วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 1146

ณ ปักกิ่ง

วันนี้มีฝนตกหนัก

ถนนที่เปียกน้ำนั้นดูเหมือนแม่น้ำที่ส่องประกายระยิบระยับ และผู้คนบนถนนที่ต่างก็พาถือร่มสีสันสดใสเหมือนกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่บนน้ำ

เวลาสามทุ่ม

หลังจากที่ไป๋ปิงจบการสัมมนาโรงเรียนแพทย์ เธอก็กลับมาที่บ้านเพื่อรับประทานอาหารเย็นกับนายพลไป๋

ตั้งแต่ไป๋ยวี่จิงและลูกชายของเขาหนีไปต่างประเทศ นายพลไป๋ก็ไม่มีใครคุยด้วยด้วยซ้ำ เว้นตำรวจยามและคนขับรถ

คืนนี้เพราะไป๋ปิงกลับมาบ้าน บ้านของตระกูลไป๋จึงกลับมามีเสียงหัวเราะอีกครั้ง

ทั้งสองคนกำลังกินข้าวและพูดคุยกัน

“เสี่ยวไป๋ เธอก็อายุไม่น้อยแล้วนะ พยายามมีลูกกับเยี่ยชิวหน่อย แบบนี้ไม้ใกล้ฝั่งอย่างฉันจะได้มีความสุขที่มีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสักที”นายพลไป๋พูดโน้มน้ามไป๋ปิง

ไป๋ปิงไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย และเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเมือนกัน มันเหมือนว่าท้องของเธอนั้นเงียบไปนานมากแล้ว

คิดเช่นนี้ไป๋ปิงจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“คุณปู่ ทำไมไม่มาอยู่ที่เจียงโจวกับฉันและเยี่ยชิวล่ะคะ หนูหวังว่าคุณปู่จะไปเจียงโจวเหมือนกันนะ” ไป๋ปิงพูดขึ้น

“ไม่ล่ะ”นายพลไป๋ตอบกลับพร้อมพูดอีกว่า:“ฉันอยู่ปักกิ่งมานานแล้ว ถ้าย้ายไปที่อื่นก็คงไม่ชิน”

ไป๋ปิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า:“เอาอย่างนี้ไหมคะ หนูกลับไปหนูไปทำเรื่องขอส่งตัวกลับมาที่นี้ แบบนี้หนูจะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ได้ด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอก เธอควรอยู่ที่เจียงโจวกับเยี่ยชิว!” นายพลไป๋พูดต่ออีกว่า:“เมื่อคู่รักแยกกันอยู่ จะมีปัญหาตามมามากมาย”

ไป๋ปิงยิ้มแล้วพูดว่า:“ไม่หรอกค่ะ เยี่ยชิวและหนูเชื่อใจกันมาก”

“ไม่ว่าพวกเธอทั้งคู่จะเชื่อใจฉันมากแค่ไหน หากอยู่ห่างไกลกัน ความสัมพันธ์ก็จะเหินห่างตามไปด้วย” นายพลไป๋ยังพูดต่ออีกว่า:“เชื่อฉันเถอะ เธออยู่เจียงโจวน่ะดีแล้ว”

“ส่วนฉันนั้น เธอต้องกังวลเลย”

“มีทั้งตำรวจยามอยู่ที่บ้าน จะออกไปข้างหน้าก็มีคนขับรถและยังมีเหล่าบรรดาเพื่อนเก่าของฉันที่คอยแวะเวี่ยนมาหาเป็นครั้งคราวอีก ในเวลาปกติแล้วก็ฝึกคัดอักษรและฟังงิ้วปักกิ่ง ชีวิตของฉันที่นี้ค่อนข้างน่ารื่นรมย์เลยทีเดียวล่ะ”

“ว่าไง ในโรงพยาบาลมีเรื่องตลกอะไรบ้างไหม เล่าฉันฟังสักหน่อยสิ”

ไป๋ปิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:หลายปีก่อน ชายคนหนึ่งมาที่โรงพยาบาลค่ะ เขาเอาแต่พูดว่าหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า เขามักจะรู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างไม่เห็นบีบคอของเขาอยู่ หายใจลำบาก ตลอดเวลา รู้สึกแปลกๆ ที่หลังคอ สงสัยโดนลมร้ายเข้าสิง”

“คุณปู่ ลองทายดูสิคะว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไร?”

“โรคอะไรหรอ?” นายพลไป๋ถามอย่างสงสัย

ไป๋ปิงพูดต่อว่า:“แพทย์จากภาควิชาการแพทย์แผนจีนได้ตรวจดูชายคนนี้อย่างละเอียด และพบว่าเขามีสุขภาพที่ดีมากเลยค่ะ สำหรับอาการเหล่านี้เป็นเพราะว่าเขาสวมเสื้อสเวตเตอร์ด้านในออก”

นายพลไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง:“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

ทางเข้าลานบ้าน

ตำรวจยามทั้งสองได้ยินเสียงหัวเราะของนายพลไป๋ มองหน้ากัน และเริ่มแอบพูดคุยกันว่า

“ฉันไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของนายพลไป๋มานานแล้ว”

“ใช่ ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเขา คือตอนที่เทพทหารและคุณเยี่ยมาเยี่ยมเขาเมื่อเดือนที่แล้ว”

“เห็นได้ชัดเลยว่านายพลไป๋มีความสุขมากหลังจากที่คุณหนูไป๋กลับมา”

“นายพลไป๋นั้นทุ่มเทรับใช้ชาติ ตอนนี้แก่ชราแล้ว ฉันก็หวังเป็นอย่างมากว่าเขาจะมีความแบบนี้ได้ในทุกๆวัน”

“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของไป๋ยวี่จิง ถ้าเจ้าเด็กคนนั้นไม่ดื้อรั้นขนาดนั้น ครอบครัวตระกูลไป๋ก็จะไม่ถูกทอดทิ้งเช่นนี้?”

“นายพลไป๋มีหลานชายอย่างไป๋ยวี่จิง ครอบครัวของเขาโชคร้ายจริงๆ…”

“พวกคุณสองคนกำลังพูดถึงฉันอยู่เหรอ?”

ทันใดนั้น ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าตำรวจยามทั้งสองโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

“ไป๋ยวี่จิง!”

ตำรวจยามทั้งสองคนนั้นตัวหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่มีใครคาดคิดว่าไป๋ยวี่จิงจะมาปรากฏตัวในตอนนี้และเวลานี้

“ไป๋ยวี่จิง กล้าหาญมากนะ คิดไม่คุณกล้ากลับมาจริงๆ!”

“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

“ถ้าอย่างนั้น อย่าหาว่าเราหยาบคายกับคุณนะ”

ครั้งแรกที่ไป่ปิงเห็นไป๋ยวี่จิง เธอก็ลุกขึ้นยืนและตะโกนขึ้นทันที:“นายมาทำอะไรที่นี้?”

“ฉันคิดถึงพวกเธอไงล่ะ ก็เลยกลับมาดูว่าพวกเป็นยังไงกันบ้าง”ไป๋ยวี่จิงยิ้มออกมาพร้อมมองไปทางนายพลไป๋: “คุณปู่เป็นยังไงบ้างครับ สบายดีไหม?”

ใบหน้าของนายพลไป๋นั้นทั้งดูเย็นชาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า:“ไสหัวไป”

ไป๋ยวี่จิงไม่เพียงแต่จะไม่ทำตามที่นายพลไป๋พูดแล้วนั้น เขากลับนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆโต๊ะอาหารของพวกเขาแล้วพูดขึ้นว่า:“คุณปู่ล่ะก็ นานๆผมจะกลับมาหาทั้งที คุณกลับไล่ผมให้กลับไปแบบนี้ คุณปู่ช่างใจร้ายกับผมจัง?”

นายพลไป๋พูดขึ้นว่า: “นับตั้งแต่วันที่นายถูกฉันไล่ออกจากบ้านไป ฉันก็นับว่าเราไม่มีความสัมพันะ์ต่อกันอีกแล้ว”

ไป๋ยวี่จิงยิ้มแล้วพูดว่า:“ได้ยินแบบนี้แล้วผมก็โล่งใจ”

“โล่งใจอะไร?”นายพลไป๋ถามกลับ

“ในเมื่อคุณปู่ไม่นับว่าผมหลานชาย งั้นผมก็ไม่ต้องเกรงใจกับคุณปู่แล้วใช่ไหม?”

หลังจากที่ไป๋ยวี่จิงพูดจบ เขาก็ตบหน้านายพลไป๋

ปร้าบ!

นายพลไป๋ถูกไป๋ยวี่จิงตบหน้าจนล้มลงกับพื้น ที่ขอบปากมีเลือดไหลออกมา จากนั้นก็หมดสติไป

ไป๋ปิงตะโกนด้วยความโกรธ:“ไป๋ยวี่จิง นี้นายบ้าไปแล้วหรอ?นี้คุณปู่ของนายนะ”

“หุบปาก!”ไป๋ยวี่จิงมองไปที่ไป๋ปิงอย่างเย็นชาและดุร้าย และพูดขึ้นว่า:“นังสารเลว รอให้ฉันฆ่าเยี่ยชิวได้ก่อนเถอะ ฉันจะจับเธอทำเมีย!”

ปร้าบ!

ไป๋ยวี่จิงใช้มือทั้งสองข้างของเขาบีบไปที่คอของไป๋ปิงอย่างแรง จนทำใหเธอสลบไป

และในขณะนั้นเอง สัตว์ประหลาดเดินเข้ามาจากด้านนอก โดยอุ้มไป๋ปิงไว้ในมือข้างหนึ่ง และนายพล ไป๋ในมืออีกข้าง เดินตามไป๋ยวี่จิงออกจากประตูไป

ก่อนที่จะจากไป

ไป๋ยวี่จิงหันกลับไปมองที่บ้านพักของตระกูลไป๋และยิ้มอย่างเย็นชา:“แล้วฉันจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะทำให้โลกทั้งโลกสั่นสะเทือนและอยู่ใต้เท้าของฉัน”

“ไป!”

ไป๋ยวี่จิงและสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พากันหายไปในอากาศ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