และผลก็เป็นตามที่เยี่ยชิวคาดไว้ สองชั่วโมงต่อมา เจ้าเมืองหลายสิบคนก็ถูกอมตะชางเหม่ยมอมเหล้าจนลุกไม่ไหว
“ฮิฮิ ข้าเป็นคนสอนพวกเจ้าเล่นเอง กฎข้าก็เป็นคนกำหนดเอง ถ้าพวกเจ้าไม่เมา แล้วใครจะเมากันล่ะ”
อมตะชางเหม่ยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะและมองเห็นเหล่าเจ้าเมืองกำลังนอนเมาอยู่บนพื้น เขาพูดด้วยความบ้าคลั่งว่า “มีใครอีกไหม”
“มีใครอีกรึเปล่า”
“มีอีกไหม”
ถามสามรอบ แต่ไม่มีใครตอบกลับมาเลย
“ฮึ่ม ไอ้พวกขยะ พวกแกอยากให้ข้าเมานักใช่ไหมล่ะ แล้วทำได้หรือเปล่าล่ะ พวกเจ้ามีความสามารถมากพอหรือเปล่า”
อมตะชางเหม่ยพูดจาฮึกเหิม เขาเงยหน้ายกจอกเหล้าเข้าปากแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้มีช่วงเวลาดีๆแบบนี้มานานแล้ว พอใจชะมัดเลย”
"จู่ๆข้าก็นึกบทกลอนออกมาได้บทหนึ่งล่ะ"
จากนั้น เขาก็เริ่มส่ายหัวส่ายหน้าพลางร่ายบทกลอนออกมา
“มาถึงยอดชิงอวิ๋น หวังเมามายกลายเป็นเซียน”
“เอนกายใต้ต้นสนเก่า ปล่อยเมฆขาวคลุมครึ่งกาย”
เยี่ยชิวประหลาดใจเล็กน้อย เพราะบทกลอนของไอ้แก่รอบนี้พัฒนาขึ้นมาก อย่างน้อยก็ดีกว่าบทกลอนไร้สาระที่เขาเขียนออกมาก่อนหน้านี้
แม้ว่ากลอนบทนี้จะเป็นบทกลอนไร้สาระเช่นกันก็ตาม
“เป็นบทกลอนที่ยอดเยี่ยมมาก!” หยางเทียนจุนตบโต๊ะกล่าวชื่นชมในบทกลอนบทนั้น
นั่นทำให้อมตะชางเหม่ยยิ่งได้ใจใหญ่ เขาจึงกล่าวว่า "งั้นข้าจะแต่งกลอนเพิ่มอีกสักบทนึงก็แล้วกัน"
“ชื่อเสียงเกียรติยศ ข้าขอโยนทิ้งไปให้ไกล ไม่ใยดีเส้นทางขุนนาง เลิกสนใจมันตั้งนานแล้ว วันนี้ข้ามาถึงนิกายชิงอวิ๋น เพียงอยากหาเมียดีๆ สักคน”
ฮ่าๆๆ……
ผู้คนทั้งงานต่างหัวเราะกันใหญ่
มาแล้ว มาแล้ว รูปแบบที่คุ้นเคยกลับมาแล้ว
เยี่ยชิวอดกลอกตาไม่ได้
“ผู้อาวุโส ท่านคิดอย่างไรกับบทกลอนนี้” อมตะชางเหม่ยถาม
จื่อหยางเทียนจุนกล่าวว่า "เป็นกลอนที่ดี เป็นกลอนที่ดี"
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ข้าเลยว่าจะแต่งบทกลอนอีกสักบทหนึ่ง โปรดตั้งใจฟังด้วย...”
อมตะชางเหม่ยเริ่มร่ายบทกลอนขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกัน เยี่ยหวู่ซวงก็พาเยี่ยชิวออกมานั่งเล่นที่มุมหนึ่ง
“ชิวเอ๋อร์ ลูกดื่มไปเยอะแล้ว ไม่เป็นไรใช่ไหม” เยี่ยหวู่ซวงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ” เยี่ยชิวมองไปที่เยี่ยหวู่ซวงที่เมาเต็มที่แล้วพูดว่า “พ่อครับ พ่อเองก็ดื่มไปไม่น้อยเลย ยังไม่เมาใช่ไหมครับ ”
เยี่ยหวู่ซวงหัวเราะแล้วตอบไปว่า “ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไงพ่อก็เป็นปราชญ์นะ ไม่ว่าดื่มเหล้าเป็นร้อยขวดก็เหมือนดื่มน้ำเปล่านั่นแหละ”
หึ โดนพ่อจับได้จนได้
เยี่ยหวู่ซวงนอนเอนหลัง เท้าแขนลงกับพื้นและบอกว่า "พ่อไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มานานแล้วล่ะนะ"
เมื่อเยี่ยชิวที่ได้ยินดังนั้นก็อดหันไปมองไม่ได้ เมื่อเขาเห็นผมขาวแถวขมับของเยี่ยหวู่ซวงก็อดใจหายไม่ได้ "พ่อ เหนื่อยมากเลยสินะครับ"
เยี่ยหวู่ซวงส่ายหัว "พ่อไม่เหนื่อยเลยสักนิด เพราะอย่างน้อยพ่อก็ได้เจอลูก...ชิวเอ๋อร์ ลูกรู้สึกว่างานฉลองคืนนี้เหมือนกันงานฉลองในวันตรุษจีนของโลกมนุษย์บ้างไหม "
เยี่ยชิวเข้าใจความรู้สึกของเยี่ยหวู่ซวงทันทีจึงถามไปว่า "พ่อคิดถึงแม่ไหม"
“อืม” เยี่ยหวู่ซวงกล่าว “ในปีนั้น ตอนที่พ่อยังอยู่ในโลกมนุษย์ พ่อเป็นหนี้จิงหลานหลายอย่าง ผ่านมาหลายปี พวกคุณสองแม่ลูกคงต้องพึ่งพากันและกันมากมาย ครอบครัวเราเป็นหนีจิงหลานมากมายเลยล่ะ”
“แต่ตอนนี้พวกเราได้มาพบกันอีกครั้งในฐานะพ่อและลูก แถมยังได้มาร่วมกินดื่มกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่นี้อีก แต่กลับต้องปล่อยแม่ของลูกโดดเดี่ยวอยู่ที่โลกมนุษย์คนเดียว.....”
