วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 1479

ใบหน้าของอมตะชางเหม่ยเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาได้เห็นอักษรสีทองตัวใหญ่สามตัวส่องแสงกระพริบอยู่บนกำแพงหินที่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำ

“มรดก!”

นอกจากนั้น ด้านล่างของผนังกำแพงหิน ยังมีกล่องไม้กล่องหนึ่งวางอยู่ด้วย

มีมรดกจริงๆเหรอ?

อมตะชางเหม่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อ หลังจากนั้นมีกระแสลมหนึ่งกระทบผ่านหน้าเขาไป

“ช้าหน่อย ระวังอันตรายด้วย” เยี่ยชิวกล่าวเตือน

แต่ทว่า อมตะชางเหม่ยมุ่งหน้าไปที่กล่องไม้กล่องนั้น โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น และตอนนี้กล่องไม้นั่นก็อยู่ในมือของเขาแล้ว

“นี่ข้าได้รับมรดกเทพนักปราญช์แล้วใช่หรือไม่?”

อมตะชางเหม่ยหยิบกล่องไม้ขึ้นมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง

ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เขาได้เจอกับของล้ำค่า มักจะเจอกับปัญหาเสมอ แต่ตอนนี้ เขาสามารถถือกล่องไม้มรดกไว้ในมือของตัวเองได้แบบสบายๆ โดยไม่เกิดเหตุการณ์อันตรายใดๆขึ้นราวกับฝันไป

“ในที่สุดสวรรค์ก็มีตาเสียที”

อมตะชางเหม่ยรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาคลอ เขาเปิดกล่องไม้นั้นด้วยความตื่นเต้น

วินาทีต่อมา ตาเฒ่าถึงกับหน้าชา

เป็นเพราะว่าในกล่องไม้นั้น นอกจากใบไม้แห้งไม่กี่ใบก็ไม่มีอะไรอื่นเลย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

อมตะชางเหม่ยมึนงง “มรดกเทพนักปราชญ์กลับกลายเป็นเพียงใบไม้แห้งได้ยังไง?”

เยี่ยชิวเดินมาข้างหลังอมตะชางเหม่ยแล้วถามอย่างสงสัยว่า “ตาเฒ่า อะไรคือมรดกเทพนักปราชญ์เหรอ?”

อมตะชางเหม่ยนิ่งเงียบ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก

เยี่ยชิวยื่นหน้าออกไปมอง จึงได้เห็นว่าภายในกล่องไม้มีแค่ใบไม้แห้งอยู่ไม่กี่ใบ เขาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ใบไม้แห้งพวกนี้เป็นสมบัติอะไรจากสวรรค์เหรอ?”

“บัดซบ!” อมตะชางเหม่ยพูดด้วยความโกรธว่า “ถ้าหากเป็นสมบัติจากสวรรค์จริง ทำไมมันไม่มีพลังอะไรเลยสักนิดล่ะ? นี่มันแค่ใบไม้แห้งธรรมดาๆ!”

“ไม่คิดเลยจริงๆว่านักปราชญ์ที่สูงส่งจะล้อเล่นกับคนรุ่นหลังเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายจริงๆ!”

อมตะชางเหม่ยยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ “ปัง” เขาโยนกล่องไม้ลงพื้นแล้วเหยียบขยี้มันหลายครั้ง

เขาเหยียบไปพูดไป “ไอ้เด็กเปรต เจ้าว่าเจ้าของสุสานมันบ้ารึเปล่า?”

“ในเมื่อไม่อยากให้คนรุ่นหลังได้รับมรดก แล้วต้องทิ้งกล่องพังๆแบบนี้ไว้ให้คนดีใจเล่นๆงั้นเหรอ?”

“นี่ไม่ใช่มันกำลังล้อเล่นกับจิตใจของคนเหรอ?”

“หึ อย่าให้กูหากระดูกมึงเจอนะ กูจะตีศพมึงให้”

อมตะชางเหม่ยกัดฟันกรอด เพราะคิดว่าตัวเองโดนหลอกเข้าให้แล้ว

“ตาเฒ่า อย่าเกรี้ยวกราดไปเลย บางทีเจ้าของสุสานอาจจะตั้งใจทดสอบคนรุ่นหลังก็ได้” เยี่ยชิวพูดปลอบใจ

อมตะชางเหม่ยยังคงด่าทอต่อไป “ทดสอบบ้าบออะไรกัน นี่มันล้อกันเล่นชัดๆ”

“ตอนนี้ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เจ้าของสุสานรู้อยู่แล้วว่าข้าจะเข้ามา เลยจงใจแกล้งข้า”

“ข้าจะทำลายสุสานนี่ซะให้สิ้นซาก”

“ข้าจะไปดูว่ามันยังเหลืออะไรไว้ในถ้ำนี้อีกหรือเปล่า?”

อมตะพูดจบก็เดินไปข้างหน้าด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ

ในเวลานี้ เขาไม่สนว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเขาหรือไม่ เขาแค่อยากหากระดูกเจ้าของสุสานนี้เจอโดยเร็วแล้วทำลายมันเพื่อระบายความแค้น

เยี่ยชิวกำลังจะเดินตามเข้าไป ทันใดนั้น สายตาของเขาเหลือบไปเห็นใบไม้ที่อยู่บนพื้น

ในตอนนี้ มีแสงสีทองปรากฏขึ้นบนใบไม้แห้งอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นลายเส้นตัวอักษร ซึ่งดูลึกลับชวนพิศวง

“ตาเฒ่า รอเดี๋ยว”

เยี่ยชิวตะโกนเรียกและรีบเก็บใบไม้นั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตามองครู่หนึ่งก็พบว่า ใบไม้ทุกใบต่างมีตัวอักษรสี่ตัวปรากฏอยู่

ใบที่หนึ่ง

“หนึ่งก้าวสิบลี้!”

ใบที่สอง

หมายความว่ายังไง เธอกำลังจะบอกว่าอมตะชางเหม่ยน่าเกลียดงั้นเหรอ?

เธอพูดแบบนี้ได้ยังไง?

ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่รึยังไง?

อมตะชางเหม่ยกลั้นหายใจด้วยความโกรธและล้มลงกับพื้น

ลู่หลัวถึงกับผงะ “เต้าจ่าง ท่านเป็นลมหรือเปล่า?”

“ข้าไม่ได้เป็นลม ข้าแค่อยากนอนเงียบๆสักพัก เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ถ้าเจ้ายังพูดอีกเลือดในหัวข้าจะไหลเดี๋ยวนี้แหละ”

......

ในเวลานี้ เขากำลังอยู่ในการตรัสรู้

เขาก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ตัวอักษรเปล่งแสงสีทองบนใบไม้นั้นเข้าสู่กลางหน้าผากของเขาแล้ว มันก่อเป็นทักษะขึ้นในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งชื่อของทักษะนี้ก็คือ 《ก้าวเดียวสู่สวรรค์》

พูดง่ายๆก็คือ มันคือวิธีการเดินศักดิ์สิทธิ์แบบหนึ่งนั่นเอง

เยี่ยชิวบรรลุถึงทักษะนี้อย่างรวดเร็ว แต่ว่า ระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ยังอ่อนแอ เขาทำได้เพียงแค่หนึ่งก้าวสิบลี้เท่านั้น

ตามบันทึกของการฝึกพลัง เมื่อฝึกถึงจุดสูงสุดของขั้นแกนทอง จะสามารถบรรลุถึงหนึ่งก้าวสิบลี้ได้

จุดสูงสุดของต้งเทียน บรรลุถึงหนึ่งก้าวร้อยลี้

จุดสูงสุดของหยวนอิง บรรลุถึงหนึ่งก้าวพันลี้

ถ้าหากว่าพลังยุทธ์บรรลุถึงขั้นทงเสิน ก็จะสามารถบรรลุหนึ่งก้าวสู่สวรรค์

ที่เรียกว่าหนึ่งก้าวสู่สวรรค์ ถ้าพูดเช่นนี้อาจจะดูเป็นนามธรรมไปซักหน่อย ความจริงแล้วนักปราชญ์แค่ใช้เป็นกลอุบาย เมื่อใช้มันก็จะสามารถไปถึงทุกที่ที่ต้องการจะไปได้

ชื่อย่อคือ พลังจิตเคลื่อนย้ายพริบตา!

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของทักษะนี้นั่นก็คือ จะทำให้ไม่สิ้นเปลืองพลังชี่อีกด้วย ด้วยระดับการฝึกฝนของเยี่ยชิวในตอนนี้ เขาสามารถใช้หนึ่งก้าวสิบลี้ได้มากกว่าสิบครั้ง

“ทักษะนี้ก็คือ อาวุธวิเศษหนีตาย”

“มีสิ่งนี้ไว้เพื่อเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู แม้ว่าจะต่อสู้ไม่ชนะ แต่ก็ยังหนีเอาชีวิตรอดได้”

“รอวันที่พลังยุทธ์ของฉันถึงขั้นทงเสินเมื่อไหร่ ฉันจะลองไปสำนักอาจารย์หยินหยางดู”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