ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 713

บทที่ 713 พลังของเจ้าห้า

เมื่อเห็นสภาพอย่างนั้นของอาหยู่ อันหลิงหยุนพลันรู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาทันที ช่างน่าผิดหวังอะไรอย่างนี้หนอ

"เจ้าก็อย่าร้องไห้อีกเลยน่า ให้เจ้าติดตามอยู่ข้างกาย ข้าไม่ชอบที่การตอบสนองของเจ้ามันช้าเกินไป ไม่สู้ให้เจ้าคอยติดตามหยุนจิ่นเสียดีกว่า ให้หยุนจิ่นอบรมพัฒนาเจ้าสักปีครึ่ง ถ้าหยุนจิ่นรู้สึกว่าเจ้าเหมาะสมเพียงพอแล้ว ค่อยกลับมาอีกครั้ง เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร?” อันหลิงหยุนถามต่ออย่างใช้ความอดทนที่นับว่าสูงมากแล้ว

อาหยู่เงยหน้าขึ้น: "หากว่าข้าเรียนรู้ได้ดีขึ้นแล้ว ข้าจะยังกลับมาได้ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"

อันหลิงหยุนคิดอยู่พักหนึ่ง: "ถ้าเจ้าไม่อยากกลับมา ก็ไม่จำเป็นต้องกลับก็ได้"

“ ข้าจะต้องกลับมาแน่นอน” อาหยู่ยังคงดื้อรั้น ยืนกรานหนักแน่น

อันหลิงหยุนก็ไม่อยากพูดอะไรมาก นางเหนื่อยแทบตายแล้ว ยังต้องมานั่งดูอาหยู่ร้องไห้อีก

“ เช่นนั้น เจ้าก็ตั้งใจเรียนรู้ให้ดีล่ะ”

"….. " อาหยู่ยังคงรู้สึกอยากร้องไห้ รีบหมุนตัวเดินออกไปทันที

อันหลิงหยุนไปดูพวกเด็กๆ เมื่อเข้าประตูไปก็เห็นว่าไฟในห้องฮูหยินรองยังไม่ดับ อันหลิงหยุนจึงหันไปถามกงชิงวี่: "ฮูหยินรองยังไม่อยากกลับไปหรือเพคะ?"

" หยุนหยุนพูดเองไม่ใช่หรือ ว่าถ้าชอบก็อยู่ไป ? " ทันทีที่กงชิงวี่หยิบยกเรื่องขึ้นมาพูด โทสะก็พลันคุกรุ่นขึ้นมาจนทั่วสรรพางค์ร่างกายอีกครั้ง จวนอ๋องเสียนกลายเป็นสถานที่อะไรไปแล้ว ไม่ว่าใครต่อใครก็รับเข้ามาอยู่ได้หมด

อันหลิงหยุนหันมองกงชิงวี่แวบหนึ่ง แล้วเดินเลี่ยงไปห้องของพวกเด็กๆ

แม่ทัพอันในเวลานี้ กำลังอุ้มเจ้าใหญ่หยอกล้อไปมาอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นอันหลิงหยุนจึงวางเจ้าใหญ่ลง

"พ่อ."

อันหลิงหยุนเดินเข้าไปทักทายบิดา จากนั้นจึงอุ้มเด็กๆขึ้นมาหยอกเล่น วันนี้เจ้าห้าก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่เพราะวันนี้ เจ้าห้าแลดูมีชีวิตชีวากระตือรือร้น ทันทีที่อันหลิงหยุนมา เขาก็เริ่มเอาแต่ใจ ด้วยการยึดอ้อมกอดของอันหลิงหยุนไว้แต่เพียงผู้เดียว เอาตัวเข้าแนบชิดอยู่ในอ้อมอกของนางไม่ห่าง

เด็กๆคนอื่นต่างก็อิจฉา แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ เพียงนั่งดูอยู่รอบ ๆเท่านั้น

เจ้าเสือน้อยกับจิ้งจอกหางสั้น ทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้พิทักษ์ซ้ายขวาอย่างไรอย่างนั้น ขอเพียงเจ้าห้าอยู่ที่ไหน พวกเขาก็จะตามไปอยู่ที่นั่นด้วย