“แถมยังไม่รู้อีกว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง”
เยี่ยชิวจึงปลอบใจเขา “พ่อ พ่อคิดผิด แม่ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย”
“มีทั้งพี่หลิน พี่ปิง เสี่ยวเสวี่ย และเจ้าตัวน้อยหรูอี้คอยอยู่เป็นเพื่อแม่ด้วย ตอนนี้แม่คงกำลังสนุกอยู่เหมือนกัน”
“วางใจเถอะครับ ผมเชื่อว่าเราคงจะอยู่ที่นี้กันไม่นาน เดี๋ยวก็ได้กลับไปหาแม่ที่โลกมนุษย์กันแล้วครับ”
“ตอนนี้ สิ่งที่ผมต้องทำอีกอย่างก็คือการค้นหาดวงชะตาของกฎแห่งสวรรค์ให้เจอ แล้วกลายเป็นจักรพรรดิเซียนให้ได้ในร้อยปี”
น้ำเสียงของเยี่ยชิวหนักแน่น และเห็นได้ชัดว่าความกดดันของเขามีไม่น้อยเลยทีเดียว
เยี่ยหวู่ซวงตบไหล่เยี่ยชิวเพื่อให้กำลังใจเขา “ชิวเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าเมื่อไหร่ พ่อจะคอยสนับสนุนลูกเสมอ”
“ครับ” เยี่ยชิวตอบไปว่า “พ่อ ขอบคุณครับ”
“พ่อเป็นพ่อของลูกนะ จะเกรงใจพ่อไปทำไม” เยี่ยหวู่ซวงบอกกับเขา “พอเรื่องต่างๆที่นี้เรียบร้อยดีแล้ว พวกเราก็กลับโลกมนุษย์กันเถอะ ถึงตอนนั้นก็ยกขันหมากไปขอแต่งงานกับแฟนของลูก มีลูกมีหลาน พ่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตให้มีความสุขกับแม่ของลูก”
“ไม่มีปัญหา” เยี่ยชิวตอบรับทันที
ในโลกนี้แม้ว่าจะมีความงามอยู่เคียงข้างเขา แม้ว่าจะไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ที่จะควบคุมเขา และแม้ว่าเขาจะมีเพื่อนมากมาย แต่สำหรับเยี่ยชิว เขากลับไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งเลย
ในโลกใบนี้ แม้จะมีสาวงามอยู่เคียงข้างเขา แม้ว่าจะไม่มีกฏข้อใดควบคุมเขาได้ แม้ว่าเขาจะมีเพื่อนมากมาย แต่เยี่ยชิวกลับไม่มความรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในโลกใบนี้เลย”
ในใจของเขา มีเพียงโลกมนุษย์เท่านั้นที่เป็นบ้านของเขา
……
ตอนเที่ยงคืน
งานเลี้ยงได้จบลงแล้ว
เจ้าเมืองบางคนที่เม้เหล้าก็ได้ถูกลูกศิษย์ของพวกเขาพาไปยังห้องนอนเพื่อพักผ่อน ส่วนเจ้าเมืองบางคนที่เมาเพราะกินเนื้อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ก็ทำได้เพียงข้ามผ่านสายฟ้าลงโทษให้ได้เท่านั้น
ในตอนที่อมตะชางเหม่ยถูกจิ่วเจี้ยนเซียนลากตัวออกไป เขาก็เอาแต่พึมพำไปเรื่อยว่า “ข้ายังดื่มไหว ข้ายังต้องเขียนบทกลอน.....”
ในคืนนี้ ที่ด้านนอก สวรรค์ลงโทษยังดำเนินต่อไปไม่หยุดทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา ส่วนในห้องของหยุนซีเองก็มีเสียงดังพอๆกัน เสียงเหล่านั้นเป็นเสียงของการต่อสู้ที่ดังไม่หยุดหย่อนค่อนคืน และเสียงดังร่ำร้องเหมือนสะอื้นไห้
เยี่ยชิวพุ่งเข้าใส่ด้วยพลังทั้งหมดที่มี สังหารผู้คนที่ขวางทาง
โดยมีบทกลอนเป็นหลักฐาน
ไฟส่องสามยามกลางค่ำคืน ไก่ขันห้าค่ำสัญญาณรุ่ง ยามนี้ชายหนุ่มต้องหมั่นเพียร พากเพียรสุดแรงมิหยุดยั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...