ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 26

เสียงเพลงเปิดเบาๆ คลอเคลียทำให้คนฟังเหม่อลอยนิ่งเงียบอยู่นาน ยิ่งจังหวะเชื่องช้าของบทเพลงเรียกความปวดร้าวในจิตใจคนสาวจนหยดน้ำเล็กๆ ไหลผ่านแก้มเนียนเปื้อนปลอกหมอนสีขาว ดวงตากลมไม่กลอกกลิ้งเลย เธอมองจับจ้องเพียงตุ๊กตาซารามิกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง สีสันที่แต่งแต้มรอยยิ้มของตุ๊กตาดูจืดชืดเศร้าหมอง นิ้วยาวลูบบนใบหน้าเล็กๆ หวลคิดถึงคนที่ซื้อมาให้

“ติ๊ด ติ๊ด” มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะหันไปมองโทรศัพท์ข้างตัว

“ฮัลโหล ว่ายังไงคะอา”

“ไม่สบายเหรอพิตต้าเสียงแปลกๆ ไปนะเรา” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก

“เปล่าค่ะ พิตต้าอยู่ในห้องน้ำเสียงมันอาจจะก้องก็ได้ค่ะ”

“อี๋ ทำอะไรอยู่ยะแม่คุณ” ดนุพรแกล้งทำเสียงรังเกียจ

“ฮ่าๆ ไม่บอกค่ะ อาโด่งมีอะไรก็รีบบอกมาก่อนที่พิตต้าจะขาดตอนนะคะ”

“โอ๊ยยายพิตต้า ทำธุระของเธอให้เสร็จก่อนแล้วค่อยรับโทรศัพท์ก็ได้”

“อุ๊ย หนูล้อเล่นค่ะ คริคริ” พิยะตาแสร้งทำเป็นอารมณ์ดี

“อืม อีกชั่วโมงอาจะไปถึงบ้านคุณธีร์”

“จะมาหาพิตต้าเหรอคะ...แต่วันนี้หนูต้องออกไปข้างนอกกับคุณธีร์”

“เอาไว้คุยกันตอนอาไปถึงนะ...อ่ออย่ามัวนอนหลับจนลืมมาเปิดประตูให้อาล่ะ” เมื่อวางสายจากคนห่วงหา พิยะตาก็ล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวต้อนรับดนุพรอย่างใจจดใจจ่อ ร่างบางเดินวนไปวนมาในห้องรับแขกสลับกับการชะเง้อมองหาคนมาเยือน ดนุพรคงเป็นที่พึ่งทางใจให้เธอหายเศร้าได้ในตอนนี้

“ปิ๊นๆ”

“อาโด่ง...อาค่ะ” พิยะตาวิ่งเข้าไปกอดร่างเพียวสูงทันทีที่หล่อนโผล่พ้นประตูบ้าน

“ว๊ายยายพิตต้าทำแบบนี้อีกแล้วนะ...ซีลีโคนเอียงหมดแล้ว”

“ก็คิดถึงอานี่คะ”

“ชอบกระโจนเข้าใส่เหมือนเจ้าครองแครงข้างบ้านไม่มีผิด” หญิงสาวย่นจมูกพร้อมขมวดคิ้วสงสัย

“ตัวอะไรคะ”

“หมา” ดนุพรยื่นหน้าเข้าไปตอบใกล้ๆ หลานสาว

“โธ่ อาโด่ง เปรียบพิตต้าซะน่ารักเชียว”

“ดูๆ เค้าว่ายังไม่สำนึก” หญิงสาวโน้มตัวโอบกอดคนห่วงใยด้วยความคิดถึงอีกครั้ง เธอปลดปล่อยความกลัดกลุ้มทุกข์ใจลงไปในอ้อมกอดด้วย ความแน่นที่รียวแขนรัดทำให้คนมาเยือนแปลกใจ

“มีอะไรเหรอยายพิตต้า...บอกอาสิ” อ้อมกอดคลายลงแล้ว แววตาสวยสั่นไหวด้วยหยาดน้ำใสๆ

“ฮ่าๆ ก็คิดถึงอาโด่งมากจนน้ำตาไหลค่ะ” ดนุพรมองหลานสาวอย่างห่วงใย เธอเคยสดใสร่าเริงเสมอ แต่คราวนี้สีหน้าที่ซีดเซียวแววตาที่อ่อนล้ามันคืออะไร หรือคนที่ไว้ใจรังแกให้เจ็บช้ำ

“คุณธีร์เค้าทำอะไรให้เราเจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า” ดนุพรเอ่ยถามหลังจากเข้ามาอยู่ในห้องนอนหลานสาวเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคู่ดำจับจ้องหาความจริงจากหลานสาว

