บนเวทีประลอง
จูเก๋อเฉาหยางมองเยี่ยชิวด้วยท่าทางกำเริบเสิบสานแล้วถามว่า :“เจ้าคิดจะแข่งยังไง?”
เยี่ยชิวกล่าวว่า:“ง่ายมาก ใครที่ปรุงยาวิญญาณได้ระดับสูงกว่า คนนั้นก็ชนะ”
“ถ้าระดับของยาวิญญาณเท่ากัน ก็ให้ดูที่จำนวนว่าใครปรุงได้มากกว่า”
“แน่นอน นี่คือการประลอง ดังนั้นต้องกำหนดเวลาจำกัด”
“เราจะใช้เวลา หนึ่งชั่วยาม เป็นขอบเขตการแข่ง ดีไหม?”
“ไม่มีปัญหา” จูเก๋อเฉาหยางตอบตกลงทันที
เขามั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ปกติเขาไม่จำเป็นต้องใช้เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาด ก็สามารถปรุง ยาวิญญาณระดับสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย หากใช้เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาดนั้น เขายิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าจะสามารถปรุงยาวิญญาณระดับสวรรค์ชั้นสูง ได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม
ถ้าหากมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย… เขาก็สามารถปรุงยาวิญญาณระดับสวรรค์ชั้นยอดได้เช่นกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เริ่มกันเถอะ!” เยี่ยชิวกล่าว
“ไม่ใช่ว่าเราควรเริ่มพร้อมกันเหรอ?” จูเก๋อเฉาหยางถาม
“เจ้าเริ่มก่อนเลย ข้าค่อยเริ่มทีหลัง” เยี่ยชิวยิ้มตอบ
“วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่า อะไรคือปรมาจารย์ยาที่แท้จริง” จูเก๋อเจาหยางพูดจบ ก็ประสานมือร่ายมุทราทันที
ในชั่วพริบตา เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาดก็ลอยขึ้นจากพื้นอย่างน่าอัศจรรย์
“ฟู่——”
จากนั้น ฝ่ามือของจูเก๋อเจาหยางพลันปรากฏเปลวเพลิงสีน้ำเงินเย็นเยียบ เขาตวัดมืออย่างรวดเร็ว ส่งเปลวไฟนั้นเข้าไปในเตาหลอมทันที
ทันใดนั้น เปลวไฟลุกโชนอย่างรุนแรงก็ปรากฏขึ้นใต้เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาด
เยี่ยชิวรู้สึกได้ถึงกระแสคลื่นความร้อนที่แผ่ซ่านออกมา
“เจ้าหนูนี่...อุปกรณ์กลั่นยาครบครันทีเดียว”
“เปลวไฟพิเศษระดับสวรรค์ เตาหลอมล้ำค่าไร้เทียมทาน”
“อายุยังน้อยแท้ ๆ แต่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!”
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยชิวยังสังเกตเห็นว่า จูเก๋อเจาหยางนั้นมีทักษะการควบคุมเปลวไฟที่ประณีตและแม่นยำ
จูเก๋อเจาหยางไม่สนใจเยี่ยชิวอีกต่อไป เขาหยิบสมุนไพรออกมาทีละต้น โยนลงไปในเตาหลอม จากนั้นก็เริ่มจดจ่อกับการกลั่นยาอย่างจริงจัง
“ฟิ้ว!”
เยี่ยชิวสะบัดฝ่ามือลงไปข้างล่างเวที ทันใดนั้น เก้าอี้ตัวหนึ่งก็ลอยขึ้นมาบนเวที จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ เอนกายไขว่ห้างอย่างสบายใจ
ต่อจากนั้น ไม่รู้ว่าเขาไปควักเอาเมล็ดแตงโมจากที่ไหนออกมา เริ่มแกะกินอย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับดูจูเก๋อเจาหยางกลั่นยาไปอย่างใจเย็น
ท่าทีของเขานั้นทำเอาผู้ชมด้านล่างเวทีต่างพากันตาค้าง ตะลึงถึงกับพูดไม่ออก
“บ้าเอ๊ย! คุณชายเยี่ยจะเล่นอะไรอีกเนี่ย?!”
“จูเก๋อเจาหยางเริ่มไปแล้ว ทำไมคุณชายเยี่ยยังไม่เริ่มอีกล่ะ?”
“หรือว่าคุณชายเยี่ยตั้งใจจะยอมแพ้?”
“แบบนี้ไม่ได้นะ! ถ้าคุณชายเยี่ยยอมแพ้ แล้วใครจะมาเป็นราชบุตรเขยขององค์หญิงต้าโจวกันล่ะ?”
