หยางจูสะดุ้งตื่นเพราะเสียงตีเกราะดังระรัว นางรีบร้อนแต่งตัวด้วยชุดไร้สีสันที่ตระเตรียมมา สวมทับด้วยเครื่องแบบของกองทัพ และพบว่าแม้จะไม่สวยงามสะดวกสบายอะไรนัก แต่ก็ใช้เวลาน้อยกว่าตอนที่นางเป็นองค์หญิงถึงสิบเท่า จากนั้นนางก็ต้องขมวดปอยผมของตัวเองให้ดีขณะที่เสียงเรียกหน้าประตูยังดังไม่หยุด
“หยางหยาง หากไปช้าเราจะถูกลงโทษเอานะ”
คนที่อยู่หน้ากระโจมตะโกนเข้ามา หยางจูจึงรีบตอบกลับ เกรงว่าหากขืนชักช้าเขาจะเปิดประตูเข้ามาเรียกถึงด้านในแล้วความจะแตกเอาได้
“เข้าใจแล้ว ๆ”
นางเปิดประตูแล้วก้าวตามชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่ก้าวเดินด้วยความรวดเร็วไปในความมืด ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก แต่รอบค่ายก็มีเสียงพูดคุย เสียงของผู้คนที่ทำงานไม่หยุดหย่อน เสียงโลหะกระทบกัน เสียงกวาดถู และกลิ่นที่ผสมปนเปกันไปในอากาศจนยากจะบอกได้ว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดกันแน่
ตะเกียงและคบเพลิงถูกจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ นางเห็นเรือนนอนเรียงกันเป็นแถบ ซึ่งเป็นของทหารที่พอจะมียศศักดิ์เท่านั้น ทหารชั้นเลวหรือทหารรับใช้จะได้นอนในกระโจมรวม ซึ่งนางเองถ้าไม่อาศัยความช่วยเหลือของรองแม่ทัพจางซื่อหมิงก็คงจะไปลงเลยในสถานที่แบบนั้นเช่นกัน
“นี่ เจ้าชื่ออะไร” นางเอ่ยถามอย่างคนมีอัธยาศัยดี และสงสัยว่าจางซื่อหมิงบอกกับชายหนุ่มว่าอย่างไรบ้าง
“ลี่ถัง”
“ท่านรองแม่ทัพบอกอะไรแก่เจ้าบ้าง”
“บอกเพียงแต่ว่าเจ้าถูกฝากมาให้ฝึกทำงานในโรงครัว”
ลี่ถังคนนี้พูดน้อยนัก เห็นทีจะผูกมิตรด้วยไม่ง่าย หยางจูครุ่นคิด นางมาอยู่ที่นี่ ก็จำเป็นที่จะต้องมีมิตรสหายเอาไว้บ้าง
“เจ้าต้องคนเป็นคนที่ท่านรองแม่ทัพไว้ใจมากแน่ ถึงได้ถูกส่งมาให้ช่วยเหลือข้า”
“ใช่แล้ว ข้ารับใช้ใกล้ชิดท่านรองแม่ทัพเลยทีเดียว” คราวนี้เสียงของเขาเป็นมิตรมากขึ้นเมื่อถูกยกย่อง
“ถ้าเช่นนั้นข้าฝากตัวด้วย” นางกล่าวอย่างอ่อนน้อม
ทั้งสองมาถึงโรงครัวที่วุ่นวายจนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหนก่อน
ลี่ถังพาหยางจูไปแนะนำตัวต่อหัวหน้าโรงครัว ซึ่งก็ไม่ได้สงสัยอะไร กลับดีใจด้วยซ้ำที่จะได้ลูกมือมาช่วยทำงานมากขึ้น เพราะในทุก ๆ วัน การทำอาหารเลี้ยงคนทั้งกองทัพไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย
“เอ้า มัวแต่ยืนรีรออะไรอยู่อีก เจ้าไปถอนขนไก่เข้าสิ” เขาออกคำสั่ง
“ถอนขนไก่!” หยางจูเผลอร้องเสียงดัง
“ก็ใช่น่ะสิ รีบไปได้แล้ว หรืออยากให้ข้าตบสักฉาดสองฉาด จะได้มีสติ”
“ไม่ขอรับ ๆ”
นางรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น แล้วตามลี่ถังไปทางด้านหลัง ตรงนี้มีไก่ตัวอ้วนพีนอนเรียงกันเป็นแพ ไก่พวกนั้นคอพับและตายสนิท กระนั้นนางก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปจับ ท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ของนางเป็นจุดสนใจของทหารคนอื่นให้หันมามอง บ้างก็หัวเราะเยาะ บ้างก็รู้สึกขัดตา
“ลงมือสิหยางหยาง” ลี่ถังกระตุ้นแล้วถอนขนไก่กระจุกหนึ่งที่หางให้ดูเป็นตัวอย่าง จากนั้นก็เริ่มดึงขนปีกอย่างชำนาญ
หยางจูเบ้หน้า นี่แทบไม่ต่างจากการถลกหนังโดยแท้
“หยางหยาง”
คราวนี้เสียงของเขาเข้มขึ้น หยางจูจำต้องนั่งลง ถลกแขนเสื้อขึ้นถึงข้อพับแล้วจับไก่ที่น่าสงสารมาไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วลองดึงตามที่ลี่ถังทำให้ดู
“ฮืออ ข้าขอโทษนะเจ้าไก่น้อย อภัยให้ข้าด้วยเถอะ”
“คร่ำครวญอะไรของเจ้า ไก่นี่มันตายแล้ว โธ่เอ๊ย มัวแต่ดึงทีละเส้นแบบนั้นเมื่อไหร่จะเสร็จ เดี๋ยวก็ได้โดนหัวหน้าฟาดเอาหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์