“เปล่าค่ะ คุณธีร์ดีกับหนูมาก ไม่เคยทำอะไรให้หนูไม่สบายใจเลยค่ะ”

“แล้วทำไมหลานอาถึงทำหน้าตาไม่สบายใจเลย” มือยาวเชยคางได้รูปขึ้นเล็กน้อย

“ดูสิ หน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ...สงสัยพิตต้าจะเพลียค่ะ พะ พอดีเมื่อเช้าถ่ายท้องหนักไปหน่อย” เธอตอบอึกอัก

“ตายจริง หายหรือยังจ๊ะ ทานหยูกทานยาแล้วใช่ไหม ทำไมไม่บอกอาให้เร็วกว่านี้”

“หายแล้วค่ะ แค่เพลียเท่านั้นเอง”

“งั้นนอนพักก่อนดีไหม...นี่ก็เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลางาน”

“งาน อารู้ด้วยเหรอคะ”

“แน่นอนยะ งานนี้อาขอไปด้วยคน หวังว่าคงไม่มีใครว่านะ”

“เย้ๆ ดีใจจังคะ พิตต้าคิดว่าจะต้องไปแก่วอยู่คนเดียวในงานซะแล้ว” คิ้วเรียวชนกันอย่างสงสัย

“ทำไมถึงบอกว่าคนเดียว”

“ก็พิตต้าไม่รู้จักใครเลยนี่คะ”

“โธ่ยายตัวแสบ ไม่รู้จักก็เข้าไปทำความรู้จักก็ได้นี่นา มีใครที่ไหนเค้ารู้จักกันมาตั้งแต่ท้องพ่อท้องแม่บ้าง”

“พูดง่ายจัง...สังคมไฮโซแบบนั้นจะมีใครเค้าอยากรู้จักหนูล่ะคะ”

“อืม...ขี้งอน ขี้แง แบบนี้จะมีใครอยากรู้จักเนอะ” ดนุพรเหน็บแนมคนหน้าสวย

“อ้าว มาว่าหลานซะงั้น...จะให้พิตต้าทำอะไรก่อนคะอา”

“จริงด้วย งั้นเดี๋ยวอาพอกหน้าให้ก่อน เยินขนาดนี้น่ากลัวชะมัด” หล่อนกรีดกรายนิ้วมือขณะพูดทำให้คนมองนึกหมั่นไส้ไม่น้อย อุปกรณ์เครื่องสำอางหลากชนิดวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งเต็มแน่นจนล้นลงมาถึงเก้าอี้ล้อเลื่อน พิยะตาเบิกตากว้างเธอไม่เคยต้องใช้ชุดเสริมความงามยกเซ็ทขนาดนี้มาก่อน สงสัยงานนี้อาคงจะโชว์ฝีมือเต็มที่จึงเตรียมมาอย่างพร้อมเพรียง

“อยู่เฉยๆ ซิยายแสบ” หญิงสาวถูกจับให้นั่งนิ่งๆ รอคอยการเสริมความงามด้วยครีมพอกหน้ามีราคาสีขาวนวล ช่างจำเป็นค่อยๆ ปาดป้ายครีมบนใบหน้าสวย ส่วนคนไม่คุ้นเคยก็บิดไปมาเมื่อยตัวที่ต้องนั่งนิ่งไม่ไหวติง

“โอ๊ยเดี๋ยวหน้าก็ย่นเหมือนอาหรอก ยุกยิกอยู่ได้”

“ก็มันเมื่อยนี่คะ...เสร็จหรือยังคะอา”

“อีกนิดเดียวจ้า”

“อืม ระหว่างรอให้ครีมซึมเข้าผิวหน้า เดี๋ยวจะทำผมให้ก่อน”

“ไม่ต้องก็ได้คะอา ไปแบบนี้แหละสบายดี”

“อุ๊ยได้ยังไงจ๊ะ งานสำคัญของตระกูลสินสาโรจน์ จะไปแบบผมเพ้าฟูอย่างนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติเจ้าของงาน”

“ก็ได้คร๊า” พิยะตาตอบรับเสียงสูง แล้วก็ยอมทำตัวโอนเอียงตามแรงมือที่ดนุพรจัดให้

“ตัวนุ่มนิ่มอย่างกับไม่ได้กินอะไรเข้าไปต่อเติมเรี่ยวแรงเลยนะเนี่ย”

“กินซิคะ มีอะไรก็กินหมดแหละคะ”

“อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดเดี๋ยวหน้าย่น”

“ก็มัน”