“ข้าเป็นเอง”
ไม่ไกลนัก เว่ยอู่ซินแอบพูดในใจ
เขามองไปยังเยี่ยชิวที่อยู่บนเวที แล้วพูดอย่างดูแคลนว่า “ฮึ! แค่เรียกร้องความสนใจ”
อีกด้าน คู่แข่งตำแหน่งราชบุตรเขยคนอื่น ๆ ก็กำลังถกเถียงกันอย่างเมามัน
“ในสายตาข้า การประลองครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องจัดขึ้นเลย เห็นได้ชัดว่าเยี่ยฉังเซิงกลั่นยาไม่เป็น”
“ใช่ ถ้าเขากลั่นยาเป็น เขาก็คงไม่มานั่งแกะเมล็ดแตงโมกินแบบนั้นหรอก!”
“กล้าแข่งกลั่นยากับจูเก๋อเจาหยาง ก็เหมือนกับกอดเสือเฒ่าแล้วร้องขอความช่วยเหลือ—หาที่ตายชัด ๆ”
“เยี่ยฉังเซิง! เลิกทำตัวขายขี้หน้าอยู่บนเวทีสักที รีบไสหัวลงมาเดี๋ยวนี้!”
“เยี่ยฉังเซิง! อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย ยอมแพ้ซะเถอะ!”
“……”
เสียงด่าทอถากถางดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
แล้วยังตอนอยู่ตงฮวงก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นฉีเทียน หรือเฉินเทียนมิ่ง ใครเล่าที่ไม่ใช่อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบ?
สุดท้ายก็ถูกเยี่ยชิวเหยียบไว้ใต้เท้าเหมือนกัน
“ถ้าเจ้าเด็กเปรตคือจันทราอันเจิดจ้า เจ้าพวกอัจฉริยะที่เหลือก็เป็นแค่ดวงดาวที่ล้อมรอบมันอยู่ตลอดไปก็เท่านั้นแหละ”
อมตะชางเหม่ยแอบถอนหายใจ : “ไม่ว่าใครก็ตามที่กิดมาในยุคเดียวกับเจ้าเด็กเปรตนั่น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความน่าเศร้าที่อันสุดซึ้ง”
……
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละวินาที
พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วยาม
บนเวที เยี่ยชิวยังคงนั่งแกะเมล็ดแตงโมสบายใจอยู่บนเก้าอี้ ในขณะที่เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาดของจูเก๋อเจาหยาง เริ่มมีกลิ่นหอมของโอสถลอยออกมาเบา ๆ
เห็นได้ชัดว่า จูเก๋อเจาหยางใกล้จะสำเร็จแล้ว
เสียงถกเถียงโต้เถียงกันอย่างอื้ออึงใต้เวที
“ผ่านไปตั้งครึ่งชั่วยาม ทำไมเยี่ยฉังเซิงถึงยังไม่เริ่มอีก!?”
“เยี่ยฉังเซิง! อย่าเสียเวลาเลย ยอมแพ้เถอะ!”
“ยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอายนะ!”
“เจ้านั่งหน้าด้านอยู่บนเวทีไม่ทำอะไรเลยเช่นนี้ต่างหากที่น่าอาย!”
เยี่ยชิวคายเปลือกเมล็ดแตงโมออกมา ก่อนมองลงไปที่เวทีด้านล่างแล้วกล่าวขึ้นว่า : “เวลายังไม่หมด การแข่งขันก็ยังไม่รู้ผล พวกเจ้าร้อนรนอะไรกันนักหนา?”
“หรือถ้าหากข้ายอมแพ้ พวกขยะอย่างพวกเจ้านะหรอที่จะเป็นราชบุตรเขยต้าโจว? ข้าแนะนำให้พวกเจ้าไปส่องดูหน้าตาตัวเองหน่อยเถอะ ฝีมือก็ไม่มี ยังกล้าทำตัวอวดดีอีก”
“ก็แค่กลั่นยาเองไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เริ่มก็ยังไม่สายนี้”
เยี่ยชิวพูดจบ สิ่งที่ตามมาคือเสียง “โครม!” ราวกับฟ้าร้อง
เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาดสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง แล้วกลิ่นโอสถที่เข้มข้นก็ลอยโชยออกมาทันที
วินาทีต่อมา
จูเก๋อเจาหยางเก็บเปลวไฟพิเศษขึ้น แล้วควักยาวิญญาณออกมาจากเตาสามเม็ด พร้อมประกาศว่า : “ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...