บทที่ 586 ค่าหัวของนางคือสิบล้าน
ในปีนั้น อู๋โก๋เพิ่งจะอายุ 15 ปี มีหลายคนมาสู่ขอนาง นางรู้สึกชอบใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ลงเอยกันด้วยเรื่องทรัพย์สมบัติหมด
คนที่มาดูตัวเหล่านั้นเพียงก็เห็นนางต่างก็รู้สึกชอบ แต่เมื่อลองถามไถ่ต่างก็จากไปด้วยความรู้สึกสลดใจ ซ้ำยังพูดอีกว่าน่าเสียดาย
อู๋โก๋ลองสอบถามจึงได้ความว่า จริงๆแล้วอู๋ซานเป็นคนนินทานางลับหลัง บอกว่านางเป็นคนขี้โมโห ขาก็ใหญ่โดยไม่ต้องพูดถึง ซ้ำยังมีกลิ่นตัวอีก
อู๋โก๋ไม่ได้มีกลิ่นตัว เป็นเรื่องที่อู๋ซานแต่งขึ้นเองทั้งหมด
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อู๋โก๋ก็เริ่มที่จะตลบหลังอู๋ซาน ขอแค่มีคนเข้ามาสู่ขออู๋ซาน อู๋โก๋ก็จะแอบปล่อยข่าวลือ บอกว่านางและอู๋ซานมีความสัมพันธ์กัน นางอายุยังน้อยไม่รู้เรื่อง จึงอยากจะให้อู๋ซานแต่งงานหลังนาง แต่จริงๆแล้วอู๋ซานแก่กว่านางหนึ่งปี พวกเขาทั้งสองคนหนึ่งโตกว่าคนหนึ่งเด็กกว่า ดูๆไปแล้วก็เหมาะสมกันดี
ใครจะไปรู้ว่า ข่าวลือนี้จะทำให้ตัวนางเองก็พลอยติดร่างแหไปด้วย ตอนนี่มานั่งคิดๆดู อู๋โก๋มานึกเสียใจทีหลังจริงๆ!
อู๋โก๋ส่ายหน้าและถอนหายใจ นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของนาง ใครใช้ให้อู๋ซานไปเที่ยวบอกใครต่อใครว่านางมีกลิ่นตัวกัน มีคำกล่าวว่าใครทำอะไรไว้ ก็สมควรได้รับผลอย่างนั้น อู๋ซานรนหาที่เองทั้งนั้น
อู๋ซานเชิญอันหลิงหยุนเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางของเฟิงอู๋ฉิงก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย มีท่าทีของความจนใจปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้ว
เมื่อเห็นแล้วอันหลิงหยุนก็อดไม่ได้ที่จะบ่น นี่ก็ถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งของหมอ ทุกครั้งที่ตรวจโรคให้ผู้ป่วย ก็มักจะชอบบ่นสักสองสามคำ ประการที่หนึ่งคือเพื่อให้ผู่ป่วยคลายความตื่นเต้นลง ประการที่สองก็เพื่อแนะนำผู้ป่วย
“เจ้าสำนักเฟิงเป็นคนเก่งกาจมีความสามารถเช่นนี้ ยังจะคิดมากด้วยเรื่องกวนใจเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ด้วยหรือ?” อันหลิงหยุนถามตามที่ตนเองคิด จากนั้นก็ตรวจวินิจฉัยให้ก่อน แล้วตามด้วยการฉีดยาให้เฟิงอู๋ฉิง
เฟิงอู๋ฉิงนอนนิ่งไม่พูดอะไร อันหลิงหยุนจึงบ่นต่อ
“วิธีที่จะรักษาโรคได้ดีที่สุดก็คือการทำใจให้สงบ ดูๆไปแล้วเจ้าสำนักเฟิงมีเรื่องในใจอันหนักอึ้ง ตอนนี้ถึงได้เป็นเช่นนี้”
เฟิงอู๋ฉิงปิดตาลงด้วยความรู้สึกหดหู่ ไม่เพียงแค่หน้าตาน่าเกลียดเท่านั้น ยังเป็นพวกปากมากจู้จี้ขี้บ่นอีกด้วย พูดพร่ำไม่หยุดตั้งแต่เช้าจรดเย็น
ตอนนี้เฟิงอู๋ฉิงเริ่มเห็นใจกงชิงวี่ แต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ ก็ถือว่าความภาคภูมิใจของอ๋องเสียนได้ถูกทำลายลงหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นจึงได้ประจบสอพลอไปวันๆ ก็เพื่อที่จะไม่ต้องมีอะไรมารบกวนหู
อันหลิงหยุนนั่งอยู่สักพัก ก็หันไปมองอู๋ซาน เห็นใบหน้าของเขาเต็มไปกด้วยความเบื่อหน่าย อันหลิงหยุนจึงถามว่า: “ท่านอัศวินอู๋ซานมีเรื่องอะไรหรือ? เห็นสีหน้าดูหดหู่?”
“เรื่องนี้......” อู๋ซานไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จึงหันไปมองเฟิงอู๋ฉิง แล้วเห็นว่าไม่มีทีท่าว่าจะห้ามปราม จึงหันกลับมามองอันหลิงหยุนแล้วพูดว่า: “อู๋โก๋จะแต่งงาน ท่านเจ้าสำนักต้องการให้ข้าออกเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้อู๋โก๋เป็นสินสอด แต่ข้าติดตามท่านเจ้าสำนักมาหลายปี ก็ไม่เคยหาเงินได้แม้แต่แดงเดียว มาวันนี้จะให้ข้าออกเงิน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหามาจากไหน”
อันหลิงหยุนนึกขำอยู่ในใจ คนในยุทธภพพวกนี้ บางทีความคิดก็ช่างไร้เดียงสา ไม่เหมือนกับที่แสดงกันอยู่ในละครโทรทัศน์เลย มีอะไรก็พูดอย่างนั้น ความคิดช่างบริสุทธิ์จริงๆ!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ขอเจ้าสำนักสักส่วนสิ?” อันหลิงหยุนจงใจเสนอความเห็น
อู๋ซานหันไปมองเฟิงอู๋ฉิง: “เจ้าสำนัก ท่านช่วยข้าออกสักหน่อยสิ”
เฟิงอู๋ฉิงรู้สึกเจ็บใจ ผู้หญิงคนนี้น่ารำคาญจริงๆ!
“ตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีเงิน เงินของข้าถูกยืมไปหมดแล้ว” จริงๆแล้วเฟิงอู๋ฉิงมีเงินมากมาย ร้านค้าก็มีอยู่มากมาย แต่ไม่กี่วันก่อนเขาถูกยืมเงินไปหมดแล้วจริงๆ
อู๋ซานจ้องมองเฟิงอู๋ฉิน: “เจ้าสำนัก......”
เฟิงอู๋ฉิงขึ้เกียจพูดคุยไร้สาระกับเขา จึงพูดว่า: “อู๋โก๋จะแต่งงาน ข้าเองก็กำลังเป็นทุกข์เรื่องเงิน มิเช่นนั้นทำไมข้าจะต้องรับช่วงต่อเรื่องฆ่าพระชายาเสียนด้วย?”
“......”
อู๋ซานตกตะลึง ช่วงนี้ได้ยินเรื่องที่เจ้าสำนักเฟิงรับฆ่าคนมาไม่น้อย พวกเขาเองต่างก็มีส่วนแบ่ง หรือว่าจะขาดแคลนเงินแล้วจริงๆ?
“เจ้าสำนัก พวกเรามีร้านค้าทั้งสิ้นสองร้อยกว่าร้านในทั่วทุกสารทิศ เงินไหลมาเทมาเหมือนสายน้ำ แล้วทำไมถึงได้......”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ข้าบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีสิ!” เฟิงอู๋ฉิงคิดถึงเงินพวกนั้น ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ตอนนี้เพิ่งมานั่งนึกเสียใจที่หลังที่ตอนนั้นทำเช่นนั้นลงไป
อันหลิงหยุนพอจะฟังเข้าใจแล้ว ยุทธภพจะกว้างใหญ่สักแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นความต้องการพื้นฐานในชีวิต เงินแม้เพียงหนึ่งอัฐก็สร้างความลำบากให้แก่วีรบุรุษได้
อันหลิงหยุนแทบจะไม่ไหวติง: “ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่สุดท้ายก็จะเป็นการทำลายความสง่างามของสำนักทิงเฟิง ล่ำลือกันว่าสำนักทิงเฟิงเป็นสำนักของนักฆ่าที่ใหญ่ที่สุดในยุทธภพ ฆ่าคนหนึ่งคนสามารถเรียกค่าจ้างได้สูงสุดถึงสามล้าน หากเป็นเช่นนี้ เพื่อเงินสินสอดเพียงเล็กน้อยถึงกับต้องไปปล้นเงิน ก็คงจะขายหน้าไม่น้อย”
เฟองอู๋ฉิงรู้สึกเจ็บใจ แล้วจึงถามอย่างใจร้อนว่า: “ความหมายก็คือ หากข้าไม่มีของค้ำประกัน ก็ไม่สามารถยืมเงินออกมาได้ และไม่มีทางที่จะไปปล้นเงินได้ด้วย?”
“ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีที่จะไปปล้นเงิน แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าสำนักเฟิงว่าจะปล้นหรือไม่ปล้นเงินจำนวนนี้ ความสามารถของเจ้าสำนักเฟิง ยังจะต้องไปคิดเรื่องเงินให้ซับซ้อนวุ่นวายอีกหรือ ถ้าหากต้องการจะปล้นก็อาศัยแค่ความสามารถของเจ้าสำนักเฟิง ก็ถือเป็นเรื่องที่ง่ายแค่ปลายนิ้ว
แต่สำหรับเรื่องการปล้นเงิน สำหรับเจ้าสำนักเฟิงแล้วถือเป็นการลดเกียรติลงมาสักหน่อย”
เฟิงอู๋ฉิงอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียก็ไม่อาจปล้นเงินได้
อู๋ซานเองก็พิจารณาอยู่สักครู่แล้วพูดว่า: “พวกเราได้ยินมาว่ารายได้แต่ละปีของสำนักทิงเฟิง อย่างน้อยๆก็น่าจะได้สักหลายสิบล้าน นี่ถือว่ายังน้อย เพราะบางครั้งแค่ค่าหัวคนคนเดียวก็มีมูลค่าหลายสิบล้านแล้ว ดังนั้นแต่ละปีสำนักทิงเฟิงของเราฆ่าคนไปจำนวนไม่น้อย แค่ฆ่าคนเพียงหนึ่งคนก็จะมีการขนส่งเงินหลายคันรถใหญ่ๆ ในยุทธภพไม่ได้มีนักฆ่าของสำนักเราเพียงสำนักเดียวเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็เป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุด นั่นเป็นเพราะพวกเราไม่มีใครที่ไม่สามารถฆ่าได้ อีกทั้งราคาค่าหัวก็แพง อย่างน้อยๆพวกเราฆ่าคนหนึ่งคนจะต้องได้ไม่ต่ำกว่าสามแสน
“สามแสน?” อันหลิงหยุนหันมองเฟิงอู๋ฉิง: “แล้วค่าหัวของข้าล่ะเท่าไหร่?”
“หากคำนวณตามราคามาตรฐานของพวกเรา ค่าหัวของท่านอ๋องคือสิบล้านต่อหัว สำหรับพระชายาเสียนน่าจะอยู่ที่ประมาณเจ็ดล้าน!”
อู๋ซานคำนวณตามราคามาตรฐานของพวกเขา แต่......
“หากเจ้าสำนักลงมือด้วยตัวเอง น่าจะประมาณสิบล้าน”
อันหลิงหยุนทำเป็นจ้องมองดวงตาลุกวาวด้วยความประหลาดใจก่อน จากนั้นจึงทำหน้านิ่ง: “หากกล่าวเช่นนี้ เท่ากับว่าหัวของข้าก็มีค่าขนาดนี้เชียว แต่พูดได้ว่าคนที่จะสามารถออกเงินจำนวนนี้ได้ก็คงมีไม่มาก”
“คนที่จะสามารถเชิญเจ้าสำนักของเราได้นั้นมีไม่มาก แต่คนที่จะออกเงินจำนวนสิบล้านได้นั้นก็คงจะมีไม่น้อย
สำหรับสามัญชนคนธรรมดาทั่วไปก็คงจะทำไม่ได้ แต่สำหรับเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์นั้นก็ยังพอมี”
อู๋ซานพูดต่อ อันหลิงหยุนอยากจะถามต่อ แต่ถูกเฟิงอู๋ฉิงพูดตัดบทเสียก่อน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...