วันถัดมา
เยี่ยชิวตื่นแต่เช้า ในขณะที่นางฟ้าไป๋ฮวาและหยุนซีเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมร่วมกันทั้งคืนทำให้ตอนนี้พวกเธอยังคงหลับอยู่
พอเยี่ยชิวออกมาจากห้องก็มองเห็นลู่หลัวทันที
“คุณชายเยี่ย ตื่นแล้วเหรอ รีบมาดื่มซุปแล้วเข้า” เด็กหญิงตัวน้อยรีบโบกมือด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอเจอเยี่ยชิว
ใบหน้าของเยี่ยชิวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เช้าๆแบบนี้ไม่ควรกินโจ๊กไม่ใช่หรือไง”
“ซุปอะไรงั้นหรอ” เยี่ยชิวถาม
“ซุปจับช้วงต้าโป้วทึงน่ะ” ลู่หลัวพูดต่อว่า “เมื่อคืนคงเหนื่อยมาก เพราะงั้นก็ต้องบำรุงกันเสียหน่อย”
เยี่ยชิว “.....”
เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนจะรู้มากเหมือนกันนะเนี่ย
“คุณชายเยี่ย ถ้าไม่ได้เป็นการรบกวนมากเกินไป ท่านช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่” ลู่หลัวถาม “รอบหน้าท่านช่วยอ่อนโยนหน่อยได้ไหม ข้ากลัวว่าร่างกายของกงจู่จะรับไม่ไหว แต่ถ้าหากท่านยังไม่พอใจ ท่านสามารถเรียกข้าเข้าไปแบ่งเบาภาระของกงจู่ได้ เพราะข้านั้นเป็นถึงสาวใช้คนสนิทของนาง”
พูดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
นี่คุณอยากโดนแทงหรือไง
ในขณะที่เยี่ยชิวยังคงตกตะลึงอยู่ นางสาวคนนั้นก็ได้วิ่งหนีออกไปแล้ว
“ทำไมเด็กน้อยคนนี้ถึงได้กระตือรือร้นกับเรื่องแบบนั้นขนาดนั้น” เยี่ยชิวหยิบซุปขึ้นมาทานรวดเดียว จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่สวนหลังตำหนักแล้วเจอเข้ากับเจ้าวัวต้าลี่
“ท่านอาจารย์!”
ทันทีที่เจ้าวัวต้าลี่เจอเยี่ยชิว เขาก็รีบทำความเคารพทันที
เยี่ยชิวจึงได้พูดออกมาว่า “ฉันได้ยินมาจากซีเอ๋อร์ว่าเมื่อคืนคุณดื่มไปไม่น้อยเลย ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เจ้าวัวต้าลี่เกาหัวพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรขอรับ”
เยี่ยชิวจึงได้ถามไปว่า “ที่คุณเมาขนาดนั้นก็เพราะไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองล่ะสิ ฉันพูดถูกไหม”
“สุดท้ายก็ไม่สามารถปิดบังอะไรจากท่านอาจารย์ได้เลยจริงๆ แม้กระทั่งเหตุผลที่ข้าเมา” เจ้าวัวต้าลี่กล่าวต่อว่า “วันสำคัญอย่างวันฉลองของนิกายดาบชิงอวิ๋น ตัวข้าเองก็เป็นแค่ปีศาจตนนึง หากไปร่วมงานก็คงจะไม่สมควรสักเท่าไหร่”
“ถึงแม้ว่าท่านประมุขหยุนซานจะไม่สนใจ แต่ถ้าเกิดมีคนในงานเข้ามาหาเรื่องต่อสู้กับเผ่าปีศาจอย่างข้า ประมุขหยุนซานจะต้องลำบากใจแน่ๆ แล้วก็คงเป็นการทำลายความสนุกของทุกคนอยู่แน่ๆ”
“แล้วอีกอย่าง ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้จักเจ้าเมืองพวกนั้นสักเท่าไหร่ ต่อให้ไปก็ไม่รู้จะพูดอะไร นั่งอยู่ตรงนั้นน่าจะอึดอัดน่าดู”
เยี่ยชิวรู้สึกประหลาดใจนิดน้อย
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าวัวต้าลี่จะพูดออกมาแบบนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาสามารถนิยามนิสัยของเจ้าวัวต้าลี่ได้ด้วยคำเพียงแปดคำก็คือ ร่างกายแข็งแรง แต่จิตใจเรียบง่าย
แต่หลังจากที่เขาได้ฟังคำพูดของเจ้าวัวต้าลี่ เยี่ยชิวก็เริ่มรู้สึกว่าแท้จริงแล้วเจ้าวัวต้าลี่นั้นเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน
“ต้าลี่ หลังจากนี้ไม่ต้องทำแบบนั้นแล้วนะ ที่นิกายดาบชิงอวิ๋น แม้ว่าจะไม่ใช่เผ่าปีศาจก็ตามแต่ที่นี่ไม่มีใครเลือกปฏิบัติหรอก”
“แล้วก็ ตอนนี้นิกายดาบชิงอวิ๋นตอนนี้อยู่เหนือทุกนิกายในตงฮวงแล้ว อีกไม่นานผู้คนของเผ่าปีศาจก็จะสามารถออกจากหนานหลิ่ง และย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในตงฮวงได้แล้วนะ”
เยี่ยชิวยังคงพูดต่อว่า “ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งทุกๆคนจะอยู่ร่วมกันได้ จะไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่ว่าจะเผ่าปีศาจ เผ่าอสูร หรือเผ่ามนุษย์ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”
เจ้าวัวต้าลี่ชะงักไปครู่นึง “นี้....สามารถทำได้จริงหรือขอรับ”
“แล้วทำไมถึงทำให้เป็นจริงไม่ได้ล่ะ” เยี่ยชิวตอบกลับทันควัน “ต่อให้คนอื่นไม่คิดจะสนับสนุนเรื่องแบบนี้ แต่ฉันสนับสนุนเต็มที่ ถ้าเกิดไม่มีใครทำได้ ในอนาคตฉันจะเป็นคนทำมันเอง”
“ฉันจะทำให้ทุกเผ่าพันธุ์บนโลกนี้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ”
หลังจากคำพูดนั้นจบลง
“เปรี้ยง!”
บนท้องฟ้าก็เกิดเสียงฟ้าร้องอย่างอึกทึกครึกโครมราวกับได้ยินความปรารถนาของเยี่ยชิว
เจ้าวัวต้าลี่ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงประทับใจ “ท่านอาจารย์ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ข้าพร้อมจะสนับสนุนท่านเสมอ”
ในจังหวะเดียวกัน
จิ่วเจี้ยนเซียนก็ได้โผล่ออกมาที่สวนด้านหลังแล้วพูดว่า “คุณชายเยี่ย ผู้อาวุโสสูงสุดกับท่านประมุขเชิญท่านไปปรึกษาหารือกันในตำหนัก พวกเขาทั้งคู่จะรอท่านอยู่ที่ห้องโถงพิธีการใหญ่ แล้วก็ ผู้อาวุโสสูงสุดมีคำเชิญพิเศษลงมาว่าให้เชิญผู้อาวุโสวัวและชางเหม่ยเต้าจ่างมาเข้าร่วมด้วย
เยี่ยชิวจึงถามเจ้าวัวต้าลี่ว่า “ ไอ้แก่นั้นมันตื่นหรือยัง”
ชีวิตของข้าคงจบลงแค่นี้แล้วใช่ไหม
แถมเจ้าคางคกตัวนั้นเองก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้สักเท่าไหร่
“ผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าสามารถเปลี่ยนคนสอนให้ข้าได้หรือไม่” อมตะชางเหม่ยถามออกไปด้วยสีหน้าหดหู่
จื่อหยางเทียนจุนส่ายหน้าแล้วบอกว่า “มิได้”
ทันทีที่ตอบกลับมา อมตะชางเหม่ยก็ห่อเหี่ยวและไร้เรี่ยวแรงเหมือนปลาขาดน้ำ
เยี่ยชิวจึงได้พูดปลอบใจไปว่า “ไอ้แก่ แกควรจะพอใจนะ คางคกทองคำน่ะมีพลังเทียบเท่ากับนักบุญใหญ่ ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์ขอร้องมา ต่อให้แกคุกเข่าขอร้อง เขาก็ไม่สนใจแกอยู่ดี”
อมตะชางเหม่ยพูดพึมพำว่า “ข้าจะยินดีมากกว่าหากเขาไม่สนใจข้า”
ในเวลานั้น สายตาของจื่อหยางเทียนจุนก็มองไปยังเจ้าวัวต้าลี่แล้วถามออกไปว่า “เจ้าวัวต้าลี่ เจ้าอยากจะฝึกวิชาของเผ่ามนุษย์บ้างหรือไม่”
หลังจากได้ยินประโยคนั้น เยี่ยชิวกับอมตะชางเหม่ยต่างสนใจในคำตอบ
หรือว่า ท่านอาจารย์อยากจะสอนวิชาให้แก่เจ้าวัวต้าลี่กันนะ
เจ้าวัวต้าลี่เองก็สับสนเล็กน้อยจึงได้ถามกลับไปว่า “พวกอาวุโส ข้า....เรียนได้เหรอ”
จื่อหยางเทียนจุนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “เพียงแค่เจ้ายินยอม ข้าก็พร้อมที่จะสอนวิชาของมนุษย์ให้กับเจ้า”
เจ้าวัวต้าลี่รีบตอบโดยไม่มีความลังเลใดๆ “ข้ายินยอม”
“งั้นก็ดี เดี๋ยวข้าจะสอนวิชาเหล่านี้ให้กับเจ้าในภายหลังเอง” จื่อหยางเทียนจุนยังกล่าวต่ออีกว่า “เยี่ยชิว ท่านเป็นผู้มีวิชามากมาย ข้าไม่มีอะไรจะสอนท่านได้ เส้นทางภายภาคหน้าของท่าน ท่านต้องเป็นคนเลือกเอง”
“แล้วก็หวู่ซวง เจ้าเองก็ต้องรีบเลื่อนระดับพลังยุทธได้แล้ว”
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือน”
“ภายใน 1 เดือนนี้ เยี่ยชิวต้องมีระดับพลังขั้นทงเสินให้ได้ หวู่ซวง เจ้าเองก็ต้องเลื่อนระดับพลังไปเป็นขั้นนักบุญใหญ่ให้ได้”
“เมื่อถึงกำหนด ข้าจะพาพวกคุณไปยังสถานที่สืบทอดวิชาที่สืบทอดต่อกันมาของนิกายดาบชิงอวิ๋น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...