต้าไม่ทานรสจัด” ธีร์เปิดเมนูอาหารพร้อมสั่งอาหารไทยหลายอย่างมาให้คนสวยได้ลิ้มรสความอร่อย
“ร้านนี้เค้าขึ้นชื่อมากนะเรื่องความอร่อย”
“ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ค่ะ คนเยอะขนาดนี้” พลางมองไปรอบกาย โต๊ะอาหารแน่นไปด้วยผู้คนจริงๆ ไม่นานเกินรออาหารร้อนๆ กลิ่นหอมก็มาวางอยู่ตรงหน้า
“พิยะตาตักให้ค่ะ” ความน่ารักของเธอทำให้ธีร์ยิ้มออกมา เธอช่างสดใสราวกับเด็กเล็กๆ น่ารักจริงๆ เขานึกข่มใจตัวเองให้รับรู้ความดีของหญิงสาว
“อืม หนูก็ทานด้วยสิ นี่อร่อยมากฉันรับรอง” ธีร์ตักอาหารใส่จานให้คนสาวเช่นกัน
“คุณธีร์” พิยะตาเอ่ยชื่อเขาแผ่วเบา เธอลืมตัวไปจริงๆ ถึงได้สบถออกมาเช่นนั้น
“ฉันเข้าใจ...เจ้าธัญญ์มันก็ชอบยั่วประสาทแบบนี้ล่ะ ไม่รู้นึกยังไงถึงมากับแฟนเก่าได้” ยิ่งเขาพูดหญิงสาวก็เบ้ปากไม่พอใจ ดวงตากลมขึงขังไม่รู้ตัว
“ทานต่อเถอะนะ”
“ค่ะ”
ธีร์ลอบมองหญิงสาวที่นั่งตรงกันข้ามกับเขา เสียงทอดถอนหายใจอย่างคนหงุดหงิดดังเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ มือเรียวก็เอาแต่เขี่ยอาหารไม่ตักเข้าปากเสียที ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อย เขารู้ว่าอาการแบบนี้คืออะไร แต่ยังไม่มั่นใจที่จะชี้ขาดในตอนนี้
หน้ากระจกใสในห้องน้ำของร้านอาหาร ร่างบางเบี่ยงตัวจะเดินออก แต่มือที่เย็นเฉียบก็รั้งข้อมือเธอเอาไว้ หญิงสาวหันไปมองคนรั้งทันที
“คุณสุรัตนา” คนถูกเรียกแสยะยิ้มไม่เป็นมิตรเสียเลย
“ใช่...สวยนี่นา” สุรัตนาใช้ปลายนิ้วลูบไล้ใบหน้าพิยะตา เธอเอียงหนีเล็กน้อย แล้วหน้าคนที่จ้องเธอราวกับศัตรูเอก มือที่จับตัวเธอไว้เริ่มออกแรงบีบมากขึ้นจนเนื้อนุ่มบุ๋มเป็นรอยนิ้ว
“มีอะไรคะ”
“ฉันแค่อยากจะเตือนเธอเอาไว้ซักหน่อย...ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าฉันจะบอกอะไรเธอให้เอาบุญ”
“เรื่องอะไรคะ...พิตต้าไม่เข้าใจ” หญิงสาวส่ายหน้าราวกับเด็กไร้เดียงสา
“รู้เอาไว้นะ มารยาที่เธอมีมันไม่สามารถมัดใจธัญญ์ได้หรอก แล้วอีกอย่างคุณธีร์ก็ใช่ว่าจะหลอกได้ง่ายๆ”
“แล้วไงคะ”
“อย่ามาใสซื่อ ฉันต้องการให้เธออยู่ห่างธัญญ์เอาไว้”
“แล้วแบบนี้สามีของคุณจะไม่ว่าเอาเหรอคะ” สุรัตนาเบิกตากว้างมองคนยียวน
“มันเรื่องของฉัน อีกอย่างเราก็แยกกันอยู่แล้ว เรื่องนี้ธัญญ์รู้ดี เค้าเลยกลับมาหาฉันไง”
“มาบอกพิตต้าทำไมคะ”
“ก็อยากจะขอให้เธอช่วยไปให้ไกลจากธัญญ์ซักหน่อยนะสิ” เสียงที่ถูกดัดให้ฟังดูหวานเลี่ยนช่างบาดคอพิยะตาเหลือเกิน จะขอให้เธอห่างจากเขางั้นเหรอ ทุกวันนี้มันก็ห่างเสียจนเหมือนไม่รู้จักกันอยู่แล้ว
“ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะอีกไม่นานพิตต้าก็จะแต่งงานกับคุณธีร์แล้ว สบายใจได้”
“ไม่ได้นะ”
“อะไรอีกล่ะ”
“มะ ไม่มีอะไร เอาไว้เจอกันใหม่แล้วกันนะ” สุรัตนาเกือบจะหลุดความในใจออกไปแล้ว เธอไม่ได้จะคว้าไว้ทั้งอาและหลาน แต่ถ้าธีร์แต่งงานสมบัติทุกอย่างก็คงตกเป็นของภรรยา แบบเธอก็ชวดทุกอย่างแน่ๆ หลังจากที่เดินแยกออกมาแล้วพิยะตาก็แทบไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินต่อ จิตใจคนสาวราวกับโดนทำร้าย เธอเดินผ่านโต๊ะที่คนใจร้ายนั่งอยู่ เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ มือที่กำไว้ยิ่งแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“คุณธีร์ค่ะ กลับกันดีกว่าค่ะ พิตต้าต้องรีบไปเตรียมตัวสำหรับงานวันพรุ่งนี้”
“อืม...ตกลงจะสวยที่สุดใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้เขาหันมองหลานชายก่อนที่จะยื่นแขนหนาให้พิยะตาเกี่ยวคล้อง
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะเจ้าธัญญ์ ตรงต่อเวลาด้วยล่ะ”
“ครับอา...อ่ออย่าหักโหมจนไปงานเลี้ยงไม่ไหวนะครับ”
“ฮ่าๆ ฉันว่าแกเตือนตัวเองดีกว่า” ธีร์หัวเราะชอบใจที่เห็นใบหน้าหงุดหงิดของหลานชาย
“โน่น คุณสุเดินมาแล้ว อย่าหักโหมนะไอ้หลานชาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม