วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 552

สิ่งที่เยี่ยชิวอยากรู้อยากเห็นมาโดยตลอด คือเยี่ยหวู่ซวงอยู่อันดับที่เท่าไหร่ของอันดับเทพ?

ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินเฉียนจิ้งหลานพูดว่าเยี่ยหวู่ซวงเก่งที่สุดในโลก แต่ชื่อของเยี่ยหวู่ซวงกลับไม่ได้อยู่ในอันดับมังกร ซึ่งหมายความว่าชื่อของเยี่ยหวู่ซวงจะต้องอยู่ในอันดับเทพเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงกว่าก็คือการที่เยี่ยหวู่ตี้ตอบกลับมาว่า: “พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ในอันดับเทพหรอกนะ”

“ไม่หรอครับ?” เมื่อได้ยิน เยี่ยชิวรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากจึงถามออกไปอีกว่า “พ่อแข็งแกร่งขนาดนั้น ชื่อของเขาจะไม่อยู่ในอันดับเทพได้ยังไงกัน?”

เยี่ยหวู่ตี้ส่ายหัว "ก็จริงอยู่ที่พลังของพี่ใหญ่นั้นแข็งแกร่งพอที่จะมีชื่ออยู่ในอันดับ"

“แล้วทำไมถึงไม่อยู่ในอันดับล่ะ?” เยี่ยชิวสงสัย

เยี่ยหวู่ตี้ยิ้มและพูดว่า: "เพราะการจัดอันดับเทพครั้งสุดท้าย คนที่ทำการจัดอันดับก็คือพี่ใหญ่น่ะสิ"

สุดยอด!

เยี่ยชิวถึงกับตกตะลึง

“และนี้เป็นเหตุผลที่เมืองต้องห้ามต้องการฆ่าพี่ใหญ่ นอกจากพวกมันจะต้องการแผนที่แล้ว เหตุผลที่สำคัญอีกประการก็คือพลังของพี่ใหญ่เป็นภัยคุกคามต่อพวกมัน” เยี่ยหวู่ตี้กล่าวต่อ: "ในปีนั้น พี่ใหญ่และหลงยี่แห่งเมืองต้องห้ามได้ต่อสู้กัน”

“ผลแพ้ชนะเป็นยังไง?” เยี่ยชิวถามอย่างกังวล

“พี่ใหญ่ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพียงครึ่งกระบวนท่า”

ตึกตัก!

หัวใจของเยี่ยชิวเต้นแรงจนสามารถได้ยิน

เมืองต้องห้ามเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่มามากกว่าเจ็ดสิบปี สำหรับหลงยี่เขามีชีวิตอยู่มานานกว่าร้อยปีและยังเป็นปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้

ไม่มีใครคาดคิดว่าหลงยี่จะพ่ายแพ้ให้แก่พ่อของเขา

“แกไม่เคยเห็นการต่อสู้ของพ่อแกมาก่อน ไม่แปลกหรอกที่แกจะไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ฉันจะบอกแกให้รับรู้ไว้ ว่าตอนที่พี่ใหญ่ยังอยู่ แค่เขาเดินผ่านทุกคนก็ถึงกลับหวาดกลัว”

“คนเมืองต้องห้ามมักจะถือว่าตนเองเป็นปรมาจจารย์ที่เฝ้าดูโลกนี้มาช้านาน โดยเฉพาะหลงยี่ที่คิดว่าตนเองนั้นเป็นเทพเจ้า แต่สำหรับตัวฉัน ฉันไม่ได้หวังว่าจะสามารถเอาชนะพี่ใหญ่ได้”

“ตอนนั้นพี่ใหญ่ของฉันยังเด็กมาก เขามีอนาคตที่สดใส จึงทำให้ผู้คนในเมืองต้องห้ามต่างพากันตื่นตระหนก กลัวว่าเมื่อไหร่ที่เขาโตขึ้น เขาจะเป็นคนทำลายล้างทุกสิ่ง”

“ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงต่างพากันหวาดกลัว เพราะในเวลานั้นพ่อของพวกเรามีอำนาจบารมีสูงส่ง และพี่ใหญ่ก็เจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า จึงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับตระกูลเยี่ยของเรา”

“สำหรับคนที่รุ่นราวคราวเดียวกัน พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกอับจนหนทาง หลายๆคนรู้สึกว่าตนเองชาตินี้ก็ไม่มีทางเอาชนะพี่ใหญ่ได้”

“แน่นอนว่ารวมถึงตัวฉันเองด้วย!”

เยี่ยหวู่ตี้กล่าวต่อ: "บอกตามตรงว่าฉันเองก็อิจฉาพี่ใหญ่ อิจฉาความแข็งแกร่งของเขาด้วย ตอนที่เขายังอยู่ ก็ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว แต่รวมถึงชายหนุ่มหญิงสาวทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวง ไม่ว่าพวกเขาจะโดดเด่นแค่ไหน สุดท้ายก็โดนความแข็งแกร่งของเขาจัดการอยู่ดี ”

“ถ้าพี่ใหญ่เปรียบเสมือนดวงจันทร์บนท้องฟ้า พวกเราก็เป็นได้แค่หิ่งห้อยบนพื้นดิน”

“ดวงจันทร์สว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า แสงริบหรี่ของหิ่งห้อยอย่างเราจะกล้าไปสู้ได้อย่างไร”

เมื่อเยี่ยหวู่ตี้พูดจบ สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เยี่ยชิวและพูดขึ้นว่า: “ฉันเห็นเงาของพี่ใหญ่ในตัวแกนะ”

“บางทีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แกอาจจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นจนเป็นที่รู้จักของทุกคน

“เยี่ยชิว เเกต้องสู้ต่อไป!”

คำพูดของเยี่ยหวู่ตี้ให้กำลังใจเยี่ยชิวเป็นอย่ามาก

เพราะคำพูดนั้นทำให้เยี่ยชิวตระหนักได้ว่า ก่อนที่จะมาเป็นนเยี่ยหวู่ซวงได้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค์ หนทางนั้นยังอีกยาวไกล

“อันดับหนึ่งของอันดับเทพคือหลงยี่หรือเปล่า?” เยี่ยชิวถามขึ้นอีกครั้ง

"ใช่" เยี่ยหวู่ตี้พยักหน้า "พี่ใหญ่เป็นคนที่ยุติธรรมมากในการจัดอันดับของอันดับเทพ หลงยี่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงไม่ธรรมดา"

“อาสาม ถ้าผมต้องเจอกับหลงอี้ตอนนี้ คิดว่าผมจะมีโอกาสชนะมากน้อยแค่ไหน?”

เยี่ยชิวอยากรู้ว่าหลงยี่นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?

“ฉันก็ได้แต่หวังว่าเขาจะตายไปแล้ว ไม่เช่นนั้น คงจะไม่ใช่แค่เมืองต้องห้าม แม้แต่พวกเราก็คงถูกเขาทำลายจนหมดสิ้น”

เยี่ยชิวตกใจและสับสน "คนนั้นคือใครกัน"

“แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าเขาเป็นใคร แกรู้ไว้แค่ว่าเขาเป็นศัตรูมากกว่าที่จะเป็นมิตรก็พอแล้ว”

เยี่ยหวู่ตี้พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม: "ฉันและเทพเจ้าสองครามได้ทำนายกันไว้ว่า ภายในสามปี คนในเมืองต้องห้ามจะพากันหนีตายออกมา เมื่อถึงเวลานั้น การต่อสู้และความตายจะเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

“ดังนั้นเราจะต้องใช้เวลาให้ได้ประโยชน์ที่สุด เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของเรา”

“เยี่ยชิว เนื่องจากแกได้ฝึกฝนชี่แท้โดยกำเนิด แกควรมุ่งมั่นและหมั่นเพียรเพื่อความก้าวหน้าของแกโดยเร็วที่สุด”

“ฉันเห็นว่าแกใช้ดรรชนีกระบี่หกชีพจร แกคงจะได้รับถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์ตู้เอ้อร์ หากแกมีเวลา ก็ไปที่วัดเทียนหลง ขอคำแนะนำจากพระภิกษุคงเจี้ยนเมื่อให้แกสามารถควบคุมดรรชนีกระบี่หกชีพจรได้สมบูรณ์แบบ เมื่อถึงเวลาที่ต้องต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย ตอนนั้นมันอาจจะขึ้นอยู่ที่แกแล้วว่าแกจะสามารถหยุดหลงยี่ได้หรือไม่”

เยี่ยชิวพยักหน้า "อาสาม วางใจได้ ผมจะหาเวลาฝึกซ้อม"

“เอาล่ะ ฉันไม่คุยกับแกแล้ว คืนนี้ฉันต้องบินไปต่างประเทศ ฉันต้องไปเก็บกระเป๋าเดินทาง”

เย่หวู่ตี้ยืนขึ้น หยิบดาบนกกระจอกมังกรต้าเซี่ยขึ้นมาแล้วหันหลังกลับเพื่อจากไป

เมื่อเดินออกจากห้องพัก เยี่ยหวูตี้ก็หยุดนิ่ง หันกลับไปมองที่เยี่ยชิวแล้วพูดว่า "ผู้อาวุโสขอให้ฉันบอกอะไรบางอย่างกับแก"

“อะไรหรอครับ?”

“หาเวลาไปพูดคุยกับหลานสาวถังเหล่าบ้างนะ”

ถังเหล่า เป็นอีกชื่อหนึ่งของเยี่ยหวู่ตี้ ซึ่งให้อารมณ์ถึงการเป็นผู้นำ

หมายความว่าอะไร?

อยากให้ไปเดทเหรอ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