ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 584

บทที่ 584 ตำหนักกั๋วกงนัดดูตัว

“เขาเองก็ไม่ชอบผู้หญิงที่มีความสามารถด้านวรรณกรรมสักเท่าไหร่ ได้ยินมาว่าเขาผู้นี้อีกหน่อยจะได้ขึ้นเป็นอ๋องจุ้น เขาเป็นบุตรชายของอ๋องจุ้นหย่ง อ๋องจุ้นหย่งเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ที่ชายแดน แม่นางอู๋โก๋ เจ้าจะไปก็ดีไม่ไปก็ดี ข้ามีเรื่องอยากจะพูดให้เข้าใจก่อน ถ้าหากเจ้าไปจริงๆ เจ้าจะต้องบอกความจริงกับพวกเขาว่าเจ้าเป็นใคร พวกเขาไม่ชอบคนโกหก อีกทั้งถ้าหากไปแล้ว ต่อไปภายหน้าเจ้าอาจจะต้องช่วยประเทศต้าเหลียงออกรบ เขาเป็นถึงเสนาธิการ ถ้าหากเจ้าไปออกรบด้วยก็คงยากที่จะช่วยปกป้องเขาได้”

กงชิงวี่รู้สึกว่า ช่างเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!

อู๋โก๋นิ่งเงียบไป แล้วจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า: “หม่อมฉันรับปาก ไปกันวันพรุ่งนี้เถอะ”

อันหลิงหยุนพยักหน้า: “เจ้าห้ามแต่งหน้า ได้ยินมาว่าไม่ชอบคนที่แต่งหน้าจัด”

“ทราบแล้วเพคะ ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้หม่อมฉันจะแต่งตัวให้เรียบง่ายสักหน่อย” พูดจบอู๋โก๋ก็เดินจากไปด้วยความดีใจ เพื่อที่จะให้ตนเองได้แต่งงาน อู๋โก๋แทบจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว

ตอนที่ออกมา อาหยู่ยังไม่ได้ไปไหน อู๋โก๋หันมองอาหยู่ด้วยสายตาดูถูก เป็นแค่เพียงทหารยาม มีอะไรดีนักหนากันเชียว

อาหยู่มีสีหน้าอับอาย ยังจะกล้าดูถูกเขาอีก

อันหลิงหยุนหันดูประตูที่ถูกทำลาย จึงลุกขึ้นแล้วเดินไปพักผ่อนที่ลานจุนจื่อ ไม่ใช่ว่านางไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนกงชิงวี่ที่ห้อง แต่เป็นเพราะวันนี้ประตูคงไม่อาจซ่อมแซมได้ทัน

อันหลิงหยุนสั่งให้คนไปซ่อมแซมประตู แล้วจึงไปยังลานจุนจื่อก่อน

อันหลิงหยุนเพิ่งจะเข้าไป กงชิงวี่ก็มาถึงเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองแทบจะเข้าประตูมาพร้อมกัน

อันหลิงหยุนเดินเข้าไปด้านใน หยุนจิ่นรีบลุกขึ้นมาต้อนรับ อันหลิงหยุนโบกมือ: “พวกเรามาพักแค่คืนเดียว ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”

หยุนจิ่นจึงถอยออกไป อันหลิงหยุนหันมองกงชิงวี่ ทั้งสองนอนลงพักผ่อน

ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่ออันหลิงหยุนลืมตาก็ไม่เห็นกงชิงวี่แล้ว คงจะมีธุระจึงได้ออกไปก่อน

วันนี้แม่ทัพอันเองก็ไม่อยู่ เมื่อถามจึงได้รู้ว่า ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่

หยุนจิ่นออกไปเป็นเพื่อนอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนสั่งหยุนจิ่นสองสามคำ หยุนจิ่นก็ไปจัดกำลังคนมา สวีกงกงเองก็มาที่หยุนจิ่นตั้งแต่เช้าตรู่ อันหลิงหยุนไปกินข้าวเช้า ก็เห็นอู๋โก๋กำลังรออยู่ที่ประตู สวมใส่ชุดสีขาว ดูเผินๆแต่งกายเหมือนกับสาวใช้ในจวนก็ไม่ปาน อันหลิงหยุนลองถามอย่างละเอียดจึงรู้ว่า อู๋โก๋ไม่ค่อยมีเสื้อผ้าแบบที่หญิงสาวมักจะสวมใส่กัน นางชอบแต่งกายแบบทหารองครักษ์ เหมือนกับพวกตำรวจสายลับก็ไม่ปาน

อันหลิงหยุนรู้สึกว่าเช่นนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะคุณค่าอยู่ที่ความซื่อสัตย์ ยังดีกว่าพวกที่แต่งตัวสวยเพริศพริ้งเป็นไหนๆ

เมื่อออกไป ก็เดินจากไปจนถึงตำหนักกั๋วกง เมื่อลงจากรถม้าแล้ว อันหลิงหยุนก็พาอู๋โก๋เข้าไปด้านใน คนของอันหลิงหยุนยังคิดไปว่าอาหยู่ถูกให้คนมาสับเปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนเป็นแม่นางคนหนึ่งมาแทน

เมื่อไปถึงด้านใน ภายในลานยังมีคนอยู่จำนวนหนึ่ง ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่พาบุตรสาวมีดูตัว บ้างก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยสดงดงาม แต่งหน้าแต่งตาดูงามสะพรั่ง บางคนก็ดูร่าเริงและน่ารัก สวยงามและดูสง่า บางคนก็ดูอ่อนโยนและมีคุณธรรม ดูหรูหราและประณีต

อันหลิงหยุนเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน แล้วพูดกับอู๋โก๋ว่า: “คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่ใช่ทั้งหมด ช้าเพียงแค่พาเจ้ามาเดินดู หากเจ้าเต็มใจก็อย่าแสดงออกมา เผื่อว่าเขาไม่ถูกใจ จะได้ดูไม่น่าเกลียด”

“วางใจเถอะเพคะ” อู๋โก๋ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องแต่งงานกับคนที่จะขึ้นเป็นอ๋องจุ้นผู้นี้ให้ได้ ถ้าหากเขาไม่ยินดี คืนนี้ก็เชือดคอเขาซะ

อันหลิงหยุนใช้ตำแหน่งตนเองเป็นประกัน มาถึงก็ได้เวลาพอดี พอดีกับที่ภายในห้องมีฮูหยินเสินเฉิงเสี้ยงสองแม่ลูกอยู่ด้วย

วันนี้เสินหยุนเอ๋อเองก็มา ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ

ดูเหมือนว่าจวนเฉินเสี้ยงเองก็ตั้งใจที่จะหาคนดีๆให้แต่งงานกับเสินหยุนเอ๋อแล้ว

เมื่ออันหลิงหยุนเห็นฮูหยินเฉิงเสี้ยงก็พยักหน้า: “ฮูหยินเฉิงเสี้ยง”

“พระชายาเสียน” ฮูหยินเฉิงเสี้ยงเองก็คิดไม่ถึงว่าอันหลิงหยุนจะมาด้วย

ฮูหยินเฉิงเสี้ยงลุกขึ้นยืน ตอนนี้เองเสินหยุนเอ๋อที่แต่งตัวดูสง่างามราวกับดอกบัวแรกแย้มก็กำลังยืนอยู่ข้างๆ

ด้านข้างของฮูหยินใหญ่ตำหนักกั๋วกงมีคุณชายวัยหนุ่มนั่งอยู่คนหนึ่ง แต่งกายแบบบัณฑิต สวมใส่เสื้อคลุมสีฟ้าน้ำทะเล ในมือถือพัดอยู่ กำลังนั่งใจลอยอยู่ตรงนั้น

เขาเองรู้จักเสินหยุนเอ๋อ แต่หยุนซวนอี้ไม่ชอบ

แต่ได้ยินมาว่าการแต่งงานครั้งนี้ ฮองเฮาเคยกล่าวถึง ฮ่องเต้เองก็เคยให้การดูแล

หยุนซวนอี้จึงจำต้องกัดฟันนั่งอยู่ที่นั่น บรรดาหญิงสาวที่อยู่ด้านนอกก็เห็นมาหมดแล้ว ไม่รู้สึกถูกใจใครเลยสักคน

เดิมทีข้าคิดว่าชื่อของข้าไม่ดี เป็นผู้ที่ไร้ผล ดังนั้นเรื่องการแต่งงานจึงถูกผัดผ่อนมาโดยตลอด ภายหลังข้าทะเลาะกับเจ้านาย เจ้านายจึงบอกว่า จริงๆแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เขาเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น ภายหลังข้าจึงได้ถามต่อ เจ้านายพูดว่า อาจารย์ของข้าค้นหาครอบครัวของข้าแต่ไร้ผล จึงได้ตั้งชื่อให้แก่ข้าว่าอู๋โก๋”

“อาจารย์ของเจ้าคงจะรู้สึกว่าเจ้าเสียงดังโวยวาย จึงได้พูดปัดเจ้า แต่ว่าผลไม้ก็ไม่มีอะไรไม่ดีนี่ ดูลักษณะที่ชุ่มชื่นสดใสของเจ้า ช่างดูหอมหวานชื่นใจ”

“......ท่านรู้จักปลอบให้คนดีใจเป็นด้วยหรือ?” เดิมทีอู๋โก๋ไม่ได้รู้สึกมีความหวังอะไรนัก ตอนที่มาหมอกุ่ยและผู้ติดตามต่างก็พูดเอาไว้แล้วว่า ส่วนใหญ่จะไม่ถูกใจ อย่าหวังอะไรให้มันมากนักก็พอแล้ว ตำหนักกั๋วกงนั้นมิอาจสู้ได้

แต่ลักษณะของคนผู้นี้ช่างดูหล่อเหลา ซ้ำยังรู้จักใช้คำพูด ไม่เลวจริงๆ

“นั่นมันเป็นเรื่องธรรมดา เพมื่อพบเจอหญิงสาวที่ถูกใจ ก็ยิ่งจะต้องปากหวานสักหน่อย มิเช่นนั้นหากหนีไปก็คงจะไม่ดีแน่ ขอถามแม่นางหน่อยว่ากระบี่เล่มนี้ได้มาจากที่ไหน เป็นวรยุทธอย่างนั้นหรือ?”

อู๋โก๋พูดว่า: “แน่นอน!”

หยุนซวนอี้ได้ยินก็มีความสุข: “เด็กๆ นำกระบี่มา!”

อู๋โก๋จ้องหยุนซวนอี้: “ท่านเป็นวรยุทธด้วยหรือ?”

“พูดเป็นเล่น ตำหนักกั๋วกงของข้าเป็นที่ที่สร้างยอดฝีมือออกมามากมาย แล้วจะไม่เป็นได้อย่างไร?”

อู๋โก๋มองอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนยกถ้วยน้ำชาขึ้น แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

แต่อันหลิงหยุนเองก็แอบสังเกตสีหน้าท่าทีของเสินหยุนเอ๋อสองแม่ลูก

ไม่นานกระบี่ของหยุนซวนอี้ก็ถูกนำออกมา เมื่อนำกระบี่ออกมาจากฝัก ก็เผยให้เห็นความถึงความคม หยุนซวนอี้พุ่งดาบออกไป

อู๋โก๋เมื่อเห็นท่าทีที่ดุร้าย ก็รีบเงื้อกระบี่ออกไปรับ ในที่สุดทั้งสองก็ต่อสู้กันตั้งแต่ด้านในจนออกไปด้านนอก ความสามารถของอู๋โก๋ยากที่หยุนซวนอี้จะเทียบได้ ถึงแม้ว่าหยุนซวนอี้จะไม่อาจเทียบได้ แต่เมื่อเทียบกับผู้พิทักษ์ของสำนักทิงเฟิงแล้ว ก็ต้องถือว่ายังอ่อนกว่ามาก

ต่อสู้ได้ไม่นาน หยุนซวนอี้ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เขากระโดดขึ้นไปอยู่บนภูเขาจำลอง อู๋โก๋ตามขึ้นไป หยุนซวนอี้ตั้งใจที่จะยืนไม่มั่นคง จึงตกลงมาจากด้านบน อู๋โก๋ตกใจจนหน้าซีด ไม่ง่ายที่จะมีคนชื่นชอบนาง ถ้าปล่อยให้ตกลงมาตายก็คงจะไม่ดี?

จึงโยนกระบี่ที่อยู่ในมือทิ้ง แล้วอู๋โก๋ก็เข้าไปดึงหยุนซวนอี้ไว้ หยุนซวนอี้อาศัยจังหวะนี้ดึงอู๋โก๋เข้ามากอดไว้ ทั้งสองหล่นลงมายังพื้นพร้อมกัน หิมะที่อยู่รอบๆโปรยปราย ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน