จูเก๋อเฉาหยางเห็นท่าทีของอมตะชางเหม่ย ดวงตาเบิกกว้าง ตะลึงจนพูดไม่ออก
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ข้าเตรียมจะใช้ไฟพิเศษเผาเจ้าแล้ว เจ้าไยจึงลงเวทีเสียล่ะ?
คนอื่นๆ เองก็ดูมึนงงไม่แพ้กัน
“เจ้าพรตเต๋าชรานี่มันเล่นตลกอะไรกันแน่?”
จูเก๋อเฉาหยางชี้ไปที่อมตะชางเหม่ยแล้วตะโกนว่า “เจ้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
อมตะชางเหม่ยหัวเราะร่า “แค่เจ้าบอกให้ข้าขึ้น ข้าก็ต้องขึ้นงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าคือใครกัน!”
จูเก๋อเฉาหยางหน้าแดงก่ำ ตะคอกถาม “เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
อมตะชางเหม่ยว่า “อะไรนะ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าต้องการอะไร? สมแล้วที่เป็นเด็กน้อย” “ข้าไม่สู้กับเจ้าแล้ว ข้ายอมแพ้!”
ยอมแพ้? นี่มันบ้าไปแล้ว!
ข้ายังรอจะจัดการเจ้าด้วยซ้ำ!
จูเก๋อเฉาหยางว่า “อย่าพูดไร้สาระ รีบขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
อมตะชางเหม่ยหัวเราะรื่น “ข้าอาวุโสกว่าเจ้า หากข้าฟาดเจ้าจนร้องไห้ขึ้นมา คนเขาจะหาว่าข้ารังแกเด็ก”
“อีกอย่าง ข้ากับเสี่ยวข่งถูกชะตากันแต่แรก หากข้าฟาดเจ้าจนร้องไห้ ข้าจะเอาหน้าไปพบหน้าเขาได้อย่างไร?”
ฟาดข้าร้องไห้?
เจ้ามีความสามารถนั้นหรือ?
พูดใหญ่พูดโตไร้ยางอาย!
จูเก๋อเฉาหยางโมโหจนมุมปากกระตุก ขู่กลับ “เจ้าพรตสวะ เจ้าดีที่สุดจะขึ้นมาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะไม่ไว้หน้าเจ้า!”
อมตะชางเหม่ยสบถ “ไอ้หนู เจ้าฟังภาษาคนไม่ออกหรือไง! ข้าบอกแล้วว่าข้ายอมแพ้ ยอมแพ้ เข้าใจไหม?”
พูดจบ อมตะชางเหม่ยก็เดินไปหลบหลังเยี่ยชิว แล้วว่า “ไอ้เด็กเปรต ต่อจากนี้เจ้าจัดการเองแล้วกัน!”
“ทำไมเจ้าไม่สู้ต่อ?” เยี่ยชิวถาม
ก็แน่นอน ถ้าสู้ต่อ ข้าอาจจะโดนไฟพิเศษเผาร่าง
มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะสู้!
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เอาชนะจูเก๋อเฉาหยางได้ ยังมีชินเจียง ชินเหอ เว่ยอู่ซินรออยู่อีก พวกนั้นล้วนยากจะรับมือ แม้ชนะได้ก็ต้องบาดเจ็บหนัก
ข้าไม่ได้มาแข่งขันแย่งตำแหน่งพระสวามี แล้วข้าจะต้องสู้เอาชีวิตไปเสี่ยงทำไม?
อมตะชางเหม่ยกล่าว “ข้าได้แสดงให้โลกเห็นถึงพลังของข้าแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสู้ต่อ”
“พวกขยะเหล่านั้น ข้าจัดการไปหมดแล้ว เหลือแต่นักสู้ไม่กี่คน เจ้าขึ้นไปเถิด!”
เยี่ยชิวคิดในใจ “ไอ้เฒ่านี่มันร้ายจริง รู้ว่าคู่ต่อสู้หลังจากนี้รับมือยาก เลยรีบถอยก่อน นี่แหละคือ กล้าถอยเมื่อคลื่นเชี่ยวกราก!”
จูเก๋อเฉาหยางไม่พอใจ ชี้หน้าอมตะชางเหม่ยตะโกน “เจ้าหมาพรต กลับขึ้นมานี่เดี๋ยวนี้!”
เจ้าไม่ขึ้นมา แล้วข้าจะใช้ไฟพิเศษได้อย่างไร?
ใช้ไม่ได้ ก็โชว์ให้ศิษย์น้องข้าดูไม่ได้!
ลุงซูกล่าวขึ้น “ตามกติกาการประลอง ผู้ใดลงเวที ถือว่ายอมแพ้ ไหนเลยหัวหน้านักพรตก็ยืนยันแล้วว่าเขายอมแพ้ ดังนั้น คู่ต่อสู้ของเจ้าครั้งนี้คือเยี่ยฉังเซิง”
“คุณชายเยี่ย เชิญ!”
เยี่ยชิวลุกขึ้นยืน
“พี่เยี่ย!” ข่งเทียนเซี่ยเห็นว่าเขาจะขึ้นเวที จึงเรียกไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“พี่ข่ง วางใจเถอะ สิ่งที่ข้าสัญญาไว้ จะไม่มีวันคืนคำ” เยี่ยชิวพูดจบ ก็เหินกายขึ้นสู่เวที
ทันทีที่เยี่ยชิวขึ้นเวที บรรยากาศทั้งสนามก็พลันร้อนแรงขึ้นมา
“คุณชายเยี่ย สู้ๆ!”
“ขอให้เจ้าชัยชนะตั้งแต่เปิดศึก!”
“พวกเราทุกคนเชื่อมั่นในตัวเจ้า!”
“…”
เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊แห่งแคว้นต้าโจว เปรียบดังแฟนคลับของเยี่ยชิว พากันตะโกนเชียร์สุดเสียง
จะเอาชนะข้า? ฝันไปเถอะ!
หลอมโอสถ ข้าไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด!
“ดี! ในเมื่อเจ้ามั่นใจนัก วันนี้ข้าจะให้เจ้ารู้ว่า อะไรคือ ปรมาจารย์โอสถ!”
จูเก๋อเฉาหยางพูดจบ ก็อัญเชิญเตาหลอมโอสถออกมา ฝาดลงบนพื้นเวทีจนสะเทือนเล็กน้อย
ในชั่วพริบตา ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังเตาหลอมนั้น
เตาหลอมโอสถสูงประมาณสามจั้ง สร้างขึ้นจากทองแดงแดง ผิวภายนอกสลักอักขระซับซ้อน อักขระแต่ละเส้นเรืองแสงสีแดงอ่อน ราวกับภาพวาดเคลื่อนไหวอยู่บนตัวเตา
ปากเตาเป็นรูปไข่ ขอบเรียบลื่น ฝาเตาฝังด้วยอัญมณีใสบริสุทธิ์ เปล่งแสงประกายต้องรับกับแสงจากอักขระรอบเตา ยิ่งขับให้ดูลึกลับและขรึมขลัง
ทั้งเตาหลอมเปล่งแสงแดงเข้มภายใต้แสงแดด ราวกับมีเพลิงนิรันดร์สุมอยู่ภายใน
“เตาหลอมนั่น ไม่เลวเลย” เว่ยอู่ซินเบิกตาเป็นประกาย
ขันทีวังเองก็จ้องตาไม่กะพริบ กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนแรง “เป็นสมบัติล้ำค่าระดับเซียน!”
เยี่ยชิวเองก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
แม้เขาไม่รู้ว่าเตาหลอมของจูเก๋อเฉาหยางมีชื่อว่าอะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังไม่ธรรมดาที่แฝงอยู่ในเตานั้น
“หนิงอัน เตาหลอมนั้นมีที่มาอย่างไร?” บนอัฒจันทร์ ฮ่องเต้ต้าโจวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
หนิงอันตอบ “นั่นคือ ‘เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาด’ อาจารย์เป็นผู้มอบให้ศิษย์พี่รองของข้า”
“อะไรนะ นั่นน่ะหรือคือเตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาด?” องค์ชายใหญ่ อู่ว่านโจวถึงกับตกตะลึง เอ่ยว่า “ในโลกแห่งการฝึกตน แม้จะมีสมบัติล้ำค่ามากมาย แต่เตาหลอมเทพเพลิงหมอกสีชาดจัดอยู่ในระดับแนวหน้า ไม่คาดคิดว่าอาจารย์จะมอบของล้ำค่าเช่นนั้นให้แก่จูเก๋อเฉาหยาง แสดงว่าเขาต้องโปรดปรานผู้นี้มากแน่”
หนิงอันยิ้ม
“อาจารย์ให้ความสำคัญกับศิษย์พี่รองอย่างมาก เพราะพรสวรรค์ในการหลอมโอสถของเขานั้น…ช่างน่าตกใจยิ่งนัก”
“แต่ปกติศิษย์พี่รองไม่ยอมใช้เตาหลอมนี้หรอก”
“ตอนนี้กลับอัญเชิญออกมาโดยตรง ดูท่าครั้งนี้เขาคงต้องการเอาชนะอย่างเด็ดขาด ไม่เปิดโอกาสให้เยี่ยฉังเซิงเลยแม้แต่น้อย”
อู่ว่านโจวขมวดคิ้วแน่น กล่าว “หากเป็นเช่นนั้น การประลองครั้งนี้ น้องเขยของข้าก็อันตรายน่ะสิ?”
หนิงอันมองไปยังเยี่ยชิวที่ยืนอยู่บนเวที พลางกล่าว “ข้าเชื่อมั่นในตัวฉังเซิง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...