อันหลิงหยุนพบว่า วันนี้เจ้าห้าดูแตกต่างไปจากทุกวัน คล้ายกับว่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขาไม่อยากออกห่างนาง

อันหลิงหยุนนั่งเล่นอยู่สักครู่ ก็อุ้มเจ้าห้าพาเดินออกไปด้วย

ก่อนจะไปยังทำให้เด็กๆที่เหลืออิจฉากันแทบแย่

เมื่อปิดประตูเรียบร้อยแล้ว อันหลิงหยุนก็อุ้มลูกชายเดินกลับไปที่ลานโอวหลาน นางวางลูกชายลงบนพื้น ประคองให้ลองยืนที่พื้นดู "เจ้าห้า เมื่อไหร่ลูกถึงจะยืนได้สักทีนะ?"

เจ้าห้าจับจ้องอันหลิงหยุน ก้าวเท้าน้อยๆของตัวเองไปข้างหน้า อันหลิงหยุนถึงกับตะลึงค้าง: "เจ้าห้า ลูกช่างร้ายกาจอะไรอย่างนี้?"

เจ้าห้าสืบเท้าก้าวไปข้างหน้าต่อ อันหลิงหยุนจึงปล่อยมือ แต่เจ้าห้าไม่สามารถทรงตัวยืนได้ สีหน้าพลันดำคล้ำจมดิ่ง หน้าคะมำคว่ำลงกับพื้นทันที กงชิงวี่ที่อยู่ด้านหลังรีบเข้าไปอุ้มลูกชายขึ้นมา กอดแล้วตบปลอบเบา ๆ พลางหันไปหาอันหลิงหยุนด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี: "เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง?"

อันหลิงหยุนถึงกับยืนอึ้ง: "แต่เจ้าห้าก้าวเท้าเดินเองนะเพคะ ท่านอ๋องไม่เห็นหรือ?"

กงชิงวี่ยังคงอารมณ์ไม่ดี: "ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ เจ้าต้องคอยประคองไว้ ยังปล่อยมือไม่ได้ เกิดล้มจนหน้าเสียโฉมไปจะทำอย่างไร?"

"..... ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้กลัวว่าเจ้าห้าจะหกล้มแล้วได้รับบาดเจ็บ แต่ท่านกลัวเจ้าห้าจะหกล้มแล้วเสียโฉม?"

ในสมองของอันหลิงหยุน ปรากฏความคิดอยู่สองแบบ หกล้มแล้วบาดเจ็บ คือเป็นห่วงว่าลูกจะเจ็บ แต่หกล้มแล้วเสียโฉมนั้น มันไม่เหมือนกันซะแล้วน่ะสิ

กงชิงวี่อุ้มลูกชายนั่งลง: "ไม่เหมือนกันตรงไหน?"

"แน่นอนว่ามันต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว หรือท่านอ๋องกลัวว่าถ้าล้มไปแล้วเสียโฉม จะเป็นที่น่าอับอายขายหน้าคนอื่นในภายหลัง?"

"หึ ลูกชายของข้าทั้งคน เป็นธรรมดาที่ต้องโดดเด่นเหนือใครในฝูงชนอยู่แล้ว ไม่เพียงเชี่ยวชาญด้านวรรณกรรม เก่งกล้าในการศึกการทหารเท่านั้น ยังต้องอยู่ในขั้นโดดเด่นเหนือชั้นกว่าใครๆในฝูงชนอีกด้วย"

"ท่านอ๋อง เด็กๆนั้นต้องรอให้พวกเขาเติบโตขึ้นก่อน ถึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ถ้าเกิดว่าเจ้าห้าโตขึ้น แล้วไม่เป็นไปอย่างที่ท่านอ๋องคาดหวัง เช่นนั้นแล้วท่านจะทำอย่างไรเพคะ?" อันหลิงหยุนอุ้มเจ้าห้ากลับมา จงใจพูดขู่ให้กงชิงวี่กลัว

สีหน้าของกงชิงวี่คล้ำทะมึนหนัก: "พูดจาเหลวไหล ลูกชายของข้า อย่างไรก็ต้องล้วนหล่อเหลาสง่างามอยู่แล้ว"

"อย่างนั้นหรือ?"

นางแล้วไปล้มตัวนอนลงอีกด้าน เตรียมจะพักผ่อนบ้าง

หลังจากนอนลงไปได้ครู่เดียว ก็รู้สึกว่าเจ้าห้าที่นอนอยู่ข้างๆตัวเขาได้ตื่นลุกขึ้นมา

ผ้าห่มขยับไปมา เจ้าห้าลุกขึ้นนั่ง กงชิงวี่ลืมตาขึ้นมองเจ้าห้า เจ้าห้าก็มองกลับมาที่เขา

กงชิงวี่จึงลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าแปลกใจ หลุบตาลงมองเจ้าห้า พ่อลูกจ้องประสานสายตากันไปมา เจ้าห้ามองไปที่ข้อมือของอันหลิงหยุน ในเวลานั้น อันหลิงหยุนได้หลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว

เจ้าห้าปลดผ้าพันข้อมือของอันหลิงหยุนออก แม้ว่าบาดแผลจะหายไปบ้างแล้ว แต่รอยแผลที่อยู่บนนั้น ก็ยังน่ากลัวจนทำให้คนเห็นแล้วต้องผวาอยู่มาก

กงชิงวี่อยากเปิดปากถามว่ามีอะไร แต่เจ้าห้าก็พลันกัดเข้าที่ข้อมือทันที กงชิงวี่เอื้อมมือออกไป คิดจะยับยั้งเอาไว้ เลือดก็รินไหลออกมาแล้ว

เจ้าห้าวางข้อมือของตัวเองไว้บนข้อมือของอันหลิงหยุน เลือดหยดแล้วหยดเล่าไหลลงบนข้อมือของอันหลิงหยุน เลือดเหล่านั้นเริ่มปรากฏควันจาง ๆ ลอยออกมาให้เห็น

กงชิงวี่คว้าจับมือลูกชายเข้ามาดู ใจหนึ่งก็เป็นห่วงลูกชาย อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงอันหลิงหยุน

ข้อมือของอันหลิงหยุนเกิดการเยียวยาอย่างรวดเร็ว กงชิงวี่หันไปมองลูกชาย เลือดของเขามหัศจรรย์เสียยิ่งกว่าเลือดของแม่เขาเสียอีก

ไม่นานหลังจากนั้น บาดแผลของอันหลิงหยุนก็สมานตัวจนหายดีเป็นปกติ เจ้าห้าเก็บมือตัวเองกลับ บาดแผลที่ข้อมือก็เริ่มหายไป

กงชิงวี่ถึงกับต้องสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าปอดไปเฮือกหนึ่ง มองไปที่จิ้งจอกหางสั้นกับเจ้าเสือน้อย ที่นอนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า จากนั้นจึงหันมามองเจ้าห้า: "ไปนอนเถอะ"

เจ้าห้าเอนตัวเข้าพิงร่างของอันหลิงหยุนแล้วหลับตาลง แต่เพราะเขายังเด็ก สีหน้าจึงซีดขาวลงไปมาก

กงชิงวี่ห่มผ้าห่มให้ทั้งแม่ทั้งลูก ไม่ได้พักผ่อนตลอดทั้งคืน

อันหลิงหยุนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เห็นกงชิงวี่นอนกรนคร่อกๆ พลางอุ้มเจ้าห้าที่หลับสนิทเอาไว้ในอ้อมแขน

เดิมทีนางตั้งใจว่าจะดึงพ่อลูกออกจากกัน แต่กงชิงวี่กอดลูกชายหลับสนิทมาก อันหลิงหยุนจึงลุกจากเตียงเพื่อไปล้างเนื้อล้างตัว แต่เมื่อได้เห็นแผลที่ข้อมือ อันหลิงหยุนก็พลันบันดาลโทสะ หันกลับมาร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า: "กงชิงวี่”

กงชิงวี่แสร้งทำเป็นหลับ กอดลูกชายไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แต่เจ้าห้ากลับลืมตาขึ้นมาแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน