อมตะชางเหม่ยมองเห็นตัวอักษร "มรดกที่สาม" ขนาดใหญ่ที่เปล่งประกายปรากฏบนก้อนหินพร้อมกับเห็นกล่องไม้กล่องหนึ่งที่อยู่ในมือของเยี่ยชิวก็เข้าใจได้ทันทีและโกรธจนตะโกนด่าทอออกไป
"เยี่ยชิวนะเยี่ยชิว โกหกพวกเราว่าอันตราย แต่ตัวเองกลับหนีมาหาสมบัติ ไร้ยางอายสิ้นดี"
ขณะที่อมตะชางเหม่ยพูดนั้นก็ได้แย่งกล่องไม้ที่อยู่ในมือของเยี่ยชิวมาเปิดออกและพบว่าข้างในไม่มีอะไรอยู่เลยจึงได้พูดขึ้นว่า "เยี่ยชิว เจ้าได้มรดกไปแล้วเหรอ?"
เยี่ยชิวยิ้ม "เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?"
"มรดกคืออะไร? รีบเอาออกมาให้ข้าดูเดี๋ยวนี้" อมตะชางเหม่ยเร่งเร้าเยี่ยชิว
เยี่ยชิวกล่าว "ตำรายาสมุนไพรเล่มหนึ่งที่ข้างในมีบันทึกสูตรการปรุงกลั่นยาเอาไว้"
เดิมทีอมตะชางเหม่ยคิดว่าจะเป็นมรดกที่สำคัญและมีค่ามาก แต่เมื่อได้ยินที่เยี่ยชิวบอกว่าเป็นตำรายาสมุนไพรก็ทำให้ความโมโหของเขามลายหายไปและกล่าวขึ้นมา "เยี่ยชิว เรื่องนี้ข้าไม่โกรธเจ้าก็ได้ แต่ต่อไปหากเจ้าปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะได้สำเร็จละก็ เจ้าต้องแบ่งให้ข้าบ้าง"
"ไม่มีปัญหา" เยี่ยชิวตอบตกลงทันที
อมตะชางเหม่ยกล่าว "สุสานเทพนักปราชญ์นี้จะต้องยังมีมรดกอีกมากแน่นอน ไปกันเถอะ เรารีบเดินไปดูข้างหน้ากันเถอะ"
"เดี๋ยวก่อน" เยี่ยชิวพูดจบก็หยิบกระดาษและปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่างและวางลงไปในกล่องไม้ จากนั้นก็วางกล่องไม้กลับลงที่เดิม
อมตะชางเหม่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "เยี่ยชิวเจ้าร้ายกาจมาก หลังจากที่คนที่อยู่ข้างนอกเข้ามาเปิดกล่องไม้นี้และเห็นสิ่งที่เจ้าเขียนไป เกรงว่าพวกเขาจะต้องโกรธจนแทบบ้าอย่างแน่นอน"
เยี่ยชิวยิ้ม "ข้าเองก็อยากเห็นสีหน้าของพวกเขาตอนเปิดกล่องไม้นี้เหมือนกัน ไปกันเถอะ!"
ทั้งหมดต่างมุ่งหน้าเดินทางกันต่อไป
ป่าแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางมาก พวกเขาใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งชั่วยามถึงจะออกจากป่าแห่งนี้ได้
เมื่อมองออกไปก็พบว่ามีหุบเขาขนาดใหญ่เก้าลูกปรากฏอยู่ตรงหน้าเปรียบเสมือนมังกรที่ทอดตัวยาวอย่างน่าเกรงขาม
บริเวณจุดศูนย์กลางของหุบเขาทั้งเก้าลูกได้มียอดเขาเล็กๆ ที่มีความสูงกว่าพันเมตรอยู่แห่งหนึ่ง
ยอดเขาแห่งนี้มีสีม่วงและไม่ปรากฏมีพืชหญ้าเกิดขึ้นที่นั่น มันเปรียบเสมือนกับนายพลที่ถูกรายล้อมไปด้วยหุบเขาทั้งเก้าลูกโอบล้อมเอาไว้
"เป็นสถานที่ที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยมากเลย!"
อมตะชางเหม่ยกล่าวด้วยความตกตะลึง "หุบเขาทั้งเก้าเปรียบเสมือนกับมังกรเก้าตัวที่รายล้อมยอดเขาสีม่วงนั้นไว้ การก่อรูปแบบเช่นนี้เเสมือนการจัดตามหลักฮวงจุ้ย ยอดเขาสีม่วงนั่นเปรียบเสมือนกับถ้ำมังกร ถ้าเป็นในโลกมนุษย์ สถานที่แบบนี้จะต้องมียอดอัจฉริยะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน"
"ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็ ยอดเขาสีม่วงนั่นจะต้องเป็นสุสานของเทพนักปราชญ์อย่างแน่นอน"
"ข้างในจะต้องมีสมบัติมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน"
อมตะชางเหม่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้น "จะมัวชักช้าไม่ได้ เรารีบไปหาสมบัติกันเถอะ"
จากนั้นทุกคนต่างรีบมุ่งหน้าไปที่ยอดเขาสีม่วงอย่างรวดเร็ว
และเป็นไปตามที่อมตะชางเหม่ยกล่าวไป บริเวณเชิงเขาหุบเขาสีม่วงได้มีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง และบริเวณปากถ้ำทั้งสองข้างก็มีหินแกะสลักแปลกประหลาดของอันวางอยู่
มีเขากวางงอกออกมาที่หัว มีตัวเป็นสิงโตและมีหน้าเป็นคน
ที่ความสูงประมาณสามฟุต
พวกมันดูน่าเกรงขามด้วยแขนขาที่ดูน่ากำยำพร้อมกับปากอ้าที่เต็มไปด้วยเลือด มีสีหน้าเกรี้ยวกราดชั่วร้ายและดูเหมือนปีศาจนรกยังไงยังงั้น
เพียงแค่มองมันมันทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บสะพรึงกลัว
"นี่มันคือสัตว์ร้ายเฝ้าสุสาน!"
อมตะชางเหม่ยเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางและเมื่อเขาเห็นเข้าก็รู้ได้ทันที
"อมตะชางเหม่ย อะไรคือสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานเหรอ?" ลู่หลัวถาม
อมตะชางเหม่ยอธิบาย "ที่เรียกว่าสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานก็คือ มีสัตว์ประหลาดบางประเภทจะยืนเฝ้าอยู่ในสุสาน มีทั้งที่มีใบหน้าเป็นคนตัวเป็นสัตว์ และมีทั้งหน้าเป็นสัตว์ตัวเป็นคน"
"หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือประโยชน์ของสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานมีเพื่อทำให้สัตว์และวิญญาณผีต่างๆ เกรงกลัว และเพื่อป้องกันไม่ให้ศพของผู้ตายถูกรบกวน"
"ในโลกมนุษย์ มักพบเห็นสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานเฉพาะสุสานของจักรพรรดิและฮองเฮาเท่านั้น"
"แต่สัตว์ร้ายเฝ้าสุสานที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ ข้าเองก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน"
เยี่ยชิวเองก็รู้สึกประหลาดใจพร้อมกับเดินไปข้างหน้าสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานและนั่งยองลงเพื่อสังเกต
ทันใดนั้นเองเยี่ยชิวก็สังเกตเห็นว่าขาหลังของสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานมีกระดาษยันต์สีเหลืองแปะอยู่ ซึ่งดูเหมือนกับยันต์สะกดศพยังไงยังงั้น
"โฮ่........"
มีเสียงคำรามอย่างน่าสะพรึงดังออกมาจากปากของสัตว์ร้ายเฝ้าสุสาน ซึ่งได้ยินแล้วก็รู้สึกขนหัวลุก
จากนั้นก็เห็นสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ลำตัวของมันเล่นแสงเปล่งประกาย มันส่งเสียงคำรามออกมาและขณะเดียวกันก็ยกเท้าหน้าทั้งสองขึ้นเพื่อผงาดพลังที่น่าเกรงขามออกมา
ดวงตาทั้งสองข้างของมันใหญ่มาก มันก้มลงมองเยี่ยชิวและพวกที่ตอนนี้เปรียบเสมือนกับมดตัวเล็กๆ ยังไงยังงั้น
"โฮ่!"
สัตว์ร้ายเฝ้าสุสานคำรามอีกครั้งเสมือนกับต้องการบอกเยี่ยชิวและพวกว่าสัตว์อ่อนแอตัวเล็กอย่างพวกแก ยังไม่รีบคุกเข่ายอมจำนนต่อฉันอีกเหรอ?
เยี่ยชิวตกตะลึงอย่างมาก
สัตว์ร้ายเฝ้าสุสานเห็นว่าเยี่ยชิวไม่มีทีท่าจะทำอะไรก็รู้สึกโกรธและตะปบเท้าหน้าลงอย่างน่ายำเกรง
การเคลื่อนไหวของมันเหมือนเชื่องช้า มว่าพลังของมันกลับน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก พลังของมันเปรียบเหมือนภูเขาขนาดยักษ์ที่เข้ามากดทับจนเยี่ยชิวรู้สึกแทบหายใจไม่ออก
"แย่แล้ว พละกำลังของมันเหนือกว่าระดับขั้นต้งเทียนเสียอีก" นางฟ้าไป๋ฮวาร้องอุทานด้วยความตกใจ
อมะชางเหม่ยกล่าว "เยี่ยชิว รีบแปกยันต์กลับไปที่เดิมเร็วเข้า"
เยี่ยชิวรีบนำยันต์ไปแปะที่เท้าของสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานเหมือนเดิม วินาทีนั้น สัตว์ร้ายเฝ้าสุสานเหมือนถูกมนต์สะกดไว้ เท้าหน้าที่กำลังจะบดขยี้ลงมาก็ค้างกลางอากาศอยู่อย่างนั้น
ไม่เพียงเท่านั้น พละกำลังอันมหาศาลในร่างกายของมันก็มลายหายไปหมด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นั้นราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
อมตะชางเหม่ยหันไปพูดกับเยี่ยชิว "เจ้าไม่ยอมเชื่อคำพูดของข้า เป็นไงล่ะ ตอนนี้เจ้าเห็นความร้ายกาจของสัตว์ร้ายเฝ้าสุสานแล้วใช่ไหม!"
"ไปกันเถอะ" เยี่ยชิวไม่พูดอะไรอีกพร้อมกับเดินเข้าไปในถ้ำทันที
นางฟ้าไป๋ฮวาและคนอื่นต่างก็เดินตามเข้าไป เมื่อเข้าไปในถ้ำก็ทำให้เห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เปล่งประกายอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าไรนัก
"มรดกที่สาม!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...