หน้าที่ขององค์หญิงแห่งแคว้นยังคงวนเวียนอยู่ในโรงครัวเป็นส่วนใหญ่ และนางต้องหมกตัวอยู่ในนั้นตลอดทั้งวัน วิ่งวุ่นหัวหมุนไปกับการหั่นล้างอะไรสักอย่างตลอดเวลา ซึ่งนางก็ล้วนแล้วแต่ทำไม่เป็น หากรองแม่ทัพจางไม่ช่วยเหลือ แกล้งเรียกนางเข้าพบเพราะนางอ่านออกเขียนได้ นางก็คงจะไม่ได้มีเวลาพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็ทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำด้วยกันทั้งสิ้น ราวกับว่าค่ายแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ยามกลางคืน นางก็ยังสามารถได้ยินเสียงพูดคุย เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก และเห็นแสงไฟวับแวมที่จุดอยู่โดยรอบ
นอกจากช่วงเวลาที่จะต้องยกข้าวยกน้ำให้กับมู่หรงเซียวหนานแล้ว หยางจูไม่มีทางได้เจอเขาอีก ไม่ใช่แค่เพราะเขาไม่ว่าง แต่เพราะนางหมกตัวอยู่แต่ในครัว ราวกับไข่มุกที่ไม่ถูกค้นพบ หยกที่ยังไม่ได้เจียระไน แล้วมันจะไปมีความหมายอันใดที่นางดั้นด้นลำบากมาถึงนี่ และถึงแม้นางจะได้เวลาชั่วพักชั่วครู่ ระหว่างที่เขารับประทานอาหาร แต่ในช่วงเวลานั้น ก็มักจะมีผู้คนมากมายมารอเข้าพบท่านแม่ทัพเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ เท่ากับว่านางแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับเขาเพียงสองคนเลย
“เฮ้ออออออ……”
คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ นางพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อจะได้ล้างจานอย่างถนัดถนี่ แต่เมื่อสายตาของผู้คนที่อยู่รายรอบเพ่งมองมา หยางจูจึงรีบดึงแขนเสื้อลง เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เห็นผิวพรรณของนาง
“ได้เวลาแล้ว” ลี่ถังเดินเข้ามาหา วันนี้หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไม่หนักหนานัก เขาเลยไม่ได้ดูมอมแมมเท่าไหร่ ส่วนนางแม้จะได้ตำแหน่งดี แต่ก็เหมือนถูกกลั่นแกล้ง ยังต้องมาขัดหม้อขัดกระทะเป็นประจำ
“เฮ้อ ได้ไปสักที” หยางจูยิ้มร่า ท่าทางร่าเริงขึ้น
“ครั้งนี้เจ้าอย่าเข้าไปนานนักล่ะ ใครต่อใครก็พากันบ่นว่าเจ้าชอบไปอู้อยู่ในกระโจมท่านแม่ทัพ” ลี่ถังเตือน
“อู้อะไรกัน หากเขาไม่สั่งให้ข้าออกมา ข้าจะเสียมารยาทเดินออกมาเฉย ๆ ได้หรือ” หยางจูทำโวยวาย
ความจริงก็คือเมื่อวางอาหารเสร็จ หากเขาไม่เรียกพูดคุยหรือซักถามสิ่งใด นางก็ขอตัวออกมาได้เลย แต่ในเมื่อดั้นด้นมาเพื่อให้ได้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้แล้ว จะหันหลังหนีจากโอกาสได้อย่างไร นางจึงมักจะหาเรื่องมาคุยกับเขาอยู่เสมอ
“ข้าเข้าใจ แต่คนอื่นไม่เข้าใจด้วยน่ะสิ เอาน่า หากเป็นไปได้ก็เดินออกมาเร็ว ๆ แล้วกัน”
หยางจูพยักหน้ารับ แล้วหยิบเอาสำรับอาหารมาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง ช่วงนี้อาหารในค่ายไม่พ้นผัดผักกับไก่เลยจริง ๆ แม้อาหารของท่านแม่ทัพจะหน้าตาดีกว่าที่พวกนางกินอยู่นิดหน่อยเพราะภาชนะที่ใส่ แต่นางก็ไม่นึกอิจฉาเขาสักนิด นางอิจฉาลู่อิง นางกำนัลของตนมากกว่า ป่านนี้คงจะนึ่งไก่ ทอดปลา หรือตากเนื้อแห้งอันเอร็ดอร่อยอยู่แน่ ๆ
นี่ขนาดนางเตรียมใจมาก่อนแล้วว่าคงไม่ได้กินดีเหมือนเมื่อครั้งยังอยู่ในวังหลวง แต่พอเอาเข้าจริง ผ่านไปคืนเดียว นางก็คิดถึงอาหารอันโอชากว่าร้อยจานเสียแล้ว
ถ้าหากนางไม่สามารถพิชิตใจของมู่หรงเซียวหนานได้แล้วละก็ สิ่งที่อดทนมาก็จะสูญเปล่า นางจะยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
“ข้าจะรออยู่ตรงนี้” ลี่ถังเอ่ยดังเช่นทุกครั้งที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้ากระโจม
“ข้าจะรีบออกมา” หยางจูยืนรอทหารยามเข้าไปแจ้งมู่หรงเซียวหนาน เมื่อประตูเปิดออกอีกครั้ง นางก็เดินเข้าไปด้านในด้วยความระมัดระวัง
“อาหารขอรับ ท่านแม่ทัพ”
“เอาวางไว้บนโต๊ะ” เขาตอบเพียงแค่นั้น ตายังคงจ้องเขม็งไปที่จดหมายที่อยู่ในมือ
หยางจูกวาดตามองด้วยความรวดเร็ว เห็นซองจดหมายปิดผนึกด้วยครั่งถูกแกะวางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน นางก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เพราะนั่นเป็นตราลัญจรของคนในราชวงศ์
หรือเสด็จพ่อจะรู้เสียแล้วว่านางอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นจดหมายจากเสด็จอาที่ส่งมาเตือน คิดแล้วก็ว้าวุ่นใจยิ่งนัก เพราะนางยังไม่อยากกลับไปมือเปล่า
“หยางหยาง ข้าบอกให้วางอาหารไว้บนโต๊ะ มัวแต่เหม่ออะไรอยู่”
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกจนถาดอาหารแทบจะเลื่อนหลุดจากมือ นางรีบเอาของวางไว้ตามที่เขาสั่ง หัวใจยังเต้นถี่รัวเพราะเสียงดุ ๆ
“ไม่สบายหรือ” มู่หรงเซียวหนานมองท่าทางว้าวุ่นใจของอีกฝ่าย ก็คิดว่ามาจากความป่วยไข้ ทั้งที่เขาเองนั่นแหละเป็นสาเหตุ
“เปล่าขอรับ ข้าสบายดี แล้วท่านแม่ทัพล่ะขอรับ สบายดีหรือไม่” นางทำใจกล้าชวนคุย
“ก็พยายามจะสบายดีอยู่หรอก” เขาตอบทั้งรอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่เคร่งขรึมเหลือเกิน ก็คงจะเป็นเพราะภาระหน้าที่เช่นเดิม จดหมายยังอยู่ในมือหนา ดูจากท่าทางแล้ว อย่างไรก็เรื่องสำคัญแน่ แต่นางมองเห็นชัดไม่พอที่จะแอบอ่านเนื้อความข้างใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์