หยางจูนิ่งอึ้ง นึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหน้าทำตาให้มอมแมมขมุกขมัวมากกว่านี้ เมื่อเขาเห็นว่านางอึกอัก ก็ยิ่งคิดว่านางอับอายเพราะถูกล้อว่าเหมือนเด็ก จึงพูดเพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้น
“อย่าคิดมากไปเลย เมื่อทำงานใช้แรงไปเรื่อย ๆ ตัวของเจ้าก็จะหนาเสียจนลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นเด็กมาก่อน”
“ขอรับ” นางปรับสีหน้าให้ดีขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายถามแทน “แล้วท่านแม่ทัพล่ะขอรับ คิดจะแต่งงานเมื่อใดกัน”
“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น ในหัวมีแต่จะกำราบศัตรูให้สิ้นซากอย่างไรก็เท่านั้น”
“แต่หากท่านทำสำเร็จ ฮ่องเต้จะต้องพระราชทานรางวัลให้ ดีไม่ดี จะให้ท่านแต่งกับหญิงงามมียศถาบรรดาศักดิ์เสียด้วยซ้ำไป”
“ข้ารู้” มู่หรงเซียวหนานพอจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเขาใกล้ชิดกับฮ่องเต้ ถึงขนาดที่น้องสาวของเขาก็อภิเษกไปกับ
หลี่อวี้อ๋อง แล้วบุตรชายคนโตจะน้อยหน้ากว่าได้อย่างไร “หากเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เถิด”เขาพูดพลางถอนหายใจอย่างคนที่เข้าใจเรื่องราวและเตรียมใจไว้แล้ว อันตัวเขานั้น แม้จะมีหัวใจ แต่ภาระหน้าที่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งก่อนอยู่แล้ว
หยางจูก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบอะไรที่แปลกไปมากกว่านี้ ในเมื่อชายผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นผู้สืบทอดและหน้าเป็นตาให้แก่วงศ์ตระกูล เขาเคารพบิดามารดายิ่งกว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวง สิ่งใดที่จะส่งเสริมตระกูลได้ให้มั่งคงยิ่งใหญ่ได้ เขาย่อมทำสิ่งนั้น อีกประการหนึ่ง มู่หรงเซียวหนานมีเลือดนักรบเต็มตัวทั้งยังซื่อสัตย์มั่นคง นั่นหมายถึงเขายอมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ที่อยู่เหนือหัวโดยไม่บิดพลิ้ว
นั่นคือสิ่งที่นางหวั่นเกรง หากเสด็จพ่อพระราชทานทานพี่หรือน้องของนางคนอื่น ๆ องค์หญิงจากต่างเมือง บุตรีของท่านเสนาบดี หรือขุนนางสักคนแล้วเขาไม่คัดค้าน นางก็คงจะพลาดหวังจากเขาเป็นแน่ ยิ่งนึกก็ยิ่งร้อนใจ
ด้วยเหตุนั้น นางถึงต้องดั้นด้นมาถึงนี่ และพยายามมัดใจเขาให้ได้ แม้พี่ชายจะคิดว่าอุปสรรคใหญ่หลวงจะอยู่ที่นางอยู่ในร่างของบุรุษเพศ แต่นางไม่เชื่อว่าหากมีใจให้กันแล้ว เขาจะก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปไม่ได้
“คิดอะไรของเจ้า ทำหน้ายุ่งเชียว”
“คิดถึงงานที่ต้องทำของวันนี้ขอรับ” นางรีบแก้ตัว
“ข้าเข้าใจว่าหน่วยเสบียงทำงานหนักมาก”
“ถึงแม้จะหนัก แต่ข้าเชื่อว่าทุกหน่วยก็หนักไม่แพ้กัน โดยเฉพาะท่านที่เป็นถึงแม่ทัพ ต้องแบกความรับผิดชอบและภาระหน้าที่เอาไว้มากมาย”
“พูดได้ดี ๆ”
“ท่านคงจะเหนื่อยมาก”
เขาสะท้านกับคำพูดนั้น รับรู้ได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในน้ำเสียงของคนพูด จนต้องเงยหน้าขึ้นมาจากสำรับกับข้าวแล้วกล่าวขอบคุณนางจากใจ
ทุกวันนี้เขาได้นอนวันละไม่กี่ชั่วยาม เดินย่ำไปตามแถวทหาร พูดปลุกใจพวกเขา ซ้อมต่อสู้และวางแผนรบไม่ว่างเว้น ความบันเทิงใจอื่นใดไม่มี ยิ่งเขาไม่ปริปากบ่นเท่าไหร่ ทุกคนยิ่งคิดว่าท่านแม่ทัพผู้นี้ช่างแข็งแกร่ง จนอาจจะคิดเลยเถิดไปถึงว่าเขานั้นเหนื่อยไม่เป็น แต่ตอนนี้หนุ่มน้อยที่เพิ่งจะเคยเห็นหน้า กลับเข้าอกเข้าใจเขาอย่างลึกซึ้งเสียอย่างนั้น
“ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก เพียงแต่ลูกผู้ชายจะต้องไม่โอดครวญ”
“จะลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิงก็มีสิทธิ์เหนื่อยด้วยกันทั้งนั้น”
“หากอยู่ข้างนอก เจ้าคงจะนับเป็นผู้ที่หัวแข็งน่าดู” เขาตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมคนของนาง
“ข้าพูดความจริงนี่นา”
“คุยกับเจ้าสนุกดี ข้าอารมณ์ดีขึ้นมาก” เขากล่าวขึ้นมาดื้อ ๆ
หยางจูกลั้นยิ้ม รีบก้มหน้าซ่อนความรู้สึก “ท่านก็พูดคุยมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้”
“อืมม ทุกคนมักจะคิดว่าข้าเย็นชาสินะ”
“เคร่งขรึมมากกว่าขอรับ”
อันที่จริงนางเคยได้ยินคนเรียกเขาว่าแม่ทัพหน้านิ่งเสียด้วยซ้ำ และถ้าหากเขาไม่ได้ยิ้ม เขาก็ดูมีหน้าเดียวจริง ๆ แต่ใครจะไปพูดอย่างนั้นต่อหน้าเขากัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์