ในความว่างเปล่า
สีหน้าของเซียวฉงโหลวและเหล่านักปราชญ์หลายคนต่างก็เปลี่ยนไป
ด้วยระดับพลังของพวกเขา ย่อมมองออกได้ทันทีว่า คางคกทองคำนั้นเพิ่งจะโตเต็มวัยเมื่อไม่นานนี้เอง
โดยทั่วไปแล้วเทพอสูรที่โตเต็มวัยจะมีพลังต่อสู้เทียบเคียงกับนักปราชญ์ได้ แต่คางคกทองคำตัวนี้กลับมีพลังต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นเอาชนะนักบุญใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
แทบจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
หากไม่ได้เห็นกับตา ใครจะกล้าเชื่อ?
แม้แต่อู่จี๋เทียนจุนก็ยังรู้สึกสนใจอยู่ไม่น้อย จึงเอ่ยถามเฉินเป่ยโต่วว่า "คางคกทองคำตัวนี้มีที่มาอย่างไร?"
เฉินเป่ยโต่วตอบด้วยความเคารพว่า “เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อน คนของตระกูลเฉินของข้าพบมันในพื้นที่หนองบึงแห่งหนึ่ง”
"ตอนนั้นคางคกทองคำนี้เพิ่งจะเกิดได้ไม่นาน แต่หนังหนาเนื้อแข็งทนทานต่อการโจมตีมาก แถมยังเชี่ยวชาญพื้นที่บริเวณหนองบึงนั้นเป็นอย่างดี ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนขั้นหยวนอิงสูงหลายคนทำอะไรมันไม่ได้เลย”
“ถึงขนาดที่บางคนได้รับบาดเจ็บเพราะพยายามจับคางคกทองคำตัวนี้”
“เมื่อจนปัญญา ในที่สุด พวกเขาจึงต้องส่งข่าวนี้กลับมายังตระกูล”
“เมื่อข้าได้ข่าว ก็รีบเดินทางไปยังหนองบึงทันที ตั้งใจจะจับเทพอสูรตนนี้ให้ได้”
“แต่ใครจะไปคิดว่า เมื่อมันถูกข้าจับได้แล้ว มันกลับไม่ยอมแพ้โดยง่าย แถมยังปากร้ายอย่างที่สุด ด่าข้าและบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของข้าไม่ขาดปาก…”
“ข้าโมโหมาก เลยลงโทษมันอย่างหนัก จนท้ายที่สุดคิดจะฆ่ามันทิ้ง”
“ใครจะไปคิดว่า ตอนที่ข้ากำลังจะฆ่ามัน หยุนซานกลับปรากฏตัวขึ้นและยืนกรานจะขอชีวิตของคางคกทองคำไว้ สุดท้ายถึงขนาดยอมแลกด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้น”
“ข้าเองก็คิดว่า สักวันหนึ่งถ้ามันเติบโตขึ้น คางคกทองคำนี่คงจะกลับมาแก้แค้นข้า ดังนั้น ข้าจึงคิดวางแผนเอาไว้”
“ตอนที่ส่งมอบคางคกทองคำให้กับหยุนซาน ข้าได้ปล่อยพลังแห่งดาบทิ้งไว้ในร่างมัน เพื่อทำลายเส้นลมปราณของมัน ให้กลายเป็นอัมพาต ทั้งยังคาดการณ์ได้ว่ามันคงไม่รอดเกินครึ่งปี”
เฉินเป่ยโต่วมองไปยังคางคกทองคำในค่ายกลสงครามจักรพรรดิพร้อมกล่าวว่า “หลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยเห็นมันอีก คิดว่ามันคงตายไปนานแล้ว แต่ใครจะไปคาดคิดว่า หยุนซานกลับช่วยชีวิตมันเอาไว้”
“ไม่เพียงช่วยชีวิตมันเอาไว้ แต่ยังเลี้ยงดูจนเติบโตเต็มวัยอีกด้วย”
เฉินเป่ยโต่วเอ่ยด้วยความเสียใจอย่างมากว่า “พลาดอย่างร้ายแรงนัก รู้แบบนี้ข้าคงลงมือฆ่ามันให้สิ้นซากเสียตั้งแต่แรก”
ในเวลาเดียวกัน ในใจของเฉินเป่ยโต่วรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ที่หยุนซานไม่ได้สั่งให้คางคกทองคำเล่นงานเขา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รอดแน่นอน
เมื่อเฉินเป่ยโต่วพูดจบ เซียวฉงโหลวก็กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ตอนแรกเจ้ายังบอกว่าเจ้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมันมิใช่หรือ?”
“ข้า...” เฉินเป่ยโต่วเงยหน้าขึ้น พบว่าเซียวฉงโหลวกำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
เซียวฉงโหลวไม่ออมคำด่าและเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าจัดการฆ่ามันไปเสียตั้งแต่แรก จะเกิดขึ้นเรื่องพวกนี้ขึ้นเหรอ? เจ้านี่มันไร้ประโยชน์!”
เจ้านั่นแหละที่ไร้ประโยชน์
เฉินเป่ยโต่วก้มศีรษะลง พลางบ่นด่าในใจ
เซียวฉงโหลวกังวลว่า ผู้อาวุโสระดับนักบุญใหญ่ของเขาอาจพลาดท่า จึงกล่าวขึ้นว่า “เทียนจุน ข้าเกรงว่าคนของข้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น ข้าว่าน่าจะเรียกเขากลับมาก่อนดีกว่า!”
"ไม่ได้!” เฟิงว่านหลี่ยังพูดแทรกขึ้นก่อนที่อู่จี๋เทียนจุนจะทันตอบ “ผู้แข็งแกร่งระดับนักบุญใหญ่ที่เกรงกลัวคางคกเพียงตัวเดียว ไม่เพียงทำให้สำนักปู่เทียนเสื่อมเสียเกียรติ แม้แต่พวกเราก็จะอับอายไปด้วย”
“พี่เฟิงพูดถูกต้อง” ปราชญ์หวงกู่พูดเสริมขึ้น “แค่คางคกตัวเดียว ต่อให้มีฝีมือบ้าง จะสำคัญอะไร?”
ปราชญ์ฮุ่นตุ้นก็กล่าวตาม “ใช่แล้ว ต่อให้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ย่อมไม่อาจเก่งกาจเท่ามนุษย์อยู่ดี ท่านปราชญ์ไท่เชิงเห็นว่าอย่างไรบ้าง?”
ปราชญ์ไท่เชิงที่ถูกถามนั้น ดูเหมือนกำลังใจลอย
เพราะเหตุการณ์ที่เยี่ยอู๋ซวงเข้าสู่พื้นที่เทพไท่ชูเพียงลำพัง เรื่องนี้ทำให้เขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง เขาได้ส่งข่าวถึงหลี่ชางชิง จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีการตอบกลับมา
"ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร? ชางชิงจะกลับไปทันหรือไม่? หรือเยี่ยหวู่ซวงถูกสังหารไปแล้วหรือยัง?”
ปราชญ์ฮุ่นตุ้นเห็นปราชญ์ไท่เชิงเงียบไป จึงยกข้อศอกสะกิดพร้อมพูดขึ้นว่า “ปราชญ์ไท่เชิง ท่านคิดอะไรอยู่?”
ปราชญ์ไท่เชิงได้สติกลับมาและรีบพูดว่า “ไม่ได้คิดอะไรหรอก ท่านมีอะไรหรือ?”
ปราชญ์ฮุ่นตุ้นกล่าวว่า "ท่านผู้นำเซียวบอกว่าอยากจะเรียกตัวผู้อาวุโสท่านนั้นกลับมา ท่านคิดว่าอย่างไร?"
ปราชญ์ไท่เชิงตอบทันที "แน่นอนว่าไม่ควรเรียกกลับมา คางคกตัวหนึ่งจะดิ้นรนไปได้นานสักแค่ไหน?"
“เจ้าจะต้องตาย!”
นักบุญใหญ่ตะโกนเสียงดัง เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ทองสัมฤทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลได้ทะยานเข้าหาคางคอทองคำเพื่อจะบดขยี้มัน
“เจดีย์แค่นี้จะมาจัดการข้ารึ? ฝันไปเถอะ!”
ท่าทางของคางคกทองคำเต็มไปด้วยความมั่นใจ ยกหมัดทองคำทั้งสองขึ้นอย่างเข้มแข็ง แล้วตะโกนว่า “หมัดคางคก!”
ต้องขอบอกว่า ท่าทางการออกหมัดของมันดูตลกมาก ราวกับตัวตลกที่กำลังแสดงอยู่ แต่พลังหมัดนั้นกลับมหาศาล
หมัดทองคำพุ่งออกไป ต่อยใส่เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ทองสัมฤทธิ์
“ฟุบ!”
หมัดแรกที่ปะทะเข้ากับเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ทองสัมฤทธิ์ ทำให้มันพังทลายลงทันที
“อะไรน่ะ?”
นักบุญใหญ่ตกใจจนสะดุ้ง ยังไม่ทันได้คิดอะไร หมัดที่สองของคางคกทองคำก็ตามมาอีก
“โครม!”
หมัดที่สองพุ่งตรงไปที่หน้าอกของนักบุญใหญ่ เจาะทะลุร่างของเขาเกิดเป็นรู ก่อนที่ร่างจะระเบิดเป็นชิ้นๆ
ทันใดนั้นแก่นวิญญาณของนักบุญใหญ่ก็แปรสภาพเป็นแสงสายหนึ่ง พุ่งขึ้นไปในอากาศ ต้องการหนีไปยังเรือรบทองสัมฤทธิ์
อย่างไรก็ตาม คางคกทองคำกลับมีความเร็วมากกว่า มันยื่นกรงเล็บทั้งสองออกไปในอากาศ แล้วจับแก่นวิญญาณของนักบุญใหญ่ไว้ในมือ
“ปล่อยเขาซะ!” เซียวฉงโหลวตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
แต่ใครจะคิดว่า คางคกทองคำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของเขา สองกรงเล็บบีบเข้าหากันอย่างรุนแรง
“ฟุบ!”
แก่นวิญญาณของนักบุญใหญ่ระเบิดเป็นเศษซากในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...