“เอ๊ะ ยายแสบนี่พูดไม่ฟัง” พิยะตาเบ้ปากเมื่อถูกตำหนิ หญิงสาวปล่อยให้ช่างฝีมือหนึ่งแปลงโฉมให้เธอตามใจชอบ เพราะถ้าขัดขวางคงจะโดนบ่นอีกแน่ๆ

“ครับผมก็หวังจะให้ช่วยงานที่บริษัทอยู่แล้ว แต่ไม่รู้เจ้าตัวเค้าจะว่ายังไง”

“นั่นสินะ...เรียนจบมาก็เข้าทำงานเลยสบายออกนะหนู กิจการดีๆ แบบนี้ทิ้งไปเสียดายแย่”

“พิตต้าแล้วแต่คุณธีร์ค่ะ...จะให้ทำอะไรก็ได้พิตต้ายินดีค่ะ”

“ฮ่าๆ ว่าง่ายเสียด้วย คุณนี่โชคดีจริงๆ นะ”

“โชคดีหรือโชคร้ายก็คงต้องดูเวลาแม่เสือสาวออกลายครับคุณลุงวัชรา” ทุกสายตาหันมองตามเสียงที่ยียวน

“อ้าวธัญญ์ หายไปไหนมาซะตั้งนาน”

“สวัสดีครับ ขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อครู่นะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกหลานชาย”

“แกควรจะมาเร็วกว่านี้” ธีร์ตำหนิโดยไม่มองหน้าหลานชาย

“ผมมาตั้งนานแล้วครับ แต่อามัวชื่นชมความสวยจอมปลอมของแม่คนนี้อยู่ เลยไม่ได้สนใจผม”

“เจ้าธัญญ์ ถ้าจะหาเรื่องหนูพิตต้าแกออกไปเลย”

“ก็ได้ครับอา ผมจะยอมสงบปากสงบคำชั่วคราว เพื่อให้เกียรติผู้หญิงกลิ่นคาว” เขากระซิบถ้อยคำที่เหยียดหยามหญิงสาวแผ่วเบา

“คุณธัญญ์” เสียงใสแหวว แต่สายตาคนสูงวัยกลับปรามเธอเอาไว้

“ขอโทษค่ะ...งั้นพิตต้าไปหาอาโด่งก่อนนะคะ ขอตัวค่ะคุณวัชรา”

“อ่อ ตามสบายเลยหนู”

“ระวังจะไปสะดุดอะไรเข้านะ...ไม่มีใครเค้าช่วยหรอก”

“พอได้แล้วเจ้าธัญญ์ แกทำให้ฉันขายหน้ามากพอแล้วนะ”

“ทีคนอื่นอาไม่เห็นบอกขายหน้า”

“ฮ่าๆ เอาเป็นว่าผมของเป็นกรรมการสงบศึกอาหลานคู่นี้แล้วกันครับ” วัชราอาสาห้ามทัพเทพบุตรนักรบทั้งสอง คนสูงวัยมองหน้าชายหนุ่มสลับกันไปมาพร้อมส่ายหน้าให้กับความไม่ยอมแพ้กัน

พิยะตาไม่อยากอารมณ์เสียต่อหน้าผู้ใหญ่ในงาน เธอจึงหลบเลี่ยงออกมาให้พ้นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องจะหาเรื่อง ถึงแม้สายตานั้นจะมองตามเธอออกมาแต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เขากับเธอคงกลายอริแล้วจริงๆ ยิ่งคิดหญิงสาวก็สลดลงทันที

“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มไม่คุ้นหูเอ่ยทัก ขณะที่คนสวยกำลังเมี่ยงมองหาใครอีกคน

“ค่ะ”

“ผม วราวุฒิ จะรังเกียจไหมครับถ้าผมอยากจะรู้จักคุณ” ชายหนุ่มที่จัดว่าหน้าตาดี แต่งกายภูมิฐานส่งรอยยิ้มแล้วสายตาชวนเชิญให้หญิงสาวเป็นมิตรด้วย

“พิยะตาค่ะ เรียกพิตต้าก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” พิยะตาส่งยิ้มให้เช่นกัน แต่รอยยิ้มของเธอนั้นเป็นเพียงมารยาททางสังคม หญิงสาวไม่ได้อยากจะรู้จักใครในงานนี้เลย ดวงตาสวยยังหันมองหาดนุพร

“มองหาใครอยู่เหรอครับ คนรักหรือเปล่า”

“อ่อ อาน่ะคะ ไม่ทราบว่าเดินไปถึงไหนมองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” ใบหน้าคมสันขาวผ่องหันไปทางสายตาสาว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม